Skip to main content
sharethis

เครือข่ายภาคประชาชนแจงผลหารือกับผู้บริหารกรมสรรพากร กรณีการยื่นหนังสือเรียกร้อง 'ยุติการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม' เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2561 ระบุกรมสรรพากรคาดได้ข้อสรุปสิ้นเดือน ส.ค. นี้

17 ส.ค. 2561 เพจขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน ได้เผยแพร่รายงานผลการยื่นหนังสือเรียกร้องกรมสรรพากร “ยุติการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม” เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2561 เวลา 10.30 น. โดยระบุว่านายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน (ขสช.) นายชูวิทย์ จันทรส เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) นายวิวัฒน์ ตามี่ แกนนำเครือข่ายกลุ่มชาติพันธ์ จังหวัดเชียงใหม่ นายมานะ ช่วยชู หัวหน้าโครงการพัฒนาชุมชนเป็นสุขที่ภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยตัวแทนภาคีเครือข่ายที่รับทุนสนับสนุนจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และได้รับความเดือดร้อนจากการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม รวมกันกว่า 50 คน ได้เดินทางไปที่กรมสรรพากรและเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมสรรพากร ผ่านทางนายเกรียงศักดิ์ ประสงค์สุกาญจน์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการกำกับและตรวจสอบภาษี กรมสรรพากร โดยมีข้อเรียกร้องสำคัญคือให้กรมสรรพากรยุติการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม

ภายหลังการยื่นหนังสือ นายคำรณ พร้อมด้วยตัวแทนภาคีเครือข่ายขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชนและเครือข่ายที่ได้รับความเดือดร้อนจากการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม ได้เข้าหารือกับผู้บริหารกรมสรรพากร ได้แก่ นายเกรียงศักดิ์ ประสงค์สุกาญจน์ ผู้อำนวยการกองมาตรฐานกำกับและตรวจสอบภาษี นายอาทร ศรีเชียงสา เลขานุการกรมสรรพากร และคณะ ได้ผลการหารือสรุปว่าพลเอกฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพได้เร่งรัดให้ กรมสรรพกร สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ สสส. ประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางออกในการจัดการด้านภาษีแก่ภาคีที่รับทุนจาก สสส.  สำหรับกรมสรรพากร นายเกรียงศักดิ์ ประสงค์สุกาญจน์ ผู้อำนวยการกองมาตรฐานกำกับและตรวจสอบภาษี ได้ให้ข้อมูลว่านายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมสรรพากร ได้มีความห่วงใยและกังวลใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมากและเร่งให้ดำเนินการวินิจฉัยเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้เพราะได้รับข้อร้องเรียนจากภาคีเครือข่ายประกอบกับได้คำชี้แจ้งและรับข้อมูลใหม่เพิ่มเติมจาก สสส. เพื่อประกอบการพิจารณาการคำนวณภาษีใหม่ให้มีความเป็นเป็นธรรมและถูกต้องตามความเป็นจริง
ทางกรมสรรพากร ได้มีการประชุมร่วมกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อย่างต่อเนื่อง มีความเข้าใจการทำงานของภาคี สสส. ได้ข้อสรุปในการคำนวณภาษีที่เป็นธรรม และได้ข้อวินิจฉัยที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเป็นผลบวกกับภาคี หลังจากนั้นจะมีการออกแนวปฏิบัติเพื่อทบทวนและพิจารณาการจัดเก็บภาษีทุกกรณีใหม่ให้ถูกต้องเป็นธรรม 

ต่อปัญหาการถูกติดตามเรียกเก็บภาษีกับภาคีทั่วประเทศในขณะนี้นั้น นายเกรียงศักดิ์ ชี้แจงในประเด็นนี้ว่าจะดำเนินการกำชับให้สรรพากรพื้นที่ทุกพื้นที่ ระงับการดำเนินการใดๆ ไว้ก่อนเพื่อรอแถลงผลการพิจารณาอย่างเป็นทางการ ส่วนภาคีใดที่ได้จ่ายภาษีไปก่อนแล้ว หากผลการพิจารณาว่าเป็นการเรียกภาษีที่ไม่ถูกต้องก็สามารถทำเรื่องขอเงินคืนได้ ทางกรมสรรพากรขออภัย ในความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน ภาคีเครือข่ายต่างๆ โดยจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ และคาดว่าเรื่องนี้จะเสร็จสิ้นภายในเดือน ส.ค. 2561 นี้

ทั้งนี้ทาง ขสช.ได้แจ้งต่อผู้แทนกรมสรรพากรว่าหากยังไม่ได้รับข้อสรุปที่ถูกต้องเป็นธรรมภายในสิ้นเดือน ส.ค. 2561 นี้ตามที่มีการชี้แจง ขสช. จะนำปัญหาเรื่องนี้ร้องเรียนในระดับสูงขึ้นไป

ความเป็นมาของปัญหาการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรมกับภาคีเครือข่าย สสส.

ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน (ขสช.) เป็นองค์กรภาคสังคมด้านการพัฒนาสุขภาวะของประชาชนหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มเด็ก เยาวชน ครอบครัว สตรี คนพิการ แรงงานนอกระบบ ผู้บริโภค คนจนเมืองและชนบท กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มเกษตร ฯลฯ มีจุดยืนร่วมกันในการสนับสนุนกลไกการปฏิรูประบบสุขภาพของคนไทย ขสช. ได้รับข้อร้องเรียนจากภาคีเครือข่ายว่า ภาคีเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนโครงการจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้ลักษณะสัญญา “ตัวแทนเข้าร่วมดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพ” กับ สสส. ขณะนี้ต้องประสบปัญหาความเดือดร้อนเป็นอย่างมากจากการถูกติดตามเรียกภาษีจากสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ 

ต้นตอของปัญหาดังกล่าว เกิดจากการตีความสัญญาที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงของหน่วยงานของรัฐบางหน่วยงาน และเห็นว่าข้อตกลงดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพของ สสส. เป็นสัญญา “จ้างทำของ” เหมือนการจัดจ้างของทางราชการโดยทั่วไป และให้ถือว่างบประมาณที่ได้รับเพื่อดำเนินโครงการเป็นรายได้จากการจ้างทำของที่จะต้องนำมาคำนวณภาษีเหมารวมทั้งหมด” 

ตามข้อเท็จจริงแล้ว ภาคีเครือข่ายและ สสส. ได้ทักท้วงโต้แย้งมาโดยตลอดว่าการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ไม่ใช่สัญญาจ้างทำของ แต่เป็นสัญญาที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการเป็น “ตัวแทนเข้าร่วมดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพ” กับ สสส. เป็นการทำงานของภาคีที่มีอุดมการณ์ร่วมกันและเข้ามาร่วมดำเนินงานในโครงการต่างๆ กับ สสส. อันเป็นการปฏิบัติงานหรือการจัดกิจกรรมต่างๆ ในลักษณะของการพัฒนาชุมชน การจัดกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพประชาชนตามกลุ่มเป้าหมายต่างๆ เช่น เด็ก เยาวชน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ รวมถึงการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพ ไม่ใช่การประกอบกิจการทางธุรกิจการค้าใด ๆ อย่างไรก็ตามโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก สสส. และมีกิจกรรมที่ต้องชำระภาษีตามกฎหมาย ก็ได้มีการชำระภาษีรายได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่ประชาชนคนไทยทุกคนที่มีรายได้พึงชำระภาษีเพื่อนำไปพัฒนาสังคมและประเทศชาติอยู่แล้ว

การตีความสัญญาของ สสส. ที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงดังกล่าว ทำให้มีการติดตามเรียกเก็บภาษีย้อนหลังกับภาคีเครือข่ายสุขภาพจากสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่น้อยกว่า 300 โครงการ บางรายถูกติดตามเรียกภาษีย้อนหลังเป็นเงินมากถึง 5 ล้านบาท ซึ่งภาคีเครือข่ายไม่มีความสามารถที่จะชำระได้อยู่แล้วเพราะไม่มีกำไรจากการทำกิจกรรมร่วมกับ สสส. สร้างความเดือดร้อนต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องภาคีเครือข่ายเป็นอย่างมาก 
 


อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net