'สวนดุสิตโพล' เผยผลสำรวจภาพรวมคนไทยตั้งใจไปเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2562 ถึง 77.56% ส่วน 'ซูเปอร์โพล' ระบุคนอยากให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องปรับปรุง มาตรฐานด้าน ความจริงไม่บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร 50.5%

19 ส.ค. 2561 'สวนดุสิตโพล' มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,083 คน ระหว่างวันที่ 15-18 ส.ค. 2561 หลังกระแสข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2562 ทำให้ทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง ในขณะที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกผู้สมัครคนใด พรรคการเมืองใด เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการตัดสินใจเลือก ส.ส. ระหว่าง “ผู้ที่กำลังจะมีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก” กับ “ผู้ที่เคยเลือกตั้งมาแล้ว” โดยความตั้งใจจะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ในครั้งต่อไป (ปี 2562) ร้อยละ 77.56 ภาพรวมของผู้ที่กำลังจะมีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกและผู้ที่เคยใช้สิทธิเลือกตั้งยืนยันว่าจะไปอย่างแน่นอน ขณะที่ร้อยละ 19.67 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 2.77 จะไม่ไป

ส่วน 'ซูเปอร์โพล' (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่องมาตรฐานคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในสายตาประชาชนกรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,256 ตัวอย่าง โดยดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10-18 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา พบว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไทยในอดีตของรัฐบาลที่ผ่านมาต้องปรับปรุงทุกตัวชี้วัดส่วนใหญ่ร้อยละ 60.2 ระบุ มาตรฐานคุณธรรม จริยธรรม ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอดีตของรัฐบาลที่ผ่านมาอยู่ระดับที่ต้องปรับปรุง ในขณะที่ร้อยละ 34.6 ระบุระดับปานกลางและเพียงร้อยละ 5.2 ระบุอยู่ในระดับดี ขณะที่ ร้อยละ 61.2 ระบุว่า มาตรฐานด้านความสำนึกในบาปบุญคุณโทษ เลิกลดละการทุจริตคอรัปชั่นในอดีตของรัฐบาลที่ผ่านมาต้องปรับปรุง และร้อยละ 55.7 ระบุว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องปรับปรุง มาตรฐานด้าน จิตสำนึก ยึดมั่น ผลประโยชน์ชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของ ครอบครัว เครือญาติ และพวกพ้อง

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 47.9 ระบุว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องปรับปรุง มาตรฐานด้าน ความนอบน้อมถ่อมตัว ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ สร้างความหวาดเกรงในหมู่ประชาชนและร้อยละ 50.5 ระบุว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องปรับปรุง มาตรฐานด้าน ความจริงไม่บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ขณะที่ ร้อยละ 49.6 ระบุ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องปรับปรุง มาตรฐานด้านการมีจิตใจให้บริการ รับใช้ประชาชน ไม่เลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.2 ระบุมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลังการเลือกตั้งปีหน้า จะแย่ลง ในขณะที่ร้อยละ 34.9 ระบุจะเหมือนเดิม และเพียงร้อยละ 6.9 ระบุจะดีขึ้น