กสม. หารือกับแม่ทัพภาคที่ 4 ขอให้กองทัพคำนึงถึงความกังวลและความห่วงใยของญาติและผู้ถูกควบคุมตัวในสถานที่ควบคุมตัว โดยขอให้มีมาตรการหรือแนวทางที่เป็นไปเพื่อคุ้มครองสิทธิในชีวิตและร่างกายของผู้ถูกควบคุมตัว
9 พ.ย.2561 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สนง.กสม.) รายงานว่า ชาติชาย สุทธิกลม กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยถึงการเข้าพบเพื่อหารือร่วมกับ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (ผอ.กอ.รมน. ภาค 4) ต่อนโยบายและแนวทางความร่วมมือด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2561 ณ ค่ายเสนาณรงค์ จังหวัดสงขลา ว่า ในการหารือดังกล่าว กสม. ได้ขอให้กองทัพคำนึงถึงความกังวลและความห่วงใยของญาติและผู้ถูกควบคุมตัวในสถานที่ควบคุมตัว โดยขอให้มีมาตรการหรือแนวทางที่เป็นไปเพื่อคุ้มครองสิทธิในชีวิตและร่างกายของผู้ถูกควบคุมตัว ซึ่งหากกองทัพสามารถสร้างความมั่นใจต่อญาติและผู้ถูกควบคุมตัวได้ว่าจะได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสมตามหลักสิทธิมนุษยชน ก็จะสามารถลดข้อร้องเรียนได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนเรื่องร้องเรียนประเด็นสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่รับเป็นคำร้องและเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของ กสม. นั้น ได้ชี้แจงว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ ย่อมส่งผลให้รายงานผลการตรวจสอบยุติได้โดยเร็วซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายรวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศชาติ
ชาติชาย กล่าวต่อว่า ในการหารือครั้งนี้ พล.ท.พรศักดิ์ ยืนยันว่าจะให้ความสำคัญเรื่องการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อประชาชนในพื้นที่ตลอดจนผู้ถูกควบคุมตัว และให้ความร่วมมือกับ กสม. ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรื่องร้องเรียนทุกกรณีอย่างทันเหตุการณ์ โดย กสม. และพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ทุกกรณี
ขณะที่เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ขณะนั้น ได้ประกาศ กอ.รมน. กำหนดให้ผู้ที่อาศัยในพื้นที่ ต.บางเขา และ ต.ท่ากำซำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี นำอาวุธปืน และเครื่องกระสุนทุกชนิด รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือทุกประเภทมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 17-23 ก.ย.61 ณ ที่ว่าการอำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี ภายหลังเกิดเหตุการณ์ซุ่มยิงทหารพรานเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บอีก 4 นายขณะที่ทั้งหมดกำลังเดินกลับฐานใน อ.หนองจิก เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสต่อต้านประกาศดังกล่าว โดยเฉพาะสหพันธ์นิสิตนักศึกษาเยาวชน นักเรียนปาตานี (PerMAS) รวมทั้ง พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความสิทธิมนุษยชน ที่ชี้ว่าประกาศดังกล่าวมีปัญหาทั้งความลักลั่นในการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ และหลักความได้สัดส่วน