นิธิ เอียวศรีวงศ์: พรรคเพื่อไทยหายไปไหน 2

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

พรรคเพื่อไทยคงชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่น่าจะท่วมท้นอย่างที่คุณทักษิณทำนาย (หรือขู่ก็ไม่ทราบ) อย่างน้อยก็ไม่น่าจะท่วมท้นขนาดที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พรรคซึ่งชนะการเลือกตั้ง จะสามารถจัดตั้งรัฐบาล แม้แต่รัฐบาลผสม ฉะนั้นหากพรรคเพื่อไทยยังไม่หายไปไหน ลืมคำทำนายของคุณทักษิณเสีย (หรือลืมคุณทักษิณไปเลยยิ่งดี) แล้วคิดให้ชัดว่าจะมีบทบาทในฐานะฝ่ายค้านอย่างไร พรรคการเมืองต้องมีอนาคตยาวนานกว่าสมัยของสภา หรือของการเลือกตั้งทั่วไป

พรรคเพื่อไทยต้องเข้าใจให้ดีว่า ชัยชนะหากจะมีในการเลือกตั้งครั้งนี้ของพรรค ส่วนใหญ่มาจากความสะใจของคนที่รังเกียจพรรคทหาร จะเลือกพรรคใดก็ไม่สะใจเท่ากับเลือกพรรคที่ถูกพรรคทหารประกาศความเป็นศัตรูเช่นพรรคเพื่อไทย ความเป็นเหยื่อของอำนาจที่ไม่ชอบธรรมนั่นแหละ ยิ่งเป็นหลักประกันแก่คะแนนเสียงสะใจให้แก่พรรคได้อย่างมั่นคงแข็งแรงขึ้น

แต่ความสะใจเป็นฐานทางการเมืองได้สำหรับการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่อาจใช้เป็นฐานในการดำเนินการทางการเมืองที่ยากๆ และจำเป็นแก่ประเทศชาติได้ หลังจากหายสะใจแล้ว ผู้คนก็จะลืมพรรคเพื่อไทยไปเรื่อยๆ แม้แต่สามารถอภิปรายได้อย่างสะใจในฐานะฝ่ายค้าน อย่างเก่งพรรคเพื่อไทยก็จะเท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่เคยชนะการเลือกตั้งมาไม่รู้จะกี่ทศวรรษแล้ว ดังนั้น แม้แต่ผู้ภักดีต่อพรรคที่มีอยู่ในเวลานี้ ก็จะหลุดออกไปจนยิ่งเหลือน้อยลง และยิ่งแพ้การเลือกตั้งหนักขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม ชัยชนะจากการเลือกตั้งซึ่งก็ยังต้องเป็นฝ่ายค้านนั้น ให้ประโยชน์แก่พรรคเพื่อไทยด้วย เพราะจะทำให้พรรคมีเกราะป้องกันให้แข็งแกร่งพอจะดำเนินงานทางการเมืองที่จำเป็นได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกยุบพรรคหรือทำให้สมาชิกภาพของ ส.ส.พรรคสิ้นสุดลงอย่างง่ายๆ ดังที่เขาได้เตรียมกฎหมายไว้เพื่อการนี้แล้ว ทั้งนี้เพราะอำนาจของกฎหมายนั้น ตรงกันข้ามกับที่นักกฎหมายของเผด็จการเข้าใจ เกิดขึ้นได้จากความเห็นชอบของประชาชน หากเขียนกฎหมายให้ต้องมาประจันหน้ากับความเห็นชอบของประชาชน กฎหมายย่อมหดอำนาจของตนให้เหลืออยู่บนกระดาษเท่านั้น

คู่แข่งสำคัญของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้คือพรรคทหาร นโยบายของพรรคนี้นั้นชัดเจนแก่ประชาชนอยู่แล้ว คือ รัฐธรรมนูญและยุทธศาสตร์ชาติ

ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเอาชนะพรรคทหารในระยะยาว ไม่ใช่เพียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคจะต้องศึกษานโยบายของพรรคทหารในเอกสาร 2 อย่างนี้อย่างละเอียดและเจาะลึก

มองให้เห็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง คิดให้ได้ว่าทางเลือกที่ดีกว่า (และเป็นไปได้ด้วย) คืออะไร รู้ว่าอะไรคือเป้าหมาย และจะต้องใช้วิธีการอย่างไรจึงจะบรรลุเป้าหมายนั้นได้ โดยไม่ทำให้ภาวะแยกขั้วทางการเมืองเลวร้ายลง

ทำอย่างนี้ได้ ก็จะได้นโยบายของพรรคที่ชัดเจนและตอบสนองต่อวิกฤตในทุกทางที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่เวลานี้ ประชาชนจะรู้ว่าเลือกพรรคเพื่อไทยแล้วจะได้อะไรอีกบ้างนอกจากความสะใจ

จะเอาชนะพรรคทหารในระยะยาวได้ พรรคเพื่อไทยต้องคิดถึงผู้สนับสนุนหน้าใหม่ อย่ายึดติดกับผู้สนับสนุนหน้าเก่าเพียงอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นพรรคจะโตพอเป็นความหวังให้คนไทยฝากไว้ สำหรับการเอาทหารกลับกรมกองอย่างถาวรได้อย่างไร

แล้วก็เลิกคิดเสียทีว่า คุณทักษิณคนเดียวจะทำอย่างนั้นได้ เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องการความพร้อมใจของคนทั้งชาติ รวมแม้กระทั่งสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะไม่เหลือทางเลือกอื่น นอกจากคล้อยตามเสียงส่วนใหญ่มหึมาของประชาชน

ปราศจากนโยบายที่ชัดเจน และหนทางที่จะบรรลุเป้าหมายอย่างชัดเจนเพียงพอ พรรคจะเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคได้อย่างไร บางคนอาจเหมาะสมเพราะเป็นที่เคารพนับถือของสมาชิกส่วนใหญ่ แต่ห่วยแตกที่จะเป็นหัวหน้าในการดำเนินนโยบายซึ่งพรรคได้คิดและได้รับความเห็นชอบ (ทั้งจากสมาชิกและประชาชนผู้สนับสนุน) คุณทักษิณคนเดียวตัดสินใจให้ไม่ได้ นอกจากเพื่อดำเนินนโยบายการเมืองที่เป็นประโยชน์แก่คุณทักษิณคนเดียว หากคนไทยจะสามารถฝากอนาคตทางการเมืองไว้กับพรรคเพื่อไทย

พรรคก็ต้องพิสูจน์ตนเองให้เห็นว่าเป็นพรรคการเมืองจริง ไม่ใช่แก๊งสมุนทักษิณ

ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา คนไทยจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ถูกความอยุติธรรมรังแกอย่างออกหน้า ไม่ว่าการเรียกคนเข้าค่ายทหารไปกักกัน ไปจนถึงต้องถูกจองจำพันธนาการในคุก หรือลี้ภัยไปต่างประเทศ เพราะความเสื่อมทรุดของกระบวนการยุติธรรม

แน่นอนการเลือกตั้งแม้แต่จอมปลอมที่จะเกิดขึ้น ก็มีส่วนบรรเทาการใช้ความอยุติธรรมลงได้บ้าง แต่ท่ามกลางการแยกขั้วทางการเมืองอย่างรุนแรงเช่นที่เราเผชิญอยู่เวลานี้ ความอยุติธรรมอาจกลับมาครอบงำการเมืองอีกเมื่อไรก็ได้ และคราวนี้จะทำร้ายผู้คนกว้างขวางกว่าเดิม กระบวนการยุติธรรมที่เสื่อมทรุดอยู่แล้ว ก็จะยิ่งเสื่อมลงไปอีกจนยากจะกู้คืนได้ เราทุกคนจะถูกกวาดต้อนเข้าไปใช้ชีวิตในซ่องโจรอย่างสมบูรณ์

อุดมการณ์ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงดึงเอาเขมรแดง ออกจากรูมาสู่อำนาจ ตรงกันข้ามกับเขมรแดง ความเห็นแก่ตัวของคนที่อยู่ในรูเหมือนกัน แต่อยากรักษาอภิสิทธิ์ของตนไว้ เมื่อเข้าสู่อำนาจเด็ดขาดอีกเมื่อไร ก็จะโหดเหี้ยมได้ไม่แพ้เขมรแดง ยิ่งท่ามกลางการแยกขั้วทางการเมือง คติ “ไม่ให้เสียของ” ก็ยิ่งผลักดันให้เหี้ยมโหดและอยุติธรรมอย่างไร้ยางอายยิ่งขึ้น

พรรคการเมืองต้องเข้าใจภารกิจของตนเองในสถานการณ์หนึ่งๆ พรรคเพื่อไทยต้องเข้าใจว่า บทบาทของพรรคในยามวิกฤตหนักหน่วงที่สุดในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงคืนความยุติธรรมให้คุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์เท่านั้น แต่หมายถึงคนอีกจำนวนมาก หรือพูดให้ถึงที่สุดต้องคืนความยุติธรรมแก่คนไทยทั้งชาติ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องวางระบบที่จะประกันความยุติธรรมแก่คนไทยทุกคนไปข้างหน้าตราบนานเท่านานด้วย

พรรคเพื่อไทยพร้อมจะรับภารกิจนี้หรือไม่

ตราบจนถึงวันนี้ พรรคเพื่อไทยดูจะไม่สำนึกด้วยซ้ำว่ามีภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้รออยู่ข้างหน้า ได้แต่นั่งรอว่าเมื่อไรเขาจะปลดล็อกพรรคการเมือง ก็จะกระโดดโลดเต้นเพื่อได้ที่นั่งสูงสุดในสภาเท่านั้น

เพื่อไทย ในฐานะพรรคการเมือง หายไปไหน?

เรื่องที่เกี่ยวข้อง: นิธิ เอียวศรีวงศ์: พรรคเพื่อไทยหายไปไหน 1

ที่มา: www.matichon.co.th/columnists/news_1071578

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท