Skip to main content
sharethis

'เบนาร์นิวส์' รายงานระบุ 'อับดุล ราฮิม นูร์' อดีตผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยเพื่อสันติสุข

นายอับดุล ราฮิม นูร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยเพื่อสันติสุข (ภาพโดย เอส. มาฮ์ฟุซ/เบนาร์นิวส์)

เว็บไซต์เบนาร์นิวส์ รายงานเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2561 ว่านายอับดุล ราฮิม นูร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันนี้ว่า ตนได้รับหนังสือจากรัฐบาลมาเลเซียที่แต่งตั้งให้ตนเป็นผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขระหว่างฝ่ายผู้เห็นต่างและรัฐบาลไทยแทนนายอาหมัด ซัมซามิน อาชิม เป็นที่เรียบร้อยในวันนี้ ซึ่งตนเชื่อว่า ด้วยประสบการณ์ที่ตนมีในอดีต จะสามารถช่วยเหลือให้การพูดคุยของฝ่ายไทยและมาเลเซียดำเนินไปได้ด้วยดี

ด้วยความร่วมมือของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ที่รับบทบาทในการอำนวยความสะดวกสำหรับการพูดคุยเพื่อสันติสุขระหว่างรัฐบาลไทยและฝ่ายกลุ่มแบ่งแยกดินแดน หรือที่รัฐบาลไทยเรียกว่า “ผู้เห็นต่าง” ตั้งแต่ปี 2556 ฝ่ายผู้เห็นต่างกลุ่มต่าง ๆ เช่น บีอาร์เอ็น พูโล และกลุ่มมูจาฮีดีนอิสลามปาตานี (GMIP) ได้รวมตัวกันในนาม “มาราปาตานี”

แกนนำมาราปาตานีได้เปิดตัวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 หลังจากการเจรจาในกัวลาลัมเปอร์กับคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีพลเอกอักษรา เกิดผล เป็นหัวหน้าคณะ แต่การเจรจาได้สะดุดลงอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมปีนี้ เพราะมาราปาตานีกล่าวว่า ฝ่ายไทยไม่ยอมลงนามในเอกสารว่าด้วยการก่อตั้งพื้นที่ปลอดภัยที่นายกรัฐมนตรีไทยระบุว่าจะมีขึ้นในอำเภอเจาะไอร้อง นราธิวาส โดยให้เหตุผลว่าการพูดคุยยังอยู่ในขั้นสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน จึงไม่มีความจำเป็นต้องเซ็นเอกสาร แต่ให้ดำเนินไปได้

นายอับดุล ราฮิม นูร์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ ด้วยประสบการณ์และเครือข่ายที่มี ตนเองจะสามารถช่วยให้การเจรจาดำเนินต่อไปได้

“ผมเชื่อว่าประสบการณ์ในการทำงานเป็นผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลและผู้บัญชาการตำรวจ รวมทั้งเครือข่ายที่ผมมีในขณะทำงานนั้น จะทำให้ผมสามารถช่วยเหลือทั้งสองฝ่ายในการพุดคุยให้ได้” นายอับดุล ราฮิม นูร์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“ผมพร้อมที่จะช่วยทำงานในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยระหว่างขบวนการในสามจังหวัดชายแดนใต้กับรัฐบาลไทย เมื่อรัฐบาลมาเลเซียติดต่อผมมา ผมเลยตอบตกลง” นายอับดุล ราฮิม นูร์ กล่าว และเพิ่มเติมว่า จะเริ่มลงมือติดต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเร็ว ๆ นี้

สำหรับนายอับดุล ราฮิม นูร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย และอดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ปัจจุบันมีอายุ 75 ปี เมื่อปลายปี 2532 เคยมีบทบาทในการเจรจาจนเป็นผลสำเร็จกับฝ่ายโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา ที่มีนายจีนเป็งเป็นหัวหน้า ซึ่งปฏิบัติต่อต้านรัฐบาลมาเลเซียตามแนวชายแดนไทย

ด้าน พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันนี้ว่า ทางนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบเรื่องนี้ในก่อนหน้านี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะมาเลเซียได้แจ้งมาให้ทราบล่วงหน้า และการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลจะไม่ส่งผลต่อการพุดคุย

“ก็ถือเป็นเรื่องของเขา ส่วนทางเราไม่ได้มีผลอะไร เพราะเขาเป็นผู้อำนวยความสะดวกเท่านั้น อีกอย่างตอนนี้เราก็คุยจนบรรลุผลแล้ว คือได้พื้นที่ปลอดภัย ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการทำให้ประชาชนปลอดภัย” พล.อ.อักษรา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“และท่านก็เป็นอดีตสันติบาล ท่านอาจรู้อะไรมากกว่าเรา อาจจะมีกลุ่มใหม่อยากคุย ก็เอามา ส่วน 6 กลุ่ม ที่คุยเราก็คุยอยู่” พล.อ.อักษรากล่าว พร้อมทั้งเพิ่มเติมว่า มีนักโทษกลุ่มขบวนการที่ได้รับการพักโทษสามราย มาช่วยการก่อตั้งพื้นที่ปลอดภัย โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ ภาคสี่ เป็นผู้ดูแล

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการผู้ไม่ประสงค์จะออกนามท่านหนึ่ง กล่าวว่า ในอดีต นายอับดุล ราฮิม นูร์ เจรจากับฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์มลายา โดยไทยให้ความช่วยเหลือจนเป็นผลสำเร็จนั้น เป็นเรื่องผลประโยชน์ของมาเลเซีย แต่ตนเองไม่มีความเชื่อมั่นในการรับตำแหน่งของนายอับดุลในเรื่องนี้

“ความสำเร็จในอดีต เป็นเรื่องของคนในชาติและผลประโยชน์ของมาเลเซีย ตอนนี้ เขาอายุมากเกินไป ไม่น่าจะมีผลในการช่วยจัดการการเจรจา” เจ้าหน้าที่รายเดียวกันกล่าว

ด้านนายชาริแมน นักวิเคราะห์อาวุโสของสถาบัน Strategic and International Studies ในกัวลาลัมเปอร์ แสดงความคิดเห็นว่า ความสำเร็จในการเจรจานั้นขึ้นอยู่กับความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลไทยเท่านั้น

“แม้ว่าจะมีปัญหามานานนับตั้งแต่ปี 2547 แต่ขบวนการก็ไม่ได้มีพลังมากมาย และผู้มีอำนาจในกรุงเทพฯ ก็ดูเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญกับกลุ่มเหล่านี้” นายชาริแมน กล่าว

นับตั้งแต่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนก่อเหตุรุนแรงอีกครั้งในเดือนมกราคม 2547 เป็นต้นมา ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 7,000 ราย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net