Skip to main content
sharethis


ที่มาภาพประกอบ: healthleadersmedia.com

1 ก.ย. 2561 จากรายงาน Suicide by occupation, England: 2011 to 2015 ที่เผยแพร่เมื่อปี 2560 ระบุว่าพยาบาล (เพศหญิง) ในอังกฤษมีอัตราการลงมือฆ่าตัวตายสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปถึงร้อยละ 23 โดยการใช้ยาพิษหรือใช้เกินขนาดเป็นวิธีที่เหล่าพยาบาลใช้ในการฆ่าตัวตายมากที่สุด ทั้งนี้มีความเกี่ยวพันกับการที่พยาบาลเหล่านั้นเข้าถึงยาและสารเคมีได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป ซึ่งทำให้มีความเป็นได้ที่สามารถฆ่าตัวตายได้สำเร็จมากกว่าคนอื่นทั่วไปถึง 4 เท่าตัว และงานศึกษาดังกล่าวยังเผยมีว่าอัตราการฆ่าตัวตาย ในพยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์จะพบสูงยิ่งขึ้นในกลุ่มลูกจ้างที่มีรายได้ต่ำ มากกว่ากลุ่มคนที่มีตำแหน่งสูง

ข้อถกเถียงเกี่ยวกับสถิติการฆ่าตัวตายของบุคคลกรในระบบสาธารณสุขนั้นมีมาเป็นเวลานาน จากการรายงานของ Daily Mail เมื่อเดือน มี.ค. 2560 ระบุว่าในหลายปีที่ผ่านนั้นอัตราการฆ่าตัวในแพทย์นั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการที่ในอังกฤษได้มีการจัดทำระบบการทำงานของแพทย์ใหม่ ที่สามารถสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานได้ดีขึ้น แต่ในทางกลับกันพบว่าพยาบาลยังไม่มีการจัดการในลักษณะเดียวกัน พยาบาลต้องทำงานด้วยการใช้เวลาส่วนตัวปะปนกับการทำงาน และต้องรับความกดดันจากระบบการทำงานที่ต้องการความเร็ว ขณะเดียวกันยังต้องการมาตรฐานการทำงานสูง ทั้งยังถูกบีบคั้นอยู่ระหว่างกลางของความต้องการของแพทย์กับความต้องการของผู้ป่วย

นอกจากนั้นยังอาชีพต้องประสบกับภาวะเครียดจากรูปแบบการประเมินและตรวจสอบการทำงาน ที่มีมากมายในการทำงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มอัตราการฆ่าตัวตายของพยาบาลอีกด้วย โดยมีกรณีตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักกันคืออามิน อับดุลลาห์ Amin บุรุษพยาบาลชาวอังกฤษที่ฆ่าตัวตายเมื่อปี 2559 หลังจากถูกไล่ออกด้วยการตรวจสอบการทำงานที่ไม่เป็นธรรม

 

ที่มาข่าวบางส่วนจาก
Nurses facing probes ‘stressed and suicidal’ (Irish Examiner, 4/5/2018)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net