Skip to main content
sharethis

เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งฟ้องคดี 7 นักศึกษารำลึกการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่อนุสาวรีย์ปราบกบฎบวรเดช อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เผย 2 ปีก่อนหลังจากลูกศิษย์ถูกจับ กลับพบว่ามหาลัยเตรียมตั้งกรรมการสอบวินัย แต่ถูกกระแสสังคมกดดันจึงไม่สามารถทำได้ ขณะที่พ่อแม่ของนักศึกษาบางคนถูกเรียกมาพบคณบดีที่มหาวิทยาลัย บอกต่อจากนี้มหาลัยจากดูแลไม่ให้นักศึกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

ภาพวันที่ 24 มิ.ย. 2559 ขณะที่ทั้ง 7 คนถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานนีตำรวจนครบาลบางเขน ได้ส่งสำนวนฟ้องต่อพนักงานอัยการทหาร ศาลทหารกรุงเทพฯ ในฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษารักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 3/2558 และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ จากกรณีที่ 7 นิสิตนักศึกษาภายใต้การนำของกลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์จัดกิจกรรมรำลึกถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร โดยมีการทำกิจกรรมปัดฝุ่นประชาธิปไตยที่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรืออนุสาวรีย์ปราบกบฎ บริเวณแยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2559 โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดในเวลานั้นยังเป็นนักศึกษาประกอบด้วย  1.อรัญญิกา จังหวะ 2.เกษมชาติ ฉัตรนิรัติศัย 3.สุทธิดา วัฒนสิงห์ 4.กานต์ สถิตศิ 5.อุทัย ช่วยตั้ว 6.คุณภัทร คะชะนา และ 7.ชนกนันท์ รวมทรัพย์

ไอลอว์ รายงานถึงคำให้สัมภาษณ์ของ คุ้มเกล้า คงสมบูรณ์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทนายความในคดีนี้ว่า พนักงานสอบสวนนำสำนวนในคดีนี้มาส่งให้กับอัยการศาลทหารกรุงเทพ โดยคดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหามารายงานตัว 6 คน ส่วนชนกนันท์ ซึ่งลี้ภัยทางการเมือง ทางตำรวจได้ออกหมายจับไปแล้ว อย่างไรก็ดีอัยการศาลทหารเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องไปวันที่ 6 พ.ย. 2561 โดยหากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดี ทนายความก็จะยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่ชลิตา บัณฑุวงศ์อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงท่าทีของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หลังจากคดีนี้เกิดขึ้น ว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้มาสนใจ ถามไถ่หรือว่าให้ความช่วยเหลืออะไร แต่ในวันที่ 24 มิ.ย. 2559 หรือวันเกิดเหตุในตอนที่ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้ง 7 คนมาไว้ที่สน.บางเขน ไม่ให้ทนายความเข้าไปด้วย ตำรวจได้ประสานกับทางมหาวิทยาลัยให้อาจารย์ 3 คนมาพบนิสิต แต่พอไปถึงสน.บางเขนก็มาช่วยตำรวจค้นกระเป๋าทั้ง 7 คนและกล่าวในทำนองที่ว่า ให้ทั้ง 7 เข้ากระบวนการปรับทัศนคติเพื่อให้คดีความยุติ แต่ทั้งหมดไม่ยอมเพราะเชื่อว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด อาจารย์ก็กลับไปด้วยความโกรธ

ชลิตา ระบุด้วย หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และกลับมาเรียนปกติ แต่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยกลับมองว่านิสิตทำผิด มีความพยายามที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยนิสิต แต่ด้วยกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของมหาวิทยาลัย ทำให้เรื่องก็เงียบลง อย่างไรก็ตาม คณบดีของนิสิตบางคนโทรไปเรียกพ่อแม่ของนิสิตให้มาพูดคุย ทำให้พ่อแม่ก็ต้องเดินทางจากต่างจังหวัดมาพูดคุย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยไม่เคยมีกระบวนการมาช่วยเหลือด้านกฎหมาย และไม่ได้สนที่จะปกป้องสิทธิของนิสิต นอกจากนี้การจัดกิจกรรมต่างๆ ในมหาวิทยาลัยก็ถูกปิดกั้นไม่แสดงออกมาโดยตลอด แม้กระทั่งการบรรยายในห้องเรียนก็เคยถูกดจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบคนมาปิดโต๊ะไม่ให้ผู้ที่สนใจเข้าฟังการบรรยายได้

อรัญญิกา เคยให้สัมภาษณ์กับประชาไท ในช่วงที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะมีรื้อคดีขึ้นอีกครั้ง โดยเธอตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้เงียบหายไปสองปีเศษ แต่เข้าใจว่าที่ตำรวจเอามาเป็นเรื่องออกหมายเรียกเนื่องมาจากได้มีการทำกิจกรรมติดป้ายแจกใบปลิว ไม่ต้อนรับเผด็จการ คสช. จากที่มีข่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมาที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในวันที่ 22 สค.ที่ผ่านมา รวมทั้งช่วงที่มีก่อนหน้าที่จะมีการรื้อคดี เธอเองและกลุ่มเพื่อนได้เดินทางไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์คัดค้านกฎกระทรวงศึกษาธิการที่มีลักษณะริดลอนสิทธิเสรีภาพในการรวมตัวเพื่อทำกิจกรรมทางการเมืองของนักเรียน นักศึกษาด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net