หยุดสร้างชนชั้นในวงพุทธศาสนา

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

 ผมได้ยินศิษย์ของพระรูปหนึ่ง (ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม) เล่าถึงพระด้วยความเคารพว่าสมัยที่พระรูปนั้นเป็นศิษย์ของพระอาวุโสอีกรูป ในยามออกธุดงค์ ท่านอุปัฏฐากต่ออาจารย์อย่างเต็มที่ ทั้งไปตักน้ำจากปลักควายมาทำให้ตกตะกอนให้อาจารย์ดื่ม แม้แต่ไม้เช็ดก้นก็ยังทำความสะอาดให้เป็นอย่างดี ผมจึงถามอายุของพระสองรูปนั้น ปรากฏว่ารูปที่เป็นครูอายุ 49 รูปที่เป็นศิษย์อายุ 29 ผมเลยคิดว่าการกระทำแบบนี้คงไม่เหมาะสมแล้ว ไม่น่าชื่นชมแล้ว

ผมนึกอยู่ในใจว่าต่อให้ผมเป็นอาจารย์อายุ 60 ปีเข้าตอนนี้ และมีศิษย์น้อยอายุ 20 ปี เดินทางไปทำกิจธุระอะไรกับผม ผมจะไม่ยอมให้ศิษย์ต้องยากลำบากแบบนั้นแน่นอน ผมถือว่าเป็นการเอาเปรียบคนอื่น ธุระส่วนตัวของเรา เราต้องทำเองทั้งสิ้น ถ้าเป็นพระแก่ๆ อาพาธ เราก็ต้องคอยปรนนิบัติก็ว่าไปอย่าง เราไม่ได้มีศิษย์ไว้เป็นข้าช่วงใช้ ศิษย์ถ้าพึงมี ก็มีไว้เพื่อถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างหาก พระบางรูปยังชอบถ่ายรูปโดยนั่งตรงกลางให้พระลูกศิษย์สองคนนั่งคนละข้าง ยิ่งถ้าได้ศิษย์ฝรั่งนั่งลดหลั่นขนาบสองข้างยิ่งดูขลัง แต่นี่เป็นการแบ่งชนชั้นวรรณะชอบกล

อันที่จริงผมเองไม่เคยคิดเรียกใครเป็นศิษย์ ถึงแม้ผมจะสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรียันปริญญาเอก โรงเรียนพาณิชย์ หรือแม้แต่โรงเรียนนายร้อย จปร. หรือสถาบันอื่นๆ ก็ยังเคยไปบรรยาย สอนทั้งในและต่างประเทศ แต่ผมก็ไม่เคยเรียกตัวเองว่าอาจารย์ หรืออ้างว่าคนอื่นเคยเป็นศิษย์ผมสักคนเดียว ผมถือว่าผมให้บริการการศึกษา ให้ปัญญาให้เขาคิดเป็น ทำเป็น เพื่อเติบโตด้วยตัวเองในวันหน้า คลื่นลูกหลังต้องก้าวทันคลื่นลูกหน้า สังคมจึงจะเจริญขึ้น ผมจึงไม่เรียกตนเป็นอาจารย์ เป็นโค้ช แต่เราก็สามารถนับถือกันตามวัยวุฒิ คุณวุฒิ แต่ต้องมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เสมอหน้ากัน

อย่างไรก็ตาม ศิษย์บางคนก็ยินดี เต็มใจที่จะอุปัฏฐากอาจารย์กันอย่างเต็มที่ หรืออย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ในวงการสงฆ์ อาจไม่ได้แย่ขนาดวงการศึกษา วงการทำงานที่บางครั้งต้องเอาตัวเข้าแลกเกรด แลกตำแหน่ง แต่การทุ่มทำแบบนี้ ยอมลดตัวลงถึงขนาดนี้เพียงเพื่อได้ศึกษาธรรมะขั้นสูงขึ้นไปนั้น การเริ่มต้นแบบนี้อาจเป็นเริ่มต้นด้วยมิจฉาฐิติแล้วใช่หรือไม่ แล้วอย่างนี้จะบรรลุธรรมได้จริงหรือ จะสร้างบาปด้วยการสร้างสภาวะชนชั้นในวงการสงฆ์ซึ่งกลายเป็นสิ่งสามัญไปแล้วหรือไม่

พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่ถือตน โดยสมัยที่ลาจากวรรณะกษัตริย์มาบำเพ็ญเพียร เด็กชายวรรณะจัณฑาลให้หญ้ามาใช้ปูนั่ง ก็ยกมือไหว้ขอบคุณ สมัยเป็นพระพุทธเจ้าก็พนมมือ น้อมกายเป็นการตอบรับ พระพุทธเจ้าเคยช่วยเด็กวรรณะจัณฑาลตัดหญ้าด้วย หรือร่วมกับพระอานนท์ช่วยกันอุ้มภิกษุที่อาพาธขึ้นเตียงและเปลี่ยนจีวรให้ แล้วยังขัดถูพื้นกุฏิและซักจีวรที่เกรอะกรังดินของภิกษุดังกล่าว เป็นต้น ทั้งนี้เป็นข้อเขียนของท่านภิกษุ ติช นัท ฮันห์ จากหนังสือ “คือเมฆสีขาว ทางก้าวเก่าแก่ วรรณกรรมพุทธประวัติในทัศนะใหม่” ที่แปลมาจาก “Old Path White Clouds: Walking in the Footsteps of the Buddha” และได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาไทยโดย คุณรสนา โตสิตระกูล และคุณสันติสุข โสภณสิริ (https://bit.ly/2DcDHUw)

ในหนังสือเล่มเดียวกัน ก็ยืนยันชัดเจนว่าพระพุทธเจ้ากลับมุ่งสร้างความเท่าเทียมในหมู่ชน โดยแสดงออกด้วยการดื่มน้ำแก้วเดียวกับเด็กชายวรรณะจัณฑาลทั้งยังให้เด็กคนนั้นดื่มก่อน และยังรับคนจัณฑาลเข้ามาอยู่ในคณะสงฆ์ ในการเขียนถึงพระพุทธเจ้า เรามักใช้คำราชาศัพท์ พระพุทธเจ้าก็เคยเป็นเจ้าชายมาก่อน และหากครองราชย์ ก็อาจเป็นมหาจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ของโลก แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ประสงค์จะอยู่ในวรรณะกษัตริย์ ประสงค์จะใช้ภาษาและคำพูดธรรมดา ดังนั้นการใช้คำราชาศัพท์กับพระพุทธเจ้า ในอีกแง่หนึ่งก็อาจเป็นการไม่นำพาต่อความตั้งใจของพระพุทธเจ้าในการสละวรรณะนี้ การใช้คำราชาศัพท์ก็เท่ากับการผูกพันพระพุทธเจ้าไว้กับวรรณะเฉพาะ

พระพุทธเจ้าสอนให้มนุษย์มั่นใจว่าจะสามารถเป็นอิสระจากอวิชชาด้วยการศึกษาอย่างจริงจังและเป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาสังเคราะห์ด้วยปัญญาให้รู้จริง ดังนั้นเราจึงไม่ควรทำให้วงการพุทธศาสนามีการแบ่งชั้นวรรณะเลย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท