Skip to main content
sharethis

สพฐ. เพิ่มอัตราจ้างผู้ปฏิบัติหน้าที่ธุรการ 17,000 อัตรา หวังลดภาระให้ครูผู้สอน ส่วนนักการภารโรง แบ่ง 2 ส่วน ทั้งจ้างเป็นรายเดือน และส่วนโรงเรียนที่ยังไม่มีนักการภารโรง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 9,000 กว่าโรง สพฐ.ได้จัดงบใช้วิธีจ้างเหมาบริการเฉพาะเรื่องหรือจ้างแม่บ้านรายวันแทน

ที่มาภาพ https://www.youtube.com/watch?v=Mw-JbV-YKcU

3 ต.ค.2561 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนได้เซ็นหนังสือจัดจ้างผู้ปฏิบัติงานทางธุรการ แทนครูผู้สอนแล้ว จึงอยากฝากแจ้งไปถึงโรงเรียนทุกแห่งได้รับทราบ ซึ่งขณะนี้ สพฐ.มีโรงเรียนอยู่ 29,000 กว่าโรงเรียน ในปีนี้ สพฐ.ได้รับงบฯในการจัดจ้างผู้ปฏิบัติงานทางธุรการ 11,000 กว่าอัตรา ดังนั้น สพฐ โดยนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ มีโครงการนี้เพื่อลดภาระให้ครูผู้สอน สพฐ.ก็จะเพิ่มให้อีกประมาณ 17,000 อัตรา โดยตนได้ลงนามให้โรงเรียนเริ่มจ้างผู้ปฏิบัติหน้าที่ธุรการได้ตั้งแต่ ต.ค.61- ก.ย.62

สำหรับในส่วนของนักการภารโรง ซึ่งมีอยู่ 2 ส่วน มีในส่วนที่โรงเรียนใช้งบประมาณจ้างเป็นรายเดือนอยู่แล้ว ซึ่งมีอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนโรงเรียนที่ยังไม่มีนักการภารโรง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 9,000 กว่าโรง ดังนั้น สพฐ.ได้จัดงบตามโครงการลดภาระครูไปให้กับโรงเรียนใช้วิธีจ้างเหมาบริการเฉพาะเรื่อง เช่น โรงเรียนอยากตัดหญ้า หรือซักผ้าปูที่นอน กรณีโรงเรียนชั้นปฐมวัย ก็ให้จ้างแม่บ้านซักผ้าให้ในอัตราขั้นต่ำวันละ 300 บาท โดย สพฐ.จัดงบให้เฉลี่ยสัปดาห์ละ 2 วันต่อ 1 โรงเรียน รวมจำนวน 104 วัน แล้วแต่โรงเรียนจะใช้วิธีจ้างทุกสัปดาห์ตามงานที่ต้องทำจริง หรือระดมจ้างหลายวันติดต่อกันก็ได้

“ดังนั้นอนาคต หากภารโรงเกษียณโดยนโยบายของรัฐ ไม่น่าจะมีการบรรจุนักการภารโรงใหม่เข้ามา แต่จะให้โรงเรียนใช้วิธีจ้างเหมาบริการแทน เพราะการจ้างนักการภารโรง 1 คน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ทุกอย่าง แต่รัฐก็ให้เงินสนับสนุนมา และสพฐ.เติมไปให้อีก” บุญรักษ์ กล่าว

สำหรับโรงเรียน 9,000 กว่าโรงที่ยังไม่มีนักการภารโรง เพราะโรงเรียนมีขนาดเล็กเด็ก 40-50 คน หากต้องการเปลี่ยนสายไฟ ก็จ้างช่างไฟมาทำวันละ 300 บาท หรือจ้างคนในพื้นที่เพื่อให้เขามีรายได้เพิ่มจากการทำงาน เป็นการกระจายรายได้ให้คนในพื้นที่ ส่วนโรงเรียนที่คิดว่าอยากได้ภารโรงประจำเป็นรายเดือน สพฐ.ก็ไม่ได้ห้าม ถ้ามีเงินเหลือนำมาสมทบกับที่ สพฐ. จัดให้ สพฐ.ต้องการสนับสนุนครูเพราะการสอนให้ดีครูต้องมีเวลาเตรียมอย่างน้อย 3 ส่วน โดยส่วนแรกเตรียมก่อนการสอน เตรียมคิดกิจกรรม เตรียมสื่ออุปกรณ์ ส่วนช่วงสอน ครูก็จะได้เต็มที่กับเด็ก และหลังสอนซึ่งเรามีจุดอ่อนอยู่เพราะครูมีภาระเยอะ ซึ่งหลังสอนครูจะต้องมีเวลาบันทึกเด็กเป็นรายคน เช่น เด็กเก่งแล้วก็ให้ไปทำกิจกรรมต่อยอดต่อไป ส่วนเด็กที่ยังเรียนไม่ทันเพื่อน ครูก็จะได้ไปเพิ่มเติมให้กับเด็ก ตนก็บอกครูอยู่เสมอว่าหลังจากนี้ครูจะต้องทุ่มเทช่วยเหลือเด็กและให้นักเรียนเป็นหน้างานให้มาก

“ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้มีผู้ปฏิบัติงานธุรการแทนครูผู้สอนให้ครบทุกโรงเรียน ซึ่งต้องใช้งบ 2 พันกว่าล้านบาท โดยวันที่ 1 ต.ค.นี้ เริ่มดำเนินการเรื่องนี้ทั้งหมด ส่วนงบภารโรงเหมาจ่ายบริการ อีกประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งสพฐ.ได้กันงบไว้แล้ว จะจัดสรรตามไปให้ เนื่องจาก สพฐ.เพิ่งจะคิดเกณฑ์เสร็จ ซึ่งงบใน 2 ส่วนที่ใช้นี้จะช่วยเพิ่มคุณภาพการศึกษาของเด็ก เพราะจะทำให้ครูมีเวลาให้กับเด็กมากขึ้น” บุญรักษ์ กล่าว

(ที่มา : แนวหน้า, มติชนออนไลน์ และเดลินิวส์)

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net