ทบ.ตอบกลับทนายชัยภูมิ ป่าแส ระบุไม่พบภาพข้อมูลใดๆ ในกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุ

สนง.เลขานุการกองทัพบก ส่งจม. หลังทนายของชัยภูมิ ป่าแส ยื่นขอข้อมูลภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารยิงชัยภูมิ โดย จม.ระบุว่า ไม่มีภาพของวันเกิดเหตุเนื่องจากเป็นระบบบันทึกซ้ำอัตโนมัติของเครื่อง

9 ส.ค.2561 เฟสบุ๊กแฟนเพจ 'Human Rights Lawyers. Association' ของ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ตามที่เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทนายความและองค์กรเครือข่ายติดตามความคืบหน้าคดีวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ป่าแส ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการทหารบก ณ กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก เพื่อขอข้อมูลภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารยิงนายชัยภูมิ ป่าแส เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2560 นั้น


ภาพชัยภูมิและเจ้าหน้าที่ทหารค้นรถคนเกิดเหตุที่ชัยภูมินั่งมาด้วย

ล่าสุดวันนี้ สำนักงานเลขานุการกองทัพบก ได้มีหนังสือลงวันที่ 6 ส.ค.2561 ส่งถึง รัษฎา มนูรัษฎา อุปนายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและหนึ่งในทนายความคดีวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ป่าแส โดยเนื้อความในหนังสือระบุว่า 

“วันที่ 24 มีนาคม 2560 กองบัญชาการควบคุมที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 5 (บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม.5) ได้ถอดเครื่องบันทึกข้อมูลกล้องวงจรปิดออกจากจุดตรวจบ้านรินหลวง เพื่อเตรียมการส่งให้สถานีตำรวจภูธรนาหวาย และเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 กองกำลังผาเมือง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมดำเนินการเปิดดูข้อมูลภาพเหตุการณ์ของวันที่ 17 มีนาคม 2560 แต่ภาพในเครื่องบันทึกข้อมูลเป็นภาพของวันที่ 20 – 25 มีนาคม 2560 ไม่มีภาพของวันที่ 17 มีนาคม 2560 เนื่องจากเป็นระบบบันทึกซ้ำอัตโนมัติของเครื่อง ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้ทดลองทำสำเนาไฟล์ข้อมูลในช่วงวันที่ 17 มีนาคม 2560 ห้วงเวลา 10.00 – 10.10 นาฬิกา เพื่อเปิดดู แต่ก็ไม่พบภาพข้อมูลใดๆ ของวันที่ 17 มีนาคม 2560 จึงไม่ได้เก็บสำเนาไฟล์ดังกล่าว เพราะไม่มีข้อมูลใดๆ”

ทั้งนี้ข้อมูลการตอบกลับของกองทัพดังกล่าว ค่อนข้างขัดแย้งกับคำให้สัมภาษณ์ของผู้นำกองทัพที่เคยระบุทำนองว่าพวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 60 ถึงกรณีที่สังคมต้องการให้มีการเปิดเผยกล้องวงจรปิดวิสามัญ ชัยภูมิ ขณะนั้น ว่า การเปิดเผยกล้องวงจรปิดกรณีดังกล่าวยังไม่สามารถเปิดเผยได้ จนกว่าจะมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้ว จึงจะสามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นพยานวัตถุ และจะกระทบต่อคดี ซึ่งตอนนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการพิจารณาอยู่ ขออย่ารีบตัดสิน หากพิสูจน์แล้วมีความผิดต้องลงโทษตามกฎหมายไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม

หรือ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.60 พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่3 กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามถึงการปฏิบัติหน้าที่ของทหารจากการวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ว่า การตั้งด่านเป็นการตั้งด่านปรกติ สามารถตรวจสอบได้จากกล้องวงจรปิด CCTV พร้อมระบุว่า "ถ้าเป็นผม ผมอาจ กด ออโต้ ไปแล้ว ก็ได้ นี่เขายิง ไปนัดเดียว อีกคนขว้างระเบิด ผมว่า สมเหตุผล ในการป้องกันตนเอง เพราะทหารก็ ยิงแขน แต่พลาดโดนจุดสำคัญ บุญของน้อง มีแค่นั้น" 

ทั้งนี้ วันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำสั่งชี้ว่า ผู้ตายคือ นายชัยภูมิ เสียชีวิตโดย ถูกยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารและเสียชีวิตบริเวณด่านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ส่วนเรื่องข้อโต้แย้งของญาติที่ไม่เชื่อว่าชัยภูมิมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และไม่เชื่อว่าชัยภูมิใช้มีดและระเบิดเพื่อจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ ศาลไม่ได้มีคำวินิจฉัยให้ โดยศาลเห็นว่า หากมีผลคำสั่งใดๆ ออกไปจะมีผลต่อรูปคดีหรือผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ศาลจึงไม่วินิจฉัยสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ทหารยิงนายชัยภูมิ ส่วนกระบวนการต่อจากนี้ศาลจะส่งคำไต่สวนทั้งหมดให้กับพนักงานอัยการเพื่อให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งประเด็นว่า เจ้าหน้าที่ทหารกระทำไปโดยชอบหรือไม่ รวมทั้งพยานและหลักฐานสำคัญโดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่ยังไม่ถูกเปิดเผย ก่อนที่พนักงานอัยการจะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท