ยกฟ้อง 'ทักษิณ' คดีฟื้นฟูทีพีไอ - ศาล รธน. ชี้ 'ดอน' ยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้อง 'ทักษิณ' คดีฟื้นฟูทีพีไอ ระบุไม่ได้มีเจตนาพิเศษที่จะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองหรือเพื่อผู้อื่น - ศาล รธน. ชี้ 'ดอน รมว.ต่างประเทศ' ยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

29 ส.ค.2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี นำเรื่องให้กระทรวงการคลัง เข้าไปเป็นผู้บริหารแผนบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด(มหาชน) หรือทีพีไอ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน โดยจำเลยไม่ได้มาศาล จึงอ่านคำพิพากษาลับหลัง

ศาลฯ มีคำพิพากษาด้วยมติเสียงข้างมาก เห็นว่าการที่ ทักษิณ ไม่ทักท้วงกรณีกระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัททีพีไอ ไม่ได้มีเจตนาพิเศษที่จะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองหรือเพื่อผู้อื่นในการเสนอชื่อคณะกรรมการบริหารแผน 5 คนใหม่

และข้อเท็จจริงปรากฎว่าการเข้าบริหารแผนพื้นฟูของกระทรวงการคลังในกิจการทีพีไอก็เกิดจากความยินยอมของธนาคาร เจ้าหน้า ลูกหนี้ สภภาพแรงงาน รวมทั้งเป็นไปตามคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง ซึ่งกระทรวงการคลังก็ถือเป็นหน่วยงานรัฐที่ดูแลแก้ไขเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ปัญหาหารเข้าฟื้นฟูกิจการทีพีไอก็สืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท จนกระทบต่อธุรกิจต่างๆ ที่ได้กู้เงินกับต่างชาติ มูลค่าหนี้จะสูงเพิ่มขึ้นเท่าตัว

โดยกรณีของทีพีไอมีมูลค่าหนี้สูงขึ้น 1.3 แสนล้านบาทภายในข้ามคืน จากเดิมอยู่ที่ 65,000 ล้านบาทเศษ ซึ่งกระทบต่อบริษัทที่มีพนักงานกว่า 7 พันคน อีกทั้ง ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตผู้บริหารทีพีไอ รวมทั้งสหภาพแรงงานของบริษัทก็เคยเสนอให้กระทรวงการคลังเข้ามาแก้ไข  นอกจากนี้ พยานหลักฐานของโจทก์ตามทางไต่สวนก็ยังฟังไม่ได้ว่า เมื่อกระทรวงการคลังเข้าบริหารแผนและจ่ายค่าตอบแทนให้กับคณะผู้บริหารที่โจทก์อ้างว่าเป็นพรรคพวกของจำเลย รวมทั้งการซื้อขายหุ้นเพิ่มทุนของกิจการทีพีไอก็กำหนดให้ซื้อเพียงหน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง เช่น ปตท. ธ.ออมสิน และ กองทุน กบข. เป็นต้น ก็ไม่ปรากฎพยานหลักฐานว่าจำเลยได้รับผลประโยชน์เหล่านั้นแต่อย่างใด ซึ่งเงินค่าตอบแทนเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการก็ปรากฎว่าเป็นคดีที่ศาลฎีกา มีคำพิพากษาให้คืนเงินค่าตอบแทนจากการเข้าบริหารแผนฟื้นฟู จำนวน 224 ล้านบาท เศษแล้ว

ข้อกล่าวหาที่โจทก์ฟ้องยังไกลเกินกว่าเหตุ ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตฯ จึงพิพากษายกฟ้อง

สำหรับคดีของ ทักษิณ ปัจจุบันยังเหลืออยู่ในการพิจารณาไต่สวนลับหลังจำเลยอีก 4 สำนวน ที่อัยการสูงสุดและ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องไว้ตั้งแต่ปี 2550-2551 ประกอบด้วย 1.คดีกล่าวหาแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจเครือชินคอร์ปฯ 2.คดีกล่าวหาร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร 3.คดีกล่าวหาปล่อยกู้ธนาคารเอ็กซิมแบงค์ให้รัฐบาลพม่า 4 พันล้านบาท เพื่อเอื้อประโยชน์กลุ่มชินคอร์ป และ 4.คดีกล่าวหาดำเนินโครงการออกสลากพิเศษหวยบนดินโดยมิชอบ

ศาล รธน. ชี้ 'ดอน รมว.ต่างประเทศ' ยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

วันเดียวกัน (29 ส.ค.61) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวถึงสื่อมวลชนถึงผลการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 และต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง หรือไม่

ทั้งนี้ ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ประกอบมาตรา 170 วรรคสาม บัญญัติว่า หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้อง คำชี้แจงของผู้ถูกร้อง และเอกสารประกอบแล้ว ในชั้นนี้ยังไม่ปรากฏมูลเหตุที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวมหรือการบริหารราชการแผ่นดินแต่ประการใด กรณียังไม่มีเหตุอันควรสงสัย ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนตามบทบัญญัติดังกล่าว และโดยที่คดียังมีปัญหาข้อเท็จจริงที่คู่กรณีตั้งประเด็นโต้แย้งกันอยู่ จึงกำหนดให้มีการนัดไต่สวนพยาน 3 ปาก ในวันอังคารที่ 25 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น.

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์  แนวหน้า ไทยพีบีเอส โพสต์ทูเดย์ และมติชนออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท