นักการเมืองชี้อย่าฝืนโลก 'ห้ามหาเสียงออนไลน์' โพลเผยประชาชน 46.33% จี้ปลดล็อกลุยเลือกตั้ง

'เพื่อไทย' โวยซื้อเสียงล่วงหน้าเกลื่อนโคราช จี้ กกต.เร่งเข้าไปสอบสวน โฆษก 'สามมิตร' เผย ก.ย.นี้ รู้กันไปร่วมกับพรรคไหน 'ประชาธิปัตย์' ไม่เกี่ยงไพรมารีแบบไหนย้อน คสช.คิดแต่เอาเปรียบระวังเข้าตัว ชี้อย่าฝืนโลกห้ามหาเสียงออนไลน์ สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจ 46.33% จี้ปลดล็อกลุยเลือกตั้ง ขณะ 35.26% หนุนแค่คลายล็อกห่วงประเทศวุ่นวาย


ที่มาภาพประกอบ: Wikimedia Commons

'เพื่อไทย' โวยซื้อเสียงล่วงหน้า เกลื่อนโคราช จี้ กกต.เร่งเข้าไปสอบสวน

เว็บไซต์แนวหน้า รายงานว่านายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.)กล่าวว่าได้รับข้อมูลจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่รักประเทศชาติบ้านเมือง รักประชาธิปไตยไม่อยากให้มีการทุจริตซื้อเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า จึงแจ้งเบาะแสเข้ามาที่พรรคเพื่อไทยจำนวนมากว่าขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีการรวบรวมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แน่ชัดอ้างว่าจะนำไปใช้สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองบางพรรค

“บางพื้นที่บอกว่า จะเอาไปเป็นหลักฐานการจ่ายเงินค่าตอบแทน รวมถึงนำไปเป็นหลักฐานการรับเงินในโครงการสวัสดิการแห่งรัฐจึงอยากเรียกร้องขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เข้าไปตรวจสอบกรณีนี้ซึ่งเกิดเหมือนๆกันในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา อาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการกระทำการผิดกฎหมาย โดยเลือกลงมือในช่วงก่อนพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งจะมีผลบังคับใช้ โดยมีเครือข่าย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ว่ ร่วมขับเคลื่อนดำเนินการเรื่องนี้อย่างหนักและทำกันอย่างเป็นกระบวนการ หรือไม่” รักษาการ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยย้ำ

โฆษก 'สามมิตร' เผย ก.ย.นี้ รู้กัน ไปร่วมกับพรรคการเมืองไหน

ไทยรัฐออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2561 ว่านายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มสามมิตรลงพื้นที่พบปะประชาชนในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และรัฐบาลได้เข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนนั้น ทำให้วันนี้ประชาชนในหลายจังหวัดได้ประสานมาว่า อยากให้กลุ่มสามมิตรลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนความเห็นกับชาวบ้าน ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ได้ประชุมหารือกับแกนนำว่า หากจังหวัดไหน ที่มีปัญหาเร่งด่วนอาจจะไปลงพื้นที่ก่อน ล่าสุด มีชาวบ้าน จ.กำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์ และสุโขทัย ได้ประสานขอให้กลุ่มสามมิตรลงพื้นที่รับฟังปัญหาเนื่องจากทราบว่า นายสมศักดิ์ จะต้องเดินทางไปดูการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญของสโมสรสุโขทัย เอฟซี ในช่วงกลางสัปดาห์หน้า

โดยหลังจากเดือน ก.ย. กระบวนการตั้งพรรคการเมืองคงจะดำเนินการกันเรียบร้อยหมดแล้ว ดังนั้น กลุ่มสามมิตร น่าจะไปเข้าสังกัดพรรคการเมืองด้วย การตัดสินใจว่าจะไปสังกัดพรรคการเมืองใดคงจะใช้เวลาไม่นาน เพราะผู้ใหญ่ของกลุ่มสามมิตรเองได้พูดคุยกันมาโดยตลอดอยู่แล้ว ในช่วงเวลาดังกล่าวจึงน่าจะมีความชัดเจนว่า กลุ่มสามมิตร จะเปลี่ยนจากกลุ่มไปสังกัดพรรคการเมืองใด

ประชาธิปัตย์ไม่เกี่ยงไพรมารีแบบไหน ย้อน คสช.คิดแต่เอาเปรียบระวังเข้าตัว

MGR Online รายงานว่านายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำไพรมารีโหวตรูปแบบใหม่ว่า จะทำไพรมารีโหวตรูปแบบไหนก็ได้ ไม่มีอะไรขัดข้อง ไม่เกี่ยงว่าต้องเป็นแบบใหม่หรือแบบเก่า เพราะการทำไพรมารีโหวตคือการให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมทางการเมือง ในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้นพรรคประชาธิปัตย์เปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางมานานหลายสิบปีแล้วโดยที่ไม่มีกฎหมายบังคับแต่อย่างใด ซึ่งสมาชิกพรรคสามารถเสนอชื่อบุคคลที่สมาชิกพรรคเห็นว่าเหมาะสมจะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในที่ประชุมสาขาพรรค จากนั้นสาขาพรรคก็จะส่งรายชื่อมาให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะมีชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งต่อไป

นายองอาจกล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสมาชิกพรรคมาโดยตลอด ถึงแม้กฎหมายพรรคการเมืองไม่ได้กำหนดให้สมาชิกพรรคต้องเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรง แต่ในการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งใหม่ที่จะมีขึ้น หลังจากมีการคลายล็อคแล้ว ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้กำหนดให้มีการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรงจากสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ด้วยวิธีการที่นำเอาเทคโนโลยีใหม่มาอำนวยความสะดวกในการทำงาน ซึ่งจะช่วยทำให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมทางการเมืองได้เต็มที่

ส่วนหลังจากคลายล็อคแล้ว ยังมีความไม่ชัดเจนว่าอะไร ทำได้หรือไม่ได้อย่างไรนั้น นายองอาจกล่าวว่า ถ้า คสช. และรัฐบาลคำนึงถึงการปฏิรูปการเมืองและเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายได้ก็ไม่น่ามีปัญหาเรื่องความไม่ชัดเจนในทางปฏิบัติว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้หลังคลายล็อค แต่เมื่อคนบางคนใน คสช. และรัฐบาลจะสืบสานปณิธานการสืบทอดอำนาจต่อไปเลยทำให้ต้องใช้อำนาจที่มีอยู่มาออกคำสั่งแก้ไขกฎหมายจนทำให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามปกติ ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ การปรับ - เปลี่ยน - เพิ่ม - ลด กฎเกณฑ์กติกาทั้งหลายทั้งปวงก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง 

"ขอฝากผู้มีอำนาจคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจมีคำสั่งอะไรออกมา เพราะถ้าเป็นคำสั่งที่ก่อให้เกิดการใช้อำนาจโดยมิชอบ มีการเอารัดเอาเปรียบกันมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นบูมเมอแรงมาทิ่มแทงผู้มีอำนาจให้เกิดความเสียหายได้ ทางที่ดีที่สุดคือทำตรงไปตรงมา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่มีอะไรสะดุด น่าจะเป็นสุดยอดปรารถนาของคนในชาติมากกว่า"

ระบุอย่าฝืนโลกห้ามหาเสียงออนไลน์ แนะตั้ง คกก. เป็นกลางจับตาพวกบิดเบือน

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2561 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่านายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกเตือนพรรคการเมืองห้ามหาเสียงและโฆษณาชวนเชื่อ ในช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะคลายล็อกในเดือน ก.ย.นี้ว่า ที่ผ่านมาโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆในโลก มีปัญหา เรื่องการจงใจบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีสร้างความตื่นตระหนก หากอยู่ในช่วงมีกฤษฎีกาการเลือกตั้งก็จะมีผลต่อบุคคลหรือพรรคการเมืองที่ถูกใส่ร้ายอย่างรุนแรง แก้ได้ยาก แต่โซเชียลมีเดียก็มีข้อดีมากมาย ราคาค่าใช้จ่ายไม่มาก ทำให้พรรคการเมืองประหยัดงบประมาณ

นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น คสช. หรือรัฐบาล จะห้ามใช้โซเชียลมีเดีย ในการหาเสียงนั้น จะไปฝืนกระแสโลกไม่ได้ อยู่ที่การบริหารจัดการอย่างไรให้เกิดประโยชน์ในการใช้ ต้องหาทาง ป้องกัน ข่าวปลอม ข่าวปล่อย อาทิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตำรวจ กระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง ต้องออกแบบหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพ หาบุคลากรที่เข้มแข็งมาจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นแล้วการเลือกตั้งจะไม่บริสุทธิ์เที่ยงธรรมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งคนที่ตกหนักที่สุดก็คือทหาร ซึ่งจะถูกกระหน่ำจากโซเชียลมีเดีย เพราะความจริงถึงไม่ตัดต่อก็มีมุมมีประเด็นที่อาจถูกถล่มได้อยู่แล้ว

“การจัดตั้งหน่วยงานที่สามารถสกัดโซเชียลมีเดียปลอม และติดตามโซเชียลมีเดียที่ไม่ถูกต้อง พร้อมทั้งมีอำนาจระงับหรือประสานกับต่างประเทศเพื่อระงับยับยั้งได้ หน่วยงานดังกล่าว จะต้องมีความเป็นกลาง เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายไม่ใช่สกัดบางพรรคแล้วไม่สกัดพรรคที่สนับสนุนตนเอง ก็จะไม่สง่างาม และจะต้องใช้กับทุกพรรคการเมือง ไม่เมือง ไม่เลือกปฏิบัติ ขอย้ำว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข่าวปล่อยข่าวลือจะเกิดขึ้นเป็นระยะ” นายวิรัตน์ กล่าว

สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจ 46.33% จี้ปลดล็อกลุยเลือกตั้ง ขณะ 35.26 % หนุนแค่คลายล็อกห่วงประเทศวุ่นวาย

ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,033 คน ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 1 กันยายน 2561 ในหัวข้อ “ประชาชนคิดอย่างไร กับ ปลดล็อก คลายล็อก ทางการเมือง จากการที่ คสช. จะคลายล็อกพรรคการเมือง เพื่อให้สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้บางส่วน ส่งผลให้พรรคการเมืองต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว และวิพากษ์วิจารณ์กับคำสั่งดังกล่าว พบว่า ประชาชนร้อยละ 46.33 สนับสนุนให้ปลดล็อกทางการเมืองให้ดำเนินการโดยอิสระ รองลงมา ร้อยละ 35.26 สนับสนุนให้แค่ “คลายล็อก” ทางการเมือง แต่ยังไม่ควรปลดล็อกทั้งหมด โดยประชาชนยังคงวิตกกัล หากมีการปลดล็อก พบว่า ประชาชนร้อยละ 48.96 มองว่า หากปลดล็อก อาจทำให้เกิดความขั้ดแย้ง บ้านเมืองวุ่นวาย รองลงมา ร้อยละ 35.76 กลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว และร้อยละ 25.35 มีการหาเสียงรุนแรง โจมตีกันไปมา

ขณะประชาชนถึง ร้อยละ 50.67 มองว่า อาจเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ใส่ร้าย สาดโคลนกัน รองลงมา ร้อยละ 31.39 มีการคัดค้าน จัดกิจกรรมไม่เหมาะสม และร้อยละ 30.49 คสช. ไม่ให้ทำกิจกรรมทางการเมือง ทั้งนี้ เรื่องใดที่ประชาชนคิดว่า “ควรคลายล็อก” และ “ยังไม่ควรคลายล็อกทางการเมือง พบว่า เรื่องที่ควรคลายล็อก ประชาชนร้อยละ 41.57 กำหนดนโยบายหาเสียงที่ชัดเจน รองลงมา ร้อยละ 40.18 คัดเลือกผู้สมัครเลือกตั้ง และร้อยละ 27.02 เลือกหัวหน้าพรรคได้ ขณะที่เรื่องที่ยังไม่ควรคลายล็อก พบว่า ประชาชนร้อยละ 39.66 การหาเสียงในที่สาธารณะ รองลงมา ร้อยละ 36.21 ประชุมพรรค ชุมนุมทางการเมือง และร้อยละ 24.13 การลงพื้นที่ พบปะประชาชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท