Skip to main content
sharethis

เอกชัย อิสระทะ ซึ่งได้รับเลือกเป็นว่าที่รองหัวหน้าพรรคสามัญชน ออกแถลงการณ์ชี้แจงบทบาททางการเมืองในอดีต พร้อมขอโทษที่เข้าไปมีส่วนร่วมเคลื่อนไหวช่วงต้านนิรโทษกรรม จนนำไปสู่การรัฐประหาร โดยยืนยันว่าหลังรัฐประหารเขาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิชุมชนที่ถูกละเมิดจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังยอมรับว่าเป็นเรื่องของอนาคตที่ตัวเขาและพรรคสามัญชนต้องพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือไม่

เอกชัย อิสระทะ (ที่มา: แฟ้มภาพ/นักข่าวพลเมือง ThaiPBS)

กรณีที่ประชุมพรรคสามัญชนประชุมจัดตั้งพรรคที่ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2561 และได้ลงมติเลือกและรับรองคณะกรรมการบริหารพรรค นอกจากนี้ในบรรดารองหัวหน้าพรรค 4 คน ปรากฏรายชื่อของเอกชัย อิสระทะ อดีตนักกิจกรรมที่ร่วมเคลื่อนไหวกับ กปปส. ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมให้เป็นรองหัวหน้าพรรคสามัญชน จนกระทั่งมีคำถามและข้อวิจารณ์จากแนวร่วมพรรคและสาธารณชนต่อท่าทีและบทบาททางการเมืองในอดีตของเอกชัยนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ล่าสุดวันที่ 25 ก.ย. ในเฟสบุ๊คของเอกชัย อิสระทะ ได้เขียนคำแถลงขอโทษและชี้แจงมีรายละเอียดดังนี้

แถลงการณ์ขอโทษ

ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พรรคสามัญชนถูกตั้งคำถามจากเพื่อนพ้องในสังคม แต่ผมถือว่าเป็นการดีที่เราจะต้องถูกตรวจสอบทั้งในอุดมคติและการปฏิบัติว่าเราได้ทำอะไรๆ สอดคล้องกันหรือไม่ อย่างไร และพรรคสามัญชนของเราจะออกแบบ จัดวางกลไกกระบวนการพิจารณา การกำหนดคุณสมบัติของสมาชิกและผู้มาทำหน้าที่ให้พรรคอันเป็นการพัฒนาระบบพรรคให้สังคมรับรู้ต่อไป

ผมเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวระดับจังหวัดสงขลาจริงในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา (1) ที่ตั้งเวทีหลังสถานีรถไฟหาดใหญ่ในปี 2548-2559 หลังจากนั้นกลับไปอยู่บ้านที่อำเภอรัตภูมิ สงขลา จึงไม่ได้ร่วมเคลื่อนไหวอื่น

สำหรับกรณีของ กปปส. ผมเป็นมวลชนคนหนึ่งที่ออกมาเดินใช้สิทธิในการชุมนุม ไม่ได้เป็นแกนนำใดๆ ไม่เคยไปชุมนุมหารือ วิเคราะห์หรือวางแผนสถานการณ์ใดๆ กับแกนนำ กปปส. ทั้งในภาคใต้และส่วนกลาง แต่อาจจะมีการกระทำหนึ่งที่อาจถูกนับว่าเป็นแกนนำได้ตรงที่ผมและเพื่อนพี่น้องในชุมชนอำเภอรัตภูมิได้จัดตั้งเวทีปราศรัยขึ้นที่สี่แยกคูหา วัตถุประสงค์ก็เพื่อปราศรัยและถ่ายทอดสัญญาณการชุมนุมจากส่วนกลาง ช่วงระหว่างนี้การชุมนุมจากส่วนกลางยังเป็นการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอยู่ แต่หลังจากการชุมนุมจากส่วนกลางขยายตัวไปมากกว่าการต่อต้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม เวทีก็ได้ถูกยึดและเคลื่อนย้ายมาที่หน้าอำเภอรัตภูมิ โดยพรรคการเมืองหนึ่ง ผมก็ได้ถอยออกมา เนื่องจากผมไม่เคยเชื่อมั่นหรือไว้ใจใดๆ ต่อพรรคนั้นมาเนิ่นนานแล้วจากหลายกรณีที่พรรคนี้ผลักดันการพัฒนาในภาคใต้ที่ผมและเพื่อนๆ ต่อสู้คัดค้านร่วมกับพี่น้องประชาชน

ผมขอโทษต่อพี่น้องที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวครั้งนั้นนำพาไปสู่การรัฐประหาร

ผมไม่เคยหยุดเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิของพี่น้องในชุมชนที่ถูกละเมิดจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ภายใต้โครงสร้างการเมืองที่คนชายขอบตกเป็นผู้ถูกกระทำมาโดยตลอด

กรณีพันธมิตรสงขลาได้มีการแถลงผ่านสื่อในการไม่เห็นด้วยกับ คมช. ที่ยึดอำนาจซึ่งเป็นการทำลายพลังประชาชนในช่วงหลังการยึดอำนาจของ คมช. สำหรับล่าสุด หลังการยึดอำนาจปี 2557 ในเดือนกันยายนขาหุ้นปฏิรูปพลังงานได้เดินรณรงค์เพื่อเรียกร้องการปฏิรูปพลังงานจากหาดใหญ่ไปกรุงเทพ

หลังจากนั้นก็เคลื่อนไหวคัดค้านโครงการที่ต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทย รัฐบาลประชาธิปัตย์จนถึงรัฐบาล คสช. คือ แลนด์บริดส์สะพานเศรษฐกิจสงขลา-สตูล อันประกอบด้วยโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ท่าเรือน้ำลึกสวนกง จ.สงขลา รถไฟขนตู้คอนเทนเนอร์ การระเบิดหินเขาคูหา การดูดทรายคลองรัตภูมิ รวมถึงโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ซึ่งเป็นชุดโครงการเดียวกันที่จะทำลายฐานทรัพยากรชุมชนภาคใต้ไปเป็นเมืองอุตสาหกรรม รวมถึงการร่วมลงรายชื่อยกเลิกคำสั่ง คสช. ร่วมกับเพื่อนมิตรจากภูมิภาคต่างๆ และการร่วมเดิน We Walk กับพี่น้องที่เดือดร้อนจากปัญหาทรัพยากรและที่ดินทั่วประเทศฯลฯ

การมาร่วมกับพรรคสามัญชนในครั้งนี้ก็อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาวที่ไม่เพียงการสร้างประชาธิปไตยจากฐานราก แต่ต้องปกป้องสิทธิมนุษยชน สิทธิของชุมชน และสร้างความเท่าเทียมระหว่างคนในศูนย์กลางอำนาจกับคนชายขอบที่ถูกละเลยมาโดยตลอด และเชื่อว่าพรรคสามัญชนจะเป็นเครื่องมือของเรา เป็นอุดมคติของเรา คนชายขอบของอำนาจที่ไม่เคยได้กำหนดอนาคตของชีวิตตัวเองตลอดเวลาในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาที่จะเปลี่ยนโครงสร้างสังคมการเมืองที่ขูดรีดทรัพยากรและชีวิตของคนเล็กคนน้อยเพื่ออภิสิทธิชน ภายใต้ความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย

กระนั้นก็ดีก็คงต้องเป็นเรื่องของอนาคตที่ผมและพรรคสามัญชนจะต้องพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือไม่

สุดท้ายนี้ ขอกล่าวคำขอโทษอีกครั้งหนึ่งสำหรับผู้สูญเสียความศรัทธาและเชื่อมั่นต่อพรรคสามัญชนอันมีต้นสายปลายเหตุจากกระทำในอดีตที่ผ่านมาของผม

ด้วยความเคารพ
เอกชัย อิสระทะ
25 กันยายน 2561

000

ทั้งนี้หลังออกแถลงการณ์ ยังมีผู้โพสต์ภาพที่ทำสำเนามาจากเฟซบุ๊คบัญชีของเอกชัยที่โพสต์รูปผู้ชุมนุม กปปส. 7 คนถือป้ายพลาสติกเขียนข้อความ "คนรัตตภูมิ สงขลา" "ยางราคาถูก เราก็มา...เว้ย" ฯลฯ ที่สนามบินหาดใหญ่ ระหว่างรอเดินทางไปกรุงเทพฯ โดยภาพโพสต์เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2557 โดยเอกชัยเขียนคำบรรยายประกอบสเตตัสว่า "หลักกิโลสำคัญ เตรียมการ ไปร่วมปฏิวัติประชาชน" นอกจากนี้ยังมีภาพชุดอื่นๆ ที่เอกชัยถ่ายภาพช่วงปลายเดือนมีนาคม 2557 ภายในทำเนียบรัฐบาล และพื้นที่ชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท.

สำหรับเอกชัย อิสระทะ เกิดปี 2511 ปัจจุบันอยู่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา  เป็นนักพัฒนาเอกชนและนักวิจัยอิสระ ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งเชิงนโยบายและการละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิพลเมือง พิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยในการประชุมจัดตั้งพรรคสามัญชน เขาได้เสียงรับรองเป็นว่าที่รองหัวหน้าพรรคสามัญชน

เอกชัย อิสระทะ (ซ้าย) และเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน หลังถูกจับกุมช่วงประชุม ครม.สัญจร เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2560

นอกจากนี้เขายังมีบทบาทร่วมกับเครือข่ายสิทธิชุมชนเขาคูหา ร่วมคัดค้านการต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองหินเขาคูหา ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และมีรายงานด้วยว่าเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2560 ในช่วงประชุม ครม.สัญจร เอกชัยซึ่งในเวลานั้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ภาคใต้) เป็น 1 ใน 17 คนในเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมที่ อ.เมือง จ.สงขลา หลังพยายามเคลื่อนขบวนไปยื่นหนังสือค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net