Skip to main content
sharethis

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องตามศาลชั้นต้น (อีก) คดี ม.116 ข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” ติดป้าย "ขอแยกเป็นประเทศล้านนา" ที่ จ.พะเยา เหตุไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยทั้ง 3 คนได้กระทำความผิด

ป้ายไวนิลแยกประเทศล้านนาที่ติดในหลายพื้นที่ของจังหวัดภาคเหนือเมื่อเดือนมีนาคม 2557

เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ศูนยท์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลจังหวัดพะเยานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีของ ออด สุขตะโก และพวกรวม 3 คน ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 หรือข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” จากกรณีการพบป้ายที่มีข้อความว่า “ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กู ขอแยกเป็นประเทศล้านนา” ติดบริเวณสะพานลอยหน้าโรงเรียนบ้านร่องห้า อ.เมือง จ.พะเยา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มี.ค.57 

ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาโดยสรุปเห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำความผิด แม้โจทก์จะมีพยานที่เห็นเหตุการณ์ว่ามีกลุ่มคน 5-6 คน ทำการติดป้าย แต่พยานโจทก์ก็ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นจำเลยทั้งสาม ข้อเท็จจริงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำผิดที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเชียงราย ซึ่งศาลจังหวัดเชียงรายได้มีคำพิพากษาไปแล้ว จากการส่งตรวจแผ่นป้ายของกลาง ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นผู้ทำแผ่นป้ายดังกล่าว พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังไม่ได้เป็นแน่นหนาว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำความผิด อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสามยืนตามศาลชั้นต้น

โดยก่อนหน้านี้ ศาลจังหวัดพะเยาได้ทำการสืบพยาน และมีคำพิพากษาในคดีไปเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 61 โดยศาลได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสาม เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจำเลยทั้งสามเป็นผู้กระทำผิด แต่ต่อมา อัยการในคดีได้ทำการยื่นอุทธรณ์ ทำให้จำเลยทั้งสามได้รับหมายนัด เพื่อให้เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว

ศูนยท์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยังรายงานปฏิกิริยา หลังฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ของจำเลยทั้ง 3 ด้วย ออด เปิดเผยความรู้สึกว่า ทุกวันนี้ตนเองเสียหายไปแล้ว ถูกคนพูดถึงกันว่า“ลุงออดแยกประเทศ ลุงออดแยกประเทศ” การเดินทางมาคดีแต่ละครั้ง ก็ต้องมีหนี้สิน  อีกทั้งเรื่องที่ไปขอให้คนรู้จักมาเป็นนายประกันเวลาที่ต้องมาศาล ก็ต้องติดหนี้บุญคุณเขา หากเขาขอให้ไปช่วยงานอะไรก็ต้องไป เมื่อวานก่อนจะมาฟังคำพิพากษาวันนี้ ก็ต้องไปช่วยเขาหักข้าวโพด ช่วยออกแรงก่อนเขาจะมา ทำให้รู้สึกได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดี แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องก็ตาม

ส่วน สุขสยาม จอมธาร ระบุว่าคดีที่พวกตนถูกกล่าวหาที่จังหวัดพะเยา ก็ไม่ได้มีมูล ไม่ได้มีหลักฐาน ซึ่งเราก็ไม่ได้ทำจริงๆ อยู่แล้ว วันนี้จึงขอบคุณศาลที่ยังพอมีความยุติธรรมบ้าง ขณะที่ ถนอมศรี นามรัตน์ กล่าวว่าหากพูดถึงการถูกดำเนินคดี มันก็ไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว เรายืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ผิด แต่ก็ขอบคุณที่วันนี้ศาลยกฟ้อง แต่มันก็ทำให้เสียเวลา เสียการเสียงานในช่วงระหว่างที่ต้องมาต่อสู้คดีถึงสองคดีในตอนหลังนี้

สำหรับ ออด สุขตะโก อายุ 66 ปี ประกอบอาชีพทำสวนทำไร่, สุขสยาม จอมธาร อายุ 65 ปี ประกอบอาชีพทำสวนทำไร่ และ ถนอมศรี นามรัตน์ อายุ 56 ปี ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ทั้งสามคนเป็นสมาชิกของกลุ่มแม่สรวยรักประชาธิปไตย ซึ่งเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยทำกิจกรรมในพื้นที่ อ.แม่สรวย  จ.เชียงราย

เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดเชียงราย ได้ยกฟ้องทั้ง 3 คนเช่นกัน ในคดียุยงปลุกปั่น จากกรณีการพบป้ายที่มีข้อความว่า “ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กู ขอแยกเป็นประเทศล้านนา” ติดที่บริเวณสะพานลอยหน้าตลาดป่าก่อดำ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 57 โดยศาลระบุว่า ลำพังเพียงการกระทำความผิดของจำเลยในสถานที่หนึ่ง ไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดในคดีนี้ อีกทั้ง พยานหลักฐานที่โจทก์นำเข้าสืบยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้อง 

ก่อนหน้านี้ในปี 2557-58 ทั้งสามคนเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันนี้มาแล้ว จากกรณีการพบป้ายข้อความเช่นเดียวกัน ซึ่งถูกติดอยู่บริเวณสะพานลอยหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าจังหวัดเชียงราย โดยในคดีนี้ ศาลจังหวัดเชียงรายมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 ก.ค.58 ให้จำเลยทั้งสามคนมีความผิดตามมาตรา 116 ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์ จึงให้ลดโทษเหลือจำคุก 3 ปี และจำเลยทั้งสามไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ 5 ปี

ทำให้รวมแล้วทั้งสามคนถูกดำเนินคดีตามมาตรา 116 แล้วสามคดี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net