Skip to main content
sharethis

แม่ทัพภาค 4 ประกาศควบคุมพื้นที่พิเศษตาม พ.ร.บ.กฏอัยการศึก ควบคุมอาวุธปืน เรือและยานพาหนะที่ต้องนำมาลงทะเบียนในพื้นที่ 2 ตำบล ใน อ.หนองจิก จ.ปัตตานี รวม 7 วัน เร่งจับมือยิงทหารพราน 2 ศพ ระบุรวบตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 8 ราย เผยกำลังเตรียมกฎหมายให้เข้มข้น อาจจะต้องเอาผิดถึงพ่อแม่ ภรรยา ญาติพี่น้อง ด้าน ชาวบ้านร้อง กก.สิทธิมนุษยชนฯ ระบุถูกละเมิดสิทธิกรณี จนท.เข้าปิดล้อมหมู่บ้าน

17 ก.ย. 2561 จากกรณี คนร้ายซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 4303 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 บริเวณบ้านบางทัน ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ทหารพรานเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 4 นาย

ต่อมา เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 16 กย. ที่มณฑลทหารบกที่ 46 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี พ.ต.อ.ขวัญดี ฉิมพลี รอง ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.ทพ.43 ได้ร่วมแถลงข่าวออกประกาศควบคุมพื้นที่พิเศษตาม พ.ร.บ.กฏอัยการศึก ควบคุมอาวุธปืน เรือและยานพาหนะที่ต้องนำมาลงทะเบียนกับหน่วยทหารและอำเภอที่ตั้งในพื้นที่ ต.บางเขา และ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ภายใน 7 วัน มีผลตั้งแต่ภายในวันที่ 17 ก.ย.นี้

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นได้สั่งการเจ้าหน้าที่บูรณาการทั้ง 3 ฝ่ายติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ทั้งหมด 8 ราย ขณะนี้รอผลตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อให้น้ำหนักในการชี้ชัดอีกครั้ง ขณะนี้กำลังเตรียมกฎหมายให้เข้มข้น อาจจะต้องเอาผิดถึงพ่อแม่ ภรรยา ญาติพี่น้อง ซึ่งก็จะส่งผลให้ต้องเดือดร้อน ขอให้ผู้ก่อการคิดใหม่หันเข้ามาให้ความร่วมมือกับรัฐดีกว่า ให้มาเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน ใครที่ยังหลบหนี ต้องสังวรณ์ ขอยืนยันว่าทั้งหมด 8 คนนี้จับกุมถูกตัวแน่นอน

สำหรับพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.บางเขา ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ เพราะยังคงมีเจ้าหน้าที่หลายร้อยนายยังคงปฏิบัติภารกิจเชิงรุกในการกดดันปิดช่องว่างไม่ให้มีโอกาสเคลื่อนไหว หากพบก็จะดำเนินตามยุทธวิธีทันที จึงต้องขออภัยต่อประชาชนทั่วไป ซึ่งอาจจะไม่ได้รับความสะดวกต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อควบคุมพื้นที่ป้องกันไม่ให้คนร้ายก่อเหตุซ้ำอีก และไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก

แถลงของเจ้าหน้าที่ระบุด้วยว่า ความคืบหน้าล่าสุดหน่วยกำลังร่วมทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง พร้อมอาวุธครบมือ รวมไปถึงชุดปฏิบัติการณ์ทางน้ำ จากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินและชุดปฏิบัติการทางอากาศหน่วยบิน ฉก.อโณทัย ร่วมกว่า 1,000 นาย กระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นและไล่ล่าคนร้ายอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามจับกุมกลุ่มก่อความไม่สงบและคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุที่ยังคงหลบซ่อนตัวและเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ผลการปฏิบัติสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุ 8 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ นายฟาริด ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนดูต้นทางและชี้เป้า ก่อนจะขยายผลสาวไปถึงผู้ร่วมก่อเหตุอีกหลายคน

(ที่มา : WorkpointNews ผู้จัดการออนไลน์ และมติชนออนไลน์)

ชาวบ้านร้อง กก.สิทธิมนุษยชนฯ ระบุถูกละเมิดสิทธิกรณี จนท.เข้าปิดล้อมหมู่บ้าน

วันนี้ (17 ก.ย.61) ผู้จัดการออนไลน์ รายงนด้วยว่า มีตัวแทนของครอบครัวผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวในพื้นที่ บ้านบางทัน บ้านท่ากำชำ ในพื้นที่ ต.บางเขา และ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จำนวน 5 ครอบครัว เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ ศูนย์ประสานงานคณะกรรมการสิทธิสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีถูกเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายควบคุมตัวกรณีต้องสงสัยกับเหตุการณ์คนร้ายซุ่มยิงทหารพราน ฉก.43 เป็นเหตุให้เจ้าหน้าทีเสียชีวิต 2 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย โดยทางญาติผู้ที่ถูกควบคุมเกรงว่าคนที่ถูกควบคุมจะถูกทำร้ายเพื่อให้ยอมรับสารภาพ ซึ่งทางญาติที่เข้าร้องเรียนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นภรรยาและแม่ โดยส่วนใหญ่ต่างไม่เชื่อว่าสามี และลูกจะเป็นผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้

จากการปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีคนถูกควบคุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัย 9 คน ได้แก่ ฟาริด เจะแต, อิบรอเฮม ยูโซะ, อับดุลฮาเล็ม สาเมาะ, ฮัสมิง ลาเตะ, มะฮัมดี บากา, มามะ สะมะแอ และ ฮาบีดี สุหลง แต่ได้รับการปล่อยตัวมาแล้ว

ชาวบ้านที่ร้องเรียนยังได้กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดระแวงเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าวันไหนเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวใครไปอีก โดยทุกวันนี้หลังเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ ตกเย็นหน่อยจะไม่มีใครกล้าที่จะเดินทางออกไปไหน และจากการที่ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ออกข่าวว่าจะเอาผิดกับพ่อ แม่ ภรรยาหรือครอบครัวกับคนที่เกี่ยวข้อง โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะตามกฎหมายอาญาเอาผิดได้เฉพาะคนที่ทำผิดเท่านั้น หากทำแบบนั้นจริงก็สงสารคนที่ไม่รู้เรื่อง

นอกจากนั้น ชาวบ้านยังได้กล่าวอีกว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่นำกำลังนับพันปิดล้อมหมู่บ้าน จนสภาพในหมู่บ้านเห็นแต่เจ้าหน้าที่แต่งชุดดำมีอาวุธครบมือ เต็มไปหมด เกิดความหวาดกลัว ถึงกับชาวบ้านบางคนวิตกจนไม่กล้าออกไปทำงาน โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี่ประกอบอาชีพทำประมง จะออกในช่วงเวลากลางคืน ช่วงเวลาดึกตามกระแสของน้ำขึ้นน้ำลง จึงอยากให้คำนึงในส่วนนี้ด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net