Skip to main content
sharethis

สมบัติ บุญงามอนงค์ เล่าถึงมือปืนป๊อปคอร์น เมื่อครั้งพบกันที่เรือนจำตอน คสช. ยึดอำนาจใหม่ๆ ยันได้มีโอกาสคุยกับฮาร์ดคอร์ทั้งสองฝ่าย ไม่ถูกนักที่เขาเลือกใช้วิถีทางด้วยอาวุธ แต่ไม่เคยคิดว่าคนเหล่านี้เป็นอาชญากรโดยสันดาน เหตุสถานการณ์ทางการเมืองพาไป

7 พ.ย.2561 ภายหลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษากลับในคดีคดีมือปืนป๊อปคอร์นให้จำคุก วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ (การ์ด กปปส.) ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเวลา 37 ปี 4 เดือน ขณะนี้จำเลยถูกจำคุกระหว่างดำเนินคดีแล้วประมาณ 4 ปี ซึ่ง พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ ยังยืนยันกับ 'ประชาไท' ว่ามีการถูกซ้อมจำเลยให้รับสารภาพจริง แต่ไม่มีการดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นเพราะไม่มีพยานหลักฐาน จำเลยได้ร้องเรียนไปทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ซึ่งทางคณะกรรมสิทธิฯ ก็ได้ไปตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่เห็นความเห็นของคณะกรรมการสิทธิฯ ต่อเรื่องนี้ 

เมื่อเวลา 20.57 น. สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับ กปปส. นั้น โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะหัวข้อ "ผมเรียกเขาว่า "ป๊อปคอร์น" เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้พบ วิวัฒน์ ขณะเข้าเรือนจำตอนที่ คสช. ยึดอำนาจใหม่ๆ สมบัติ ชี้ว่า ในชีวิตทางการเมือง ตนเองได้มีโอกาสคุยกับฮาร์ดคอร์ทั้งสองฝ่าย ซึ่งมันไม่ถูกนักที่คนเหล่านี้เลือกที่จะใช้วิถีทางด้วยอาวุธและความรุนแรง แต่ตนไม่เคยคิดว่าคนเหล่านี้เป็นอาชญากรโดยสันดาน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองมันพาไป

รายละเอียดที่ สมบัติ เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้คุยกับ วิวัฒน์ มีดังนี้

เมื่อก่อนเวลาผมพูดถึงเขาผมจะเรียกเขาว่า "คนที่สื่อเรียกเขาว่ามือปืนป๊อปคอร์น" เนื่องจากเขายังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม และการที่ผมเคยอยู่ในเรือนจำเดียวกับเขาแล้วเอาบทสนทนาระหว่างเรามาเล่าสู่กันฟังภายนอกอาจจะไม่ยุติธรรมกับเขาในด้านคดี

แน่นอนว่าหลายคนสงสัยว่าเสื้อแดงอย่างผมจะไปนอนคุยกับมือปืนป๊อปคอร์นได้อย่างไร ซึ่งหากไม่ได้อยู่ในเรือนจำเดียวกันมันเป็นไปไม่ได้เลย แต่การอยู่ในคุกทุกคนจะถูกถอดบทบาทออก เราต่างก็เป็นผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน แม้ข้างนอกจะอยู่กันคนละขั้วก็ตามที

ผมเข้าเรือนจำตอนที่คสช ยึดอำนาจใหม่ๆแล้วผมไม่ยอมไปรายงานตัว หลังจากไปนอนค่ายทหารจนครบกำหนดเขาก็ส่งตัวมาเรือนจำ ตอนนั้นเสื้อแดงถูกจับเต็มคุก ส่วนป๊อปคอร์นเขาอยู่มาก่อนแล้ว หลายคนชี้ให้ผมดูว่า นั่นไงมือปืนป๊อบคอร์นที่นั่งอยู่บริเวณหน้าแดน1 เนื่องจากผู้คุมระมัดระวังการกระทบกระทั่งกัน

บทสนทนาครั้งแรกเกิดขึ้นที่มุมสูบบุหรี่หน้าห้องน้ำ ผมเอ่ยปากทักทายเขา "สวัสดีป๊อปคอร์น" เขายิ้มรับการทักทายเล็กน้อย ผมใช้เวลาอีก 1-2 ครั้งเวลาเจอกัน แล้วบทสนทนาเต็มรูปแบบก็เกิดขึ้น

ป๊อปคอร์นปฏิเสธว่าเป็นกองกำลังที่ผ่านการฝึกฝนตามข่าวลือที่มีมาก่อนหน้านี้ เขาเพียงมาร่วมการต่อสู้เหมือนกับประชาชนคนอื่นๆ และบังเอิญสถานการณ์บีบคั้นให้เขาต้องมาทำหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณเวทีแจ้งวัฒนะ เขาร้องขอความเข้าใจจากผมด้วยเหตุผลว่า เมื่อสถานการณ์ที่เวทีถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแต่ก็ระบุได้ชัดเจนว่าเป็นโกตี๋เข้าก่อกวนหลายครั้งและมี M 79 ตกที่หลังเวทีนับครั้งไม่ถ้วน การมีกองกำลังป้องกันตนเองจึงมีความชอบธรรม

แม้แต่เหตุการณ์ที่มีผู้บริสุทธิ์ถูกทำร้ายในบริเวณใกล้เคียงกันกับเวที เขาก็อธิบายว่าทีมการ์ดอยู่ในสภาวะหลอน(เขาใช้คำนี้) ดังนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นได้แม้ไม่ตั้งใจ

ในช่วงกลางวันก่อนที่จะเข้าไปนอนในห้องขัง มีวันหนึ่งเขาเป็นไข้สูง นอนซมอยู่ในมุมตึก ผมเลยไปหายาพารามาให้เขา 2 เม็ด คนที่ให้ผมเคืองผมอยู่ไม่น้อยที่มาทราบภายหลังว่าผมเอาไปให้ป๊อปคอร์น ซึ่งต่อมาพี่สมยศเล่าให้ผมฟังว่า การที่ผมเขียนเล่าเรื่องยาพาราทำให้เกิดการกวาดล้างเรือนจำครั้งใหญ่ เพราะยาพาราไม่ใช่สิ่งที่ได้อนุญาตให้มาเก็บกันแบบนี้

ป๊อปคอร์นมีความมั่นใจเสมอเมื่อพูดถึงคดีของเขา และบอกกับผมว่าเขาจะได้ประกันตัวก่อนผมแน่นอน และทนายมีทางออกให้ในทางคดี ไม่ใช่ผมไม่เชื่อเขา แต่ข้อเท็จจริงคือผมออกเรือนจำก่อน และเขาถูกตัดสินจำคุก 37 ปีในวันนี้

เอาเป็นว่าในชีวิตทางการเมือง ผมได้มีโอกาสคุยกับฮาร์ดคอร์ทั้งสองฝ่าย มันไม่ถูกนักที่คนเหล่านี้เลือกที่จะใช้วิถีทางด้วยอาวุธและความรุนแรง แต่ผมไม่เคยคิดว่าคนเหล่านี้เป็นอาชญากรโดยสันดาน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองมันพาไป

ผู้เดินทางสายเหยี่ยวต้องรับผิดชอบต่อผลการกระทำของตน แต่ผมก็ยังอยากเห็นการให้โอกาสคนเหล่านี้ในฐานะเหยื่อของสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองได้กลับมาใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนทั่วไปนอกรั้วเรือนจำในวันใดวันหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ที่นำมาซึ่งคดีนี้มาจากเหตุในวันที่ 1 ก.พ. 2557 การชิงคูหาเลือกตั้ง ย่านแจ้งวัฒนะ กันระหว่างฝ่าย กปปส. กับคนเสื้อแดงที่นำโดย ‘โกตี๋’ หรือ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ในเหตุการณ์ปะทะมีการบันทึกภาพชายฉกรรจ์ปิดบังใบหน้าถืออาวุธปืนจำนวนหนึ่ง และหนึ่งในนั้นซุกซ่อนอาวุธปืน ไว้ในกระสอบป๊อปคอร์น ถุงสีเขียวเหลือง เดินมายังแยกหลักสี่ ซึ่งถูกประกาศให้เป็นพื้นที่เหตุการณ์กระทบความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และมีการยิงปืนเข้าไปในบริเวณศูนย์การค้าไอที สแควร์ ในเหตุการณ์ปะทะนั้น มี สมบุญ สักทอง, อะแกว แซ่ลิ้ว, นครินทร์ อุตสาหะ และพยนต์ คงปรางค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยที่ต่อมา อะแกว เสียชีวิต 

ภาพตัวอย่างที่ถูกระบุว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธนอกจาก วิวัฒน์

หลังจากศาลฎีกาพิพากษากลับจำคุก วิวัฒน์ ไปแล้ว เดลินิวส์ รายงานปฏิกิริยา จาก ฝ่าย สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส.รวมทั้งกลุ่มที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่าง สุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตหลวงปู่พุทธอิสระ ก็ยังไม่มีความเห็นในเรื่องดังกล่าวอีกด้วย

ขณะที่ตรวจสอบล่าสุดเมื่อเวลา 22.50 น. ทั้ง 2 เพจของ สุเทพ และสุวิทย์ ยังไม่มีการโพสต์ถึงคำพิพากษานี้เช่นกัน 

หลังเหตุการณ์วันที่ 1 ก.พ.2557 วิวัฒน์ ถูกจับกุมประมาณ 1 เดือนต่อมา สุเทพ กล่าวว่าไม่รู้จักวิวัฒน์ แต่ที่ชื่นชม ‘มือปืนป๊อปคอร์น’ เพราะเห็นว่าออกมาปกป้องประชาชน อย่างไรก็ตามการที่มือปืนป๊อปคอร์นสารภาพ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกช็อตไฟฟ้าหรือไม่ ต้องไปดูตามร่างกายว่ามีร่องรอยอะไรหรือเปล่า เพราะไม่แน่ ตำรวจอาจจะบังคับให้ซัดทอดว่า สุเทพ เป็นคนสั่งการ

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net