Skip to main content
sharethis

หลักฐาน ร่องรอยประวัติศาสตร์ต่างๆ ของชนพื้นเมืองและความทรงจำ 200 ปีถูกเผาเป็นเถ้าถ่านจากเพลิงไหม้พิพิธภัณฑ์แห่งชาติในริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล รอง ผอ. พิพิธภัณฑ์จวกรัฐบาลเหตุตัดงบ ขาดเงินซ่อมบำรุง ฝ่ายดับเพลิงสำทับ ไม่มีน้ำในก๊อกดับเพลิงใกล้ๆ ชาวบราซิลบางคนถือว่าเป็นภาพแทนหายนะประเทศหลังการ 'รัฐประหารเย็น' ของรัฐบาลฝ่ายขวา

ภาพเพลิงไหม้พิพิธภัณฑ์ (ที่มา: wikipedia)

เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบราซิลอายุ 200 ปีในริโอเดอจาเนโร เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ก.ย. 2561 ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลฝ่ายขวาที่ได้อำนาจมาจากการ "รัฐประหาร" ว่าไม่มีการดูแลรักษาสถานที่ให้ดีพอ หากมีระบบการเตือนภัยที่ดีกว่านี้ก็อาจจะสามารถปกป้องพิพิธภัณฑ์ไว้ได้ ทั้งยังมีการวิจารณ์นโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลที่ลดงบประมาณด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์ลง

ลูอิซ ดูอาร์เต รองผู้อำนวยการของพิพิธภัณฑ์กล่าวให้สัมภาษณ์ต่อช่องโทรทัศน์ของบราซิล 'ทีวีโกลโบ' ว่าเหตุเพลิงไหม้พิพิธภัณฑ์ครั้งนี้ถือเป็น "หายนะที่ไม่อาจรับได้ มันทำให้มรดก 200 ปีของประเทศ 200 ปีของความทรงจำ 200 ปีของวิทยาศาสตร์ 200 ปี ของวัฒนธรรม ของการศึกษา" ต้องสูญเสียไป

ดูอาร์เตเป็นหนึ่งในคนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในเรื่องนี้ โดยบอกว่าทางการบราซิลล้มเหลวในการสนับสนุนพิพิธภัณฑ์ ทำให้พิพิธภัณฑ์ขาดการซ่อมบำรุง ดูอาร์เตบอกว่าพวกเขาต่อสู้เรียกร้องในหลายรัฐบาลเพื่อให้ได้ทรัพยากรมากพอมาปกปักษ์รักษามรดกด้านต่างๆ เหล่านี้ แต่ในตอนนี้สิ่งที่พวกเขาปกป้องมันได้ถูกทำลายไปแล้วโดยสิ้นเชิง

สื่อเดอะการ์เดียนรายงานว่ารัฐบาลของประธานาธิบดี มิเชล เทเมร์ ผู้มาจากการโค่นล้มรัฐบาลก่อนหน้านี้มีส่วนตัดสินใจตัดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และการศึกษา ตัวเทเมร์เองโพสต์ทวิตเตอร์ระบุถึงการสูญเสียครั้งนี้ว่าประเมินค่าไม่ได้

สื่อคอมมอนดรีมส์ระบุว่าเทเมร์เข้าสู่ตำแหน่งหลังจากที่กลุ่มฝ่ายขวาในบราซิลทำการ "รัฐประหารเย็น" ด้วบการรวมหัวถอดถอนประธานาธิบดีคนก่อนหน้านี้คือดิลมา รุสเซฟฟ์ ถึงแม้วในตอนนี้ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเหตุเพลิงไหม้เกิดจากอะไรแต่ก็มีข้อวิจารณ์ตามมาหลากหลายไม่ว่าจะเป็นคำวิจารณ์เรื่องการที่รัฐบาลปล่อยให้พิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งมหาวิทยาลัยของรัฐบาลกลางอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม

ในที่เกิดเหตุมีกลุ่มชนพื้นเมืองหลายคนที่มารวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์กรณีวัตถุมีค่าของชนพื้นเมืองซึ่งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ถูกเผาทำลายไปด้วยเพราะไม่มีงบประมาณซ่อมบำรุงหัวก๊อกน้ำดับเพลิง แต่กลับมีงบประมาณประกาศว่าพร้อมจะสร้างพิพิธภัณฑ์ใหม่ หัวหน้างานดับเพลิงของริโอเดอจาเนโรก็สะท้อนถึงปัญหานี้เช่นเดียวกันว่านักดับเพลิงไม่มีน้ำมากพอในตอนแรกเพราะหัวก็อกน้ำดับเพลิงที่อยู่ใกล้ๆ กันสองก๊อกไม่มีน้ำอยู่เลย ทำให้ต้องใช้รถบรรทุกน้ำจากทะเลสาบใกล้ๆ มาใช้ นอกจากนี้อาคารพิพิธภัณฑ์ยังเป็นอาคารเก่าที่เต็มไปด้วยของติดไฟง่ายจำนวนมาก

ป้ายของผู้ร่วมชุมนุมประท้วงหน้าพิพิธภัณฑ์หลังเหตุเพลิงไหม้ ใจความว่า ประวัติศาสตร์ 200 ปี วัตถุ 20 ล้านชิ้นกลายเป็นเถ้าถ่าน (ที่มา: wikipedia)

มีชาวบราซิลบางคนมองว่าเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่นี้เป็นสัญลักษณ์เปรียบเทียบกลายๆ ถึงสภาพย่ำแย่ของประเทศในตอนนี้ที่กำลังประสบปัญหาอาชญากรรมความรุนแรงสูงมากและสภาพเศรษฐกิจตกต่ำที่ทำให้ประชาชน 12 ล้านคนไม่มีงานทำ

"ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของบราซิลเท่านั้นที่ไหม้ไปกับกองเพลิง" เคธี วัตสัน ผู้สื่อข่าวบีบีซีภูมิภาคข่าวอเมริกาใต้ระบุในรายงานจากริโอเดอจาเนโร "หลายคนมองเรื่องนี้เป็นอุปลักษณ์เปรียบเทียบได้กับเมืองนี้และประเทศนี้ทั้งประเทศ"

เรียบเรียงจาก

As Brazil Mourns, Government Neglect and Austerity Blamed for 'Unbearable Catastrophe' of National Museum Fire,  Common Dreams , Sep. 3, 2018

Brazil museum fire: Funding cuts blamed as icon is gutted, BBC, Sep. 3, 2018

Brazil museum fire: ‘incalculable’ loss as 200-year-old Rio institution gutted, The Guardian, Sep. 3, 2018

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net