จนท.บางใหญ่จับผู้แสวงหาที่ลี้ภัยกัมพูชา-เวียดนาม 168 ราย แม้ส่วนมากถือบัตร UNHCR

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี สนธิกำลังร่วมกับทหาร ตำรวจ ตม. ปิดล้อมจับกุมชาวกัมพูชา เวียดนาม 168 ราย โดยนึกว่าเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์-แรงงานข้ามชาติลักลอบทำงาน อย่างไรก็ตามพบว่าผู้ถูกควบคุมตัวกลุ่มนี้ที่แท้เป็นผู้ลี้ภัยชนกลุ่มน้อยหนีการเลือกปฏิบัติในเวียดนาม-กัมพูชา กว่า 154 รายถือบัตรผู้ลี้ภัยของ UNHCR และอยู่ระหว่างทำเรื่องขอลี้ภัยไปประเทศที่ 3

กรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นำโดยนายชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล นายอำเภอบางใหญ่นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) สนธิกำลัง กับ ทหาร ปตอ.พัน 7 ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) บุกเข้าจับกุมชาวต่างชาติสัญชาติเวียดนามและกัมพูชา รวม 168 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 60 ราย

โดยสื่อมวลชนบางฉบับนำเสนอว่า เป็นการจับกุมแรงงานหลบหนีเข้าเมือง ไม่มีใบอนุญาตในทำงาน โดยมีผู้ร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.บางใหญ่ หลังพบว่ามีชาวต่างชาติมาเช่าบ้านไม่มีเลขที่อยู่รวมกัน ในพื้นที่หมู่ 3 ซอยวัดเสาธงหิน ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เกรงว่าจะเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ ทำให้เจ้าหน้าที่ปิดล้อมจับกุมในช่วงเช้ามืดวันนี้ (28 ส.ค.) ก่อนนำตัวมาที่ศาลาประชาคมเพื่อตรวจสอบในช่วงสายนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ล่าสุดผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ปกป้องสิทธิผู้ลี้ภัยหน่วยงานหนึ่งพบว่าผู้ที่ถูกควบคุมตัว 168  รายนั้น ในจำนวนนี้เป็นผู้ลี้ภัยชนกลุ่มน้อยจากกัมพูชา และเวียดนาม โดยมีประเด็นขัดแย้งกับรัฐบาลในเรื่องที่ดิน ศาสนา และถูกเลือกปฏิบัติเนื่องจากเป็นชนกลุ่มน้อย โดยในจำนวนผู้แสวงหาที่ลี้ภัยที่ถูกควบคุมตัว 168 รายนั้นมี 154 รายที่ถือบัตรประจำตัวที่ออกให้โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เรียบร้อยแล้ว

โดยเมื่อจำแนกตามสัญชาติมีชาวกัมพูชา 38 ราย มีผู้ถือบัตร UNHCR 34 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 12 ราย ไม่มีบัตร UNHCR 4 ราย เป็นเด็ก 2 ราย

ส่วนชาวเวียดนาม 130 ราย ในจำนวนนี้มีบัตร UNHCR 120 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 43 ราย และมีชาวเวียดนามยังไม่มีบัตร UNHCR 10 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 3 ราย

สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตร UNHCR 14 รายนั้น มีส่วนหนึ่งที่เพิ่งมาถึงเมืองไทยและกำลังดำเนินการร้องขอสถานะผู้ลี้ภัยกับ UNHCR หรือขอสถานะผู้ลี้ภัยแล้วแต่ยังรอกระบวนการ และมีบางรายที่ดำเนินการขอสถานะผู้ลี้ภัยแล้วแต่ยังไม่ผ่านและกำลังรอดำเนินการขอสถานะผู้ลี้ภัยรอบใหม่

โดยผู้ที่มาจากกัมพูชาจะถูกส่งไป ตม.สวนพลู ส่วนผู้ที่มาจากเวียดนามจะถูกส่งฟ้องศาลข้อหาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวจะรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มาตรการจับกุมของเจ้าหน้าที่รัฐที่ จ.นนทบุรีนั้นสวนทางกับ มติคณะรัฐมนตรี 10 มกราคม 2560 ที่ได้เห็นชอบหลักการให้มีระบบคัดกรองผู้ลี้ภัยในประเทศ

นอกจากนี้ในรายงานของ The Momentum ที่สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ของ Jesuit Refugee Service เมื่อเดือนมกราคม 2561 ระบุว่าในประเทศไทยมีผู้ลี้ภัยในเขตเมือง หรือผู้ที่ขอสถานภาพผู้ลี้ภัยกับสำนักงาน UNHCR ที่อยู่ในประเทศไทยราว 4,000-5,000 คน และมีคนที่กำลังดำเนินเรื่องขอสถานภาพผู้ลี้ภัยอีก 3,000 กว่าคน และมีผู้ที่ขอสถานภาพผู้ลี้ภัย แต่ไม่ได้สถานภาพผู้ลี้ภัย หรือคนที่เลือกไม่ไปลงทะเบียนและอาศัยอยู่แบบวีซ่าเกินกำหนดอีกประมาณ 2,000 คน รวมแล้วมีผู้ลี้ภัยในเขตเมือง 10,000 คน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท