'ไทยพับลิก้า' เผย กวฉ. สั่งเปิดผลสอบ 'ราชภักดิ์' หลังยื่นขอมา 3 ปี ระบุ ปชช.มีสิทธิจะได้รู้

หลัง 'ผู้สื่อข่าวไทยพับลิก้า' ขอ 'ข้อมูลผลการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์' มากว่า 3 ปี ล่าสุด กวฉ. สั่งกระทรวงกลาโหม เปิดข้อมูล ชี้ประชาชนมีสิทธิได้รับรู้ ตามหลักความ 'โปร่งใส ตรวจสอบได้' ระบุการเปิดเผยผลการตรวจสอบที่ได้บทสรุปแล้ว จะไม่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ 

3 ต.ค.2561 ความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ของกองทัพบก กระทรวงกลาโหม ที่เคยเป็นข่าวใหญ่ช่วงปลายปี 2558 ซึ่งนอกจากหลายองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ จะสรุปว่า โครงการนี้โปร่งใส ไม่มีการทุจริต อีกด้านหนึ่งกลุ่มคนที่เรียกร้องให้มีการตรวจสอบโครงการนี้ยังถูกดำเนินคดีความในหลายระดับอีกจำนวนมาก หรือแม้แต่วันนี้ (3 ต.ค.61) ศาลทหารกรุงเทพนัด ไต่สวนทนายความ อานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน กรณีเผยแพร่คำเบิกความของ พล.ต.วิจารณ์ จดแตงในคดีฐนกร (สงวนนามสกุล) แชร์ผังทุจริตราชภักดิ์-กดไลค์-หมิ่นทองแดง (สุนัขทรงเลี้ยงของรัชกาลที่ 9) ด้วย

ด้านการตรวจสอบ วันนี้ สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า รายงานถึงความคืบหน้า กรณีที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าเคยใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ยื่นขอข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ จากกระทรวงกลาโหม (กห.) เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2558 หลังเข้าฟังแถลงข่าวผลการตรวจสอบโครงการนี้ ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหม ที่มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ซึ่งขณะนั้นเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ขณะที่ปัจจุบัน พล.อ.ชัยชาญเป็น รมช.กลาโหม

โดยข้อมูลที่ยื่นขอมีทั้งสิ้น 2 รายการ แต่รายการที่สำคัญได้แก่ รายงานผลการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ของคณะกรรมการฯ ชุดของ พล.อ.ชัยชาญ นั่นเอง

อย่างไรก็ตามกระทรวงกลาโหม ใช้เวลาถึง 8 เดือนถัดมา ถึงจะส่งหนังสือตอบกลับมาว่า กห. ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าฟังแถลงผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ ชุด พล.อ.ชัยชาญ แล้ว ผู้สื่อข่าวจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร (กวฉ.) ที่อยู่ในสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.) แต่เนื่องจากช่วงเวลานั้น มีการเปลี่ยนแปลงภายใน สขร. โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับดูแล สขร. และการครบวาระของ กวฉ. ชุดต่างๆ ทำให้การดำเนินการล่าช้าไปเกือบปี

เมื่อ กวฉ. ชุดใหม่ได้รับการแต่งตั้ง จึงหยิบคำร้องนี้มาพิจารณาอีกครั้ง โดยกระทรวงกลาโหม ได้ยื่นหนังสือชี้แจง ลงวันที่ 9 ก.ย.2559 ถึงสาเหตุที่ไม่เปิดเผยรายงานผลสอบฉบับเต็ม กรณีอุทยานราชภักดิ์ ให้ตามที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ร้องขอ โดยอ้างเหตุผลเรื่อง “รายงานดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลภายนอก รวมทั้งชื่อบริษัท รวมทั้งโรงหล่อพระที่ร่วมโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ หากผู้ร้องขอนำไปเปิดเผยอาจทำให้บุคคล บริษัท และโครงหล่อพระที่ปรากฏในรายงานได้รับความเสียหายได้”

ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมได้ยื่นเงื่อนไขว่า แต่ถ้า กวฉ. จะสั่งให้เปิดเผย ก็ขอให้ปกปิดชื่อบุคคล บริษัท และโรงหล่อพระที่เข้าร่วมโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้นเสีย เพื่อมิให้เกิดความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม หลังจาก กวฉ. (สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย คณะที่ 1 ที่มีนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ เป็นประธาน) ได้พิจารณาเหตุผลจากทุกฝ่าย ก็มีคำสั่งที่ สค 277/2561 ลงวันที่ 23 ส.ค. 2561 สั่งให้กระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลสอบฉบับเต็ม กรณีอุทยานราชภักดิ์ ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหม ชุดที่มี พล.อ. ชัยชาญ เป็นประธาน ให้กับผู้ขอ

ด้วยเหตุผลว่า “ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจะทำให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ประกอบกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวมีความล่าช้าซึ่งผู้อุทธรณ์ในฐานะประชาชนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียย่อมมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดที่จะแสดงว่าการเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์”

ส่วนที่กระทรวงกลาโหม เรียกร้องให้ปกปิดชื่อของบุคคล บริษัท หรือโรงหล่อพระทั้งหมดนั้น กวฉ. ระบุว่า ให้ปกปิดเฉพาะลายมือชื่อที่ปรากฏในเอกสารทั้งหมดเท่านั้น เพราะถือเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล

ทั้งนี้เป็นความคืบหน้าสำคัญ ในการยื่นขอข้อมูลนี้จากกระทรวงกลาโหม มาเกือบ 3 ปีเต็ม (ระหว่างเดือน ธ.ค.2558 – เดือน ต.ค. 2561) โดยผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าจะเดินทางไปที่กระทรวงกลาโหม เพื่อนำคำสั่งของ กวฉ. นี้ไปยื่นขอรายงานผลสอบฉบับเต็ม กรณีอุทยานราชภักดิ์ ของคณะกรรมการฯ ชุด พล.อ.ชัยชาญ ต่อไป

สำหรับโครงการอุทยานราชภักดิ์ เป็นการก่อสร้างสวนสาธารณะที่มีจุดเด่นคือรูปปั้นพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต 7 พระองค์ เริ่มต้นในสมัย พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร เป็น ผบ.ทบ. (ระหว่างเดือน ต.ค. 2557 – เดือน ก.ย. 2558)

โดยข้อมูลจากผลสอบของคณะกรรมการฯ ชุด พล.อ. ชัยชาญ ที่เปิดเผยในการแถลงข่าวช่วงปลายปี 2558 มีอยู่ว่า

  • โครงการนี้ใช้งบรวมกัน 866 ล้านบาท (แบ่งเป็นงบกลาง 64 ล้านบาท และเงินบริจาค 802 ล้านบาท) ใช้ไปแล้ว 816 ล้าน คงเหลือ 50 ล้านบาท
  • การจัดงานระดมทุน “ราชภักดิ์ Bike & Concert แทนคุณแผ่นดิน” ที่ทำให้ได้เงินบริจาค 77 ล้านบาทเป็นไปด้วยความโปร่งใส ส่วนข้อสงสัยเรื่องต้นปาล์มทั้งหมดในอุทยาน ที่มีข้อสังเกตเรื่องราคาต้นละ 3 แสน แท้จริงแล้วเป็นการบริจาคโดยไม่คิดเงิน
  • การหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์อดีตพระมหากษัตริย์ไทย 7 พระองค์ยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน เนื่องจากบุคคลภายนอกบางคนยังไม่ได้มาให้ข้อมูล ทำให้สรุปกรณีหักค่าหัวคิวโรงหล่อพระ 20 ล้านบาทไม่ได้
  • คณะกรรมการฯ มีข้อสังเกตว่า ผู้เกี่ยวข้องไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2544 ในการขอรับเงินบริจาค

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท