Skip to main content
sharethis

พรรคสามัญชน 'ภาคทัณฑ์' เอกชัย อิสระทะ ว่าที่รองหัวหน้าพรรค หลังออกมาขอโทษปมเคยร่วม กปปส. ไม่หมดเปลือก พร้อมหวังโอกาสให้พิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานตามหลักการที่พรรคสามัญชนยึดถือต่อไป ขณะที่สมาชิกพรรคล่ารายชื่อถอดถอน

เอกชัย อิสระทะ ว่าที่รองหัวหน้าพรรคสามัญชน

28 ก.ย.2561 หลังจากพรรคสามัญชนจัดประชุมจัดตั้งพรรคไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนได้รายชื่อว่าที่คณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งหนึ่งในนั้นปรากฎชื่อ เอกชัย อิสระทะ นักกิจกรรมที่ร่วมเคลื่อนไหวกับ กปปส. ได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าพรรค ส่งผลให้เกิดการคำถามและข้อวิจารณ์จากแนวร่วมพรรคและสาธารณชนต่อท่าทีและบทบาททางการเมืองในอดีตของเขา ทำให้ต่อมา เอกชัย ออกแถลงการณ์ชี้แจง พร้อมขอโทษที่เข้าไปมีส่วนร่วมเคลื่อนไหวช่วงต้านนิรโทษกรรม จนนำไปสู่การรัฐประหาร อย่างไรก็ตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เอกชัย ยังไม่ยุติ เนื่องจากมีการตรวจสอบพฤติกรรม ของ เอกชัย ในอดีตพร้อมชี้ด้วยว่าคำขอโทษของเอกชัยนั้นพูดข้อมูลไม่หมดหรือไม่ถูกต้อง จนมีการล่ารายชื่อสมาชิกพรรคสามัญชนถอดถอนเอกชัย

ล่าสุดวันนี้ (28 ก.ย.61) ว่าที่คณะกรรมการบริหารพรรคสามัญชน
เผยแพร่แถลงการณ์ ผ่านเฟสบุ๊ก 'สามัญชน - The Commoner' กรณีดังกล่าว โดยระบุว่า พรรคสามัญชนไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้มีการประชุมว่าที่คณะกรรมการบริหารพรรคฯ ในวาระเร่งด่วน และมีผลสรุปดังนี้

1. นายเอกชัย อิสระทะ สำนึกและตระหนักในหลักการประชาธิปไตยจากฐานราก สิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมเป็นธรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพรรคสามัญชน ที่ประชุมฯ จึงเห็นควรให้โอกาสนายเอกชัยได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานตามหลักการที่พรรคสามัญชนยึดถือต่อไป

2. การออกแถลงการณ์ที่มีข้อมูลคลาดเคลื่อนซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน เป็นเรื่องไม่สมควรเกิดขึ้น จะด้วยความตั้งใจหรือความประมาทก็ตามที ในฐานะผู้เสนอตัวทำงานพรรคการเมือง ต้องมีความรับผิดชอบต่อข้อเท็จจริงที่แถลงต่อสาธารณชน ดังนั้นที่ประชุมว่าที่คณะกรรมการบริหารพรรคฯ จึงมีความเห็นภาคทัณฑ์นายเอกชัย อิสระทะ ซึ่งหมายถึง หากมีความผิดเช่นนี้อีก พรรคฯ จะมีมติลงโทษตามข้อบังคับพรรคฯ

3. พรรคให้ความสำคัญกับการสำนึกผิด การยอมรับ การเข้าสู่กระบวนการพิจารณาอย่างมีส่วนร่วม รวมถึงการให้โอกาส ในขณะเดียวกัน เสียงของสาธารณชนที่ร่วมกันตรวจสอบการทำงานของพรรค ฯ ก็เป็นสิ่งที่เราตระหนัก และพร้อมที่จะรับฟัง เพื่อเน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายตามเจตนารมณ์ของพรรคฯ

4. ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจหลักของพรรคฯ ไม่ใช่คณะกรรมการบริหารพรรคแต่เพียงกลุ่มเดียว แต่เป็นสมาชิกทั้งหมดของพรรคสามัญชน ดังนั้นหากคณะกรรมการบริหารพรรคฯ คนใด มีอุดมการณ์ขัดต่อหลักประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน รวมถึงไม่เคารพความเป็นมนุษย์อันเท่าเทียม สมาชิกสามารถใช้สิทธิ์ถอดถอนกรรมการบริหารพรรคฯ ได้ หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้อนุมัติการจัดตั้งพรรคสามัญชนตามกฎหมายแล้ว โดยสมาชิกสามารถรวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอนกรรมการบริหารพรรคฯ ได้ตามข้อบังคับพรรคฯ หมวด 6

 

แถลงการณ์ว่าที่คณะกรรมการบริหารพรรคฯ ระบุด้วยว่า ว่าที่คณะกรรมการบริหารพรรคฯ ชุดแรกนี้ มีมติจะดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปี หรือจนกว่าจะดำเนินการเลือกตั้งครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ ปี 60 เสร็จสิ้น นับจากวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองพรรคสามัญชน

"ทุกข้อวิพากษ์วิจารณ์และคำท้วงติงจากทุกท่าน เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการประชาธิปไตยของพรรคฯ อย่างมาก และทุกการแลกเปลี่ยนอย่างสุภาพและมีเหตุผล ก่อให้เกิดมาตรฐานที่ดีต่อการเมืองไทย เราจึงขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งมา ณ ที่นี้ และหวังว่าพรรคสามัญชนจะยังคงได้รับความปรารถนาดีจากทุกท่านต่อไป" ว่าที่คณะกรรมการบริหารพรรคสามัญชน ระบุตอนท้ายแถลงการณ์

สมาชิกพรรคล่ารายชื่อถอดถอน

ขณะที่เมื่อช่วงดึกคืนที่ผ่านมา พัชรี อังกูรทัศนียรัตน์ และ วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ สมาชิกพรรคสามัญชน ออกจดหมายเปิดผนึก ผ่านเฟสบุ๊ก 'Lek Angkoon' เชิญชวนสมาชิกพรรคสามัญชนเข้าชื่อถอดถอนว่าที่รองหัวหน้าพรรค โดยมีผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคเริ่มเข้ามารวมลงชื่อแล้ว

"ประชาธิปไตยฐานราก สิทธิมนุษยชน เท่าเทียมเป็นธรรม หลักการสามข้อจะกลายเป็นเพียงลมปากหากไม่มีวัฒนธรรมรับผิด" จดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ระบุ

รายละเอียดจดหมายเปิดผนึกมีดังนี้

จดหมายเปิดผนึก
เชิญชวนสมาชิกพรรคสามัญชนเข้าชื่อถอดถอนว่าที่รองหัวหน้าพรรค

ประชาธิปไตยฐานราก สิทธิมนุษยชน เท่าเทียมเป็นธรรม 
หลักการสามข้อจะกลายเป็นเพียงลมปากหากไม่มีวัฒนธรรมรับผิด
//////////////////////////////

ในฐานะสมาชิกพรรคสามัญชนที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาพรรคที่ผ่านมา รู้สึกยินดีมากเมื่อเห็นภาพการประชุมจัดตั้งพรรคสำเร็จลงได้ด้วยดี มีกรรมการบริหารพรรคที่มาจากหลากหลายพื้นที่ทั้งพื้นที่ทางกายภาพและพื้นที่ประเด็นปัญหา

สิบปีของแนวคิดการจัดตั้งพรรคสามัญชนที่ก่อร่างมาจากคนจำนวนหนึ่งที่มองเห็นข้อจำกัดและอุปสรรคปัญหาของการเคลื่อนไหวในขบวนการภาคประชาชน

จากความสิ้นหวังกับการเมืองไทยที่ดูเหมือนอยู่ในวังวนการกล่าวหาความเท็จ ใส่ร้ายป้ายสี ความเกลียดชัง การประนีประนอมเกี้ยเซี้ย ไร้วัฒนธรรมรับผิด

จากจุดตกอับที่สุดของขบวนการภาคประชาชนที่เคยยอมรับอำนาจนอกระบบจนกลายเป็นนั่งร้านให้รัฐประหาร

จากภาวะอับจนของการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองไทย ที่นักเคลื่อนไหวจำนวนมากต้องถูกจองจำคุมขัง ถูกตัดสิทธิอนาคตเพียงเพราะเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัดมากมาย ผู้คนจำนวนหนึ่งมาร่วมขับเคลื่อนพรรคโดยสมัครใจ บนหนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม เรานับถือผู้อุทิศตัวเพื่อเปลี่ยนการเมืองของประเทศนี้ ซึ่งเราจำเป็นต้องย้ำในที่นี้ว่าพรรคการเมืองเป็นเพียงวิถีทางหนึ่งเท่านั้น

เมื่อพรรคสามัญชนจดจัดตั้งได้จริงจึงเหมือนจุดประกายความหวังเล็กๆ ให้คนจำนวนหนึ่งที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้จากฐานรากที่สุดคือคนจนคนชายขอบคนไร้อำนาจ คน 99% ที่ขับเคลื่อนสังคมนี้เพื่อรักษาฐานทรัพยากร ที่ดิน ชุมชน แม่น้ำ ป่าไม้ แต่กลับถูกเบียดขับออกจากโครงสร้างการตัดสินใจที่เอื้อประโยชน์ให้คน 1% เท่านั้น ต่อไปนี้คนเหล่านี้จะลุกขึ้นมากำหนดอนาคตตนเอง เราจะยกระดับการเมือง ปฏิวัติการเมืองใหม่ ปฏิวัติขบวนการภาคประชาชนใหม่ ปฏิวัติสังคมใหม่

นั่นคือสิ่งที่เราส่วนหนึ่งวาดหวังไว้

เราเข้าร่วมกับพรรคเพราะกระบวนการประชาธิปไตยภายในที่พยายามสร้างวัฒนธรรมองค์กรแนวระนาบที่เคารพทุกเสียง

อย่างไรก็ดี เราคงได้เห็นกันแล้วว่ากระบวนการในวันประชุมจดจัดตั้งพรรคสามัญชนนั้น สมาชิกในที่ประชุมสามารถออกเสียงซึ่งหน้าให้แก่ผู้ถูกเสนอชื่อซึ่งบางส่วนมาจากตัวแทนภาคได้ตามขั้นตอนการสรรหาภายในพรรค เราในฐานะสมาชิกพรรคที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมประชุมจดจัดตั้งพรรคได้ ยินยอมรับฉันทามติในที่ประชุม ณ วันนั้น

ทว่า เมื่อมีการประกาศรายชื่อกรรมการบริหารพรรคที่ได้รับเลือกตั้งมา เราในฐานะสมาชิกพรรคและสาธารณชนก็มีสิทธิจะรับรู้ว่าผู้ที่ขันอาสารับตำแหน่งและได้รับเลือกมานั้นมีภูมิหลังที่มาอย่างไร

เมื่อเกิดข้อกังขาเรื่องว่าที่รองหัวหน้าพรรคเคยเข้าร่วมขบวนการ กปปส. ที่นำไปสู่การรัฐประหาร ไม่ว่าจะเข้าร่วมด้วยเจตนาใดก็ตาม ท่านก็ได้ออกมาแถลงขอโทษ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าท่านยังคงเชื่อมั่นในวิถีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

แต่ในเมื่อยังมีข้อคลางแคลงสืบต่อมาจนดูเสมือนท่านพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว บวกกับการกระทำที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาทิ “กดไลค์ความเห็นที่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” “ปกปิดการกระทำในอดีตด้วยการลบรูปลบโพสต์” “ปิดกั้นความเห็นต่างด้วยการปิดช่องคอมเม้นต์” ทำให้สมาชิกส่วนหนึ่งสูญเสียความไว้วางใจที่จะให้ท่านดำรงตำแหน่งว่าที่รองหัวหน้าพรรคต่อไป

ในเมื่อพรรคสามัญชนประกาศยึดกระบวนการประชาธิปไตยจากฐานรากอย่างแท้จริง ให้ความสำคัญกับเสียงสมาชิกเท่าเทียมกัน ในฐานะสมาชิกพรรค เราต้องการดึงพรรคกลับสู่หลักการที่ประกาศไว้ และสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองที่เคารพเสียงทุกเสียง

จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้เป็นการยืนยันสิทธิและเสียงของสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง เพื่อแสดงความจำนงเข้าชื่อถอดถอนคุณเอกชัย อิสระทะ ว่าที่รองหัวหน้าพรรคสามัญชน ตามขั้นตอนที่ระบุในข้อบังคับ

เราขอเรียกร้องให้ท่านยุติบทบาทในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และใช้โอกาสนี้ทบทวนบทเรียนจากประวัติศาสตร์อันใกล้ที่ท่านได้เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเคลื่อนไหวโค่นล้มหลักการประชาธิปไตยหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงของผู้คนจำนวนมากไป

เราเชื่อมั่นและไม่เคยสิ้นศรัทธาว่าท่านจะยืนหยัดพิสูจน์ตัวเองในบทบาทสมาชิกพรรคร่วมกัน บนเส้นทางเดินของสามัญชนที่ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยฐานราก สิทธิมนุษยชน เท่าเทียมเป็นธรรม

สำหรับสมาชิกพรรคสามัญชนที่เห็นด้วยกับจุดยืนนี้ขอเชิญร่วมลงชื่อท้ายจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้

28 ก.ย. 2561

ลงชื่อ
1. พัชรี อังกูรทัศนียรัตน์ สมาชิกพรรคสามัญชน
2. วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ สมาชิกพรรคสามัญชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net