Skip to main content
sharethis

ป.ป.ช. ยันไม่มีการปล่อยให้คดี GT200 และอัลฟ่า 6 ขาดอายุความแน่นอน แต่วินิจฉัยว่าถูกหรือผิดยาก เหตุบางครั้งไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของเครื่อง แต่เป็นเหมือนความเชื่อ เหมือนพระเครื่อง เจ้าหน้าที่ที่นำไปใช้แล้วเขารู้สึกว่าคุ้มค่า 

ภาพขวา : สุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช.

29 ส.ค.2561 ความคืบหน้าในการไต่สวนข้อเท็จจริงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 (GT200) และอัลฟ่า 6 ของ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจากมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าในการดำเนินงาน เนื่องจาก GT200 เป็นประเด็นมากว่า 8 ปีแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (29 ส.ค.61) ข่าวสดและไทยโพสต์ รายงานตรงกันว่า ที่โรงแรมแกรนด์เมอร์เคียวฟอร์จูน สุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์เรืิ่องนี้ว่า เรื่องดังกล่าวยังคงพิจารณาอยู่ และยืนยันว่า ป.ป.ช. ไม่มีการปล่อยให้ขาดอายุความแน่นอน แต่การจะวินิจฉัยว่าถูกหรือผิดนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เพราะบางครั้งไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของเครื่อง แต่เป็นเหมือนความเชื่อ เหมือนพระเครื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นำไปใช้แล้วเขารู้สึกว่าคุ้มค่า แต่บางส่วนก็มองว่าราคาเครื่องไม่น่าจะแพงขนาดนั้น อย่างไรก็คงจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้ออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ต่อกรณีคำถามที่ว่า สามารถใช้กรณีการชี้มูลความผิดอดีตข้าราชการใน จ.พิษณุโลก ที่มีการจัดซื้อเครื่องตรวจสารเสพติดอัลฟ่า 6 (Alpha6) มาเป็นบรรทัดฐานพิจารณาคดีอื่นๆ ได้หรือไม่ นั้น สุรศักดิ์ กล่าวว่า เป็นคนละกรณีกัน เพราะกรณีนั้นเป็นการจัดซื้อโดยไม่มีอำนาจ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาจากตัวเครื่องเหมือนกรณี GT200

ยกฟ้อง บ.แจ๊คสันฯ ชี้แค่นำเข้า คดีฉ้อโกงลวงขาย 'GT200' ให้กองทัพไทย

สำหรับการตรวจสอบกรณี GT200 นั้น เมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลแขวงดอนเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฉ้อโกงจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT 200 คดีหมายเลขดำ อ.1768/2560 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท แจ๊คสัน อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย ) จำกัด ผู้ประกอบกิจการประเภทขายส่งเครื่องจักร อุปกรณ์ภัณฑ์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงผู้อื่นโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอก ซึ่งการหลอกลวงนั้นได้ทรัพย์สินไปฯ ตามประมวลกฎหมายหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 และ 91 โดยศาลพิพากษายกฟ้อง ให้เหตุผลว่า พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่เพียงพอที่จะให้เชื่อได้ว่า จำเลยรู้เห็นเกี่ยวกับการจัดทำแคตตาล๊อกแสดงคุณสมบัติเครื่องอันเป็นเท็จ แต่บริษัทจำเลยเพียงนำเข้าเครื่องและเอกสารจาก บ.คอมแพคมาจำหน่ายเท่านั้น ซึ่งโจทก์ไม่มีพยานอื่นยืนยันได้ว่าจำเลยกระทำผิด โดยจำเลยอาจไม่ล่วงรู้มาก่อนว่าข้อความนั้นเป็นเท็จ หรือร่วมกับบริษัทผู้ผลิตกระทำการอันเป็นเท็จ ดังนั้นจำเลยจึงยังไม่มีความผิด

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2559 ศาลประเทศอังกฤษ ตัดสินยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 7.9 ล้านปอนด์ (ราว 395 ล้านบาท) จาก เจมส์ แมคคอร์มิค ผู้ต้องหาในคดีจำหน่ายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดปลอม เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าชดเชยแก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของแมคคอร์มิคและพรรคพวกซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าว (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ย้อนรอย GT200 ในกองทัพไทย และผู้ได้รับผลกระทบ

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก (ยศขณะนั้น) ให้สัมภาษณ์เรื่อง GT200 ในรายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เมื่อปี 2553 ว่า "ผมอยากขยายความหลักการทำงานนิดหนึ่ง สสารทุกอย่างในโลกมนุษย์ จะมีสนามแม่เหล็กของมัน ซึ่งจะแตกต่างกัน หลักการของการใช้เครื่อง GT200 ก็คือ เราจะตรวจหาอะไร เราก็เอาสารชนิดนั้นมาทำเป็นเซ็นเซอร์การ์ดแล้วใส่เข้าไปในนี้ ซึ่งก็จะมีสนามแม่เหล็กเกิดขึ้น สมมติว่าเราใส่เรื่องของยาเสพติด ยาไอซ์เข้าไป เมื่อเครื่องทำงานก็จะไปตรงกับยาไอซ์ ซึ่งอยู่ในภูมิประเทศที่เรากำลังหา เนื่องจากมีสนามแม่เหล็กที่ตรงกัน ตัวเสาสัญญาณจะเบนไปหา แต่ลักษณะการใช้เครื่อง GT200 จะเหมือนการใช้แผนที่เข็มทิศ ก็คือต้องเดินสอบ เขาเรียกสอบแนวเส้นเล็ง เดินตามแกน X แกน Y เพื่อให้แนวเส้นเล็กตัดกัน จะกำหนดเป็นพื้นที่คร่าวๆ ได้ อาจจะรัศมี 3 เมตร จริงๆ แล้วในการปฏิบัติเพื่อกำหนดพื้นที่ให้แคบลง ว่าตรงไหนมีความน่าจะเป็นที่จะมีวัตถุระเบิดหรือวัสดุที่เราจะหาอยู่"

อนึ่ง เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 53 พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เคยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ช่วงทันข่าวเด่น โดยยืนยันว่าทางหน่วยงานจะยังใช้เครื่อง GT200 ต่อไปเป็นส่วนเสริม เพื่อตีวงการตรวจสอบวัตถุระเบิดให้แคบลง และว่าเครื่องจีที 200 นั้นหน่วยงานยังใช้ได้ผล และยืนยันว่าหน่วยงานจะยังใช้ต่อไป ทั้งนี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นห้ามซื้อ แต่ไม่ได้ห้ามใช้ โดยระบุว่าปัจจุบัน (ในขณะนั้น) ยังไม่มีอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพมาทดแทน นอกจากนี้มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดังกล่าว เพราะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถตรวจสอบวัตถุระเบิดได้ยาก

"ถามว่าใช้แล้วได้ประโยชน์ไหม ก็ได้ประโยชน์นะครับ แต่ว่าก็มีการพบครับว่า มันมีจุดอ่อน คือเครื่องนี้นี่เท่าที่ผมได้พูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องก็คือว่ามีจุดอ่อนตรงที่ว่ายังต้องอาศัยเรื่องของกระแสไฟฟ้าในตัวคนที่ใช้ เพราะฉะนั้นบางที่สภาพของตัวบุคคลที่ไปตรวจ ถ้าอาจจะพักผ่อนน้อยไป ไม่มีความพร้อม ก็จะทำให้เครื่องนี้ขาดประสิทธิภาพ" อภิสิทธิ์ เคยกล่าวไว้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวกัน มีราษฎรใน อ.บันนังสตา จ.ยะลา อย่างน้อย 4 ราย เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องตรวจวัตถุระเบิด หรือ จีที 200 ด้วย โดยถูกออกหมายจับและดำเนินคดี เนื่องจากถูกตรวจค้นบ้านและถูกชี้ด้วยเครื่องจีที 200 โดยประชาไทเคยนำเสนอเรื่องมาแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2553 (อ่านต่อที่นี่)

โดย อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ หัวหน้าศูนย์ทนายความมุสลิมประจำจังหวัดยะลา เคยให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่เครื่อง GT 200 ชี้ไปยังบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการตั้งข้อสมมติฐานว่า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดคือมีการพบสารระเบิดติดอยู่ที่เสื้อผ้า จากนั้นผู้ที่ถูกเครื่อง GT200 ชี้ จะถูกนำตัวไปสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้  โดยบุคคลเหล่านั้นจะถูกข่มขู่ หรือบังคับให้รับสารภาพ หรือบางกรณีก็ถูกทำร้ายร่างกาย โดยไม่สามารถหาข้อมูลมาหักล้างได้เลย ขณะที่ไม่มีการกล่าวอ้างในชั้นศาล ว่าได้ตัวบุคคลเหล่านี้มาดำเนินคดีด้วยการใช้ GT 200 แต่อย่างใด

โพสต์ทูเดย์ ระบุด้วยว่า หน่วยงานรัฐที่จัดซื้อเครื่อง GT 200 และ ALPHA 6 มีทั้งสิ้น 13 หน่วยงาน คือ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์  จังหวัดพิษณุโลก กรมการปกครอง กรมศุลกากร กรมสรรพาวุธทหารบก ตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท ตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดยะลา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดเพชรบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กองบัญชาการกองทัพไทยโดยศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์  และกรมราชองครักษ์

โดยผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนั้นได้มีคำสั่งให้เลิกใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวแล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net