Skip to main content
sharethis

ประยุทธ์ เผยต้องการอบรมประชาชน และขรก.ท้องถิ้นก่อนเลือกตั้ง หวังทำความเข้าใจมาตราการต่างที่ได้ดำเนินไป เช่น บัตรคนจน ย้ำไม่ใช่การอบรมเพื่อให้เลือกพรรคใดเป็นพิเศษ ชี้จตุพรควรไปถอดหัวตัวเองก่อน หลังเสนอให้พรรคการเมืองถอดหัวโขนยอมรับการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคที่ได้เสียงข้างมาก ชี้จตุพรควรไปถอดหัวตัวเองก่อน ขอให้ลดการวิจารณ์ แล้วเตรียมสู้คดีแทน

11 ก.ย. 2561 สำนักข่าวไทย รายงาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีมีแนวคิดที่จะให้มีหลักสูตรอบรมพิเศษข้าราชการท้องถิ่นและประชาชนก่อนการเลือกตั้งว่า สิ่งที่พูดในวันนั้นคือ ต้องการให้มีการสร้างการรับรู้และทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในท้องถิ่น ให้รับทราบถึงการบริหารงานให้เกิดธรรมภิบาลต้องทำอย่างไร และประชาชนควรเข้าใจภาพรวมการบริหารงานของส่วนกลางและท้องถิ่น และอยากให้ทำความเข้าใจถึงมาตรการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการไป โดยเฉพาะมาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อย เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือการค้าขายทางออนไลน์ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สร้างการรับรู้ใหม่ทั้งหมด แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะพูดผ่านสื่อฯ หรือผ่านทางโซเซียลไปแล้ว แต่ยังไม่ทั่วถึง จึงจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจ เพราะยังมีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าประชาชนไม่รับรู้ข้อมูลในสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ จึงนำเรื่องนี้มาทบทวนว่าควรจะเร่งสร้างความเข้าใจอย่างไร ซึ่งได้สั่งการในทุกกระทรวงให้เร่งสรุปผลการทำงานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการในอนาคต 

“การที่ให้ท้องถิ่นสร้างความเข้าใจกับประชาชน ไม่ใช่เป็นการให้ไปสนับสนุนพรรคไหน หรือให้เลือกนักการเมืองคนใด เพราะทุกอย่าง กกต.ควบคุมดูแลอยู่ ดังนั้นอย่ามองทุกอย่างเป็นเรื่องของการเมืองทั้งหมด เพราะรัฐบาลต้องวางตัวเป็นกลาง และรัฐบาลต้องทำทุกอย่างให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

หัวหน้าคณะรัฐประหาร กล่าวอีกว่า ผู้นำท้องถิ่นก็ต้องมาจากการเลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องสร้างหลักคิดในการเลือกผู้นำท้องถิ่น โดยให้มองถึงความรู้ ความสามารถ มีประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการบริหารใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องเป็นธรรม ที่สำคัญยังต้องสร้างการรับรู้เรื่องประชาธิปไตยตามแนวทางที่ถูกต้องว่าควรเป็นอย่างไร เพราะการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นมีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลง ทั้งการแบ่งเขต การใช้บัตรเดียวในการเลือกตั้ง เป็นต้น จึงจำเป็นต้องเร่งสร้างความเข้าใจ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีคุณภาพ ได้นักการเมืองที่ดี  และส่วนตัวอยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ให้มากกว่าทุกครั้ง หรือเกินร้อยละ 90 เพราะการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของทุกคน และขอยืนยันว่ารัฐบาลพยายามจัดระเบียบบ้านเมือง ด้วยการสร้างการรับรู้ที่จะร่วมมือกันใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า ซึ่งสิ่งที่ดำเนินการไปทั้งหมด ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร 

“ผมยังไม่ได้ตัดสินใจสังกัดพรรคไหน และไม่อยากให้ประชาชนกังวลในเรื่องนี้ หรือฟังข้อมูลจากนักการเมืองฝ่ายเดียว ทั้งนี้สิ่งที่ผมกังวล คือ เมื่อถึงช่วงที่ คสช.คลายล็อคพรรคการเมืองให้สามารถทำกิจกรรมได้ จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ จึงอยากให้ประชาชนช่วยกันลดความขัดแย้ง เพราะไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะเกิดความเสียหาย ส่งผลต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การลงทุน สุดท้ายก็จะได้รัฐบาลเดิม ๆ เข้ามา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ออกมาแนะให้ทุกพรรคถอดหัวโขน ร่วมมือกันสร้างกติกา แล้วไปพูดคุยกับ คสช. เพื่อร่วมทำสัญญาประชาคม ยอมรับผลการเลือกตั้ง พรรคที่ได้เสียงข้างมากต้องจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การที่แนะนำให้ถอดหัวโขนนั้น ให้ไปถอดหัวตัวเองก่อนดีกว่า ส่วนตัวไม่อยากทะเลาะด้วย และขอให้ลดการวิจารณ์ไปบ้าง

“เขาบอกว่าให้ถอดหัวโขน ผมว่าถอดหัวตัวเองออกไปก่อนคนที่พูด ไปขยายความให้เขาทำไม น่าเชื่อถือหรือไม่ แล้วมีส่วนร่วมในความขัดแย้งที่ผ่านมาหรือไม่ ทุกคนก็รู้ในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ผมไม่ไปทะเลาะด้วย ให้เขาเงียบ ๆ ไปบ้าง ถอดหัวตัวเองออกไปบ้าง อยู่เฉย ๆ ดีที่สุด เตรียมสู้คดี มีเยอะแยะไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวประชาไทรายงานเพิ่มเติมว่า จตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้กล่าวต่อหนึ่งในงานเสวนา อนาคตประเทศไทยตายหรือตันก่อนเลือกตั้ง ซึ่งจัดคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเครือข่ายตรวจสอบภาคประชาชน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยว่า รัฐธรรมนูญออกแบบไม่ให้พรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นหากพรรคการเมืองไม่ตกลงกันก่อน เพราะไม่ว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนนอกหรือคนในก็เกิดปัญหาได้ และยังจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย คาดว่าถ้ากรณีได้นายกรัฐมนตรีคนนอก ที่เป็นคนที่ทุกคนคิดกันอยู่ขณะนี้ ที่มีอำนาจอาญาสิทธิ์ แต่เมื่อเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรแล้วจะไม่เหลือดาบอาญาสิทธิ์ การตรวจสอบ การถูกอภิปรายจะยังทนได้หรือไม่ 

“สิ่งสำคัญคือทุกฝ่ายต้องคุยกัน และขอพรรคการเมืองอย่าเพิ่งหาประโยชน์ในขณะตอนนี้ เพื่อร่วมกันสร้างบรรยากาศ และป้องกันปัญหาเหมือนกับเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย ส่วนตัวผมไม่สนใจว่าพรรคใดจะชนะการเลือกตั้ง แต่สิ่งสำคัญจะต้องไม่มีผู้เสียชีวิต ไม่ว่าพรรคใดชนะหรือแพ้ ขอให้ยอมรับว่า 5 ปีที่ผ่านมา คนไทยกลัวคำว่าไม่สงบ จึงเป็นสิ่งที่หลอกหลอนคนไทยมาโดยตลอด และสิ่งที่ดำเนินการกันอยู่ทุกวันนี้ ยิ่งทำให้การเลือกตั้งไกลออกไปและอาจเกิดวิกฤติได้” จตุพร กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net