สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 12-18 พ.ย. 2561

ที่ปรึกษาแรงงานลงพื้นที่แม่สอด เยี่ยมผู้สูงอายุฝึกอบรมอาชีพ

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2561 นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานกระทรวงแรงงาน (ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน) พร้อมด้วย นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน ลงพื้นที่จังหวัดตาก ตรวจเยี่ยมการฝึกอบรม ตามโครงการฝึกอบรมแรงงานผู้สูงอายุเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ สาขาการทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ที่สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานแห่งที่ 2 แม่สอด อาคารสำนักงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก อ.แม่สอด จ.ตาก

นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานกระทรวงแรงงาน (ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน) กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายเน้นหนักในการส่งเสริมการมีงานทำและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งโครงการฝึกอบรมแรงงานผู้สูงอายุเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพนี้จะตอบโจทย์นโยบายดังกล่าว เป็นกิจกรรมส่งเสริมด้านอาชีพเพื่อให้ผู้สูงอายุใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ตามความถนัด ความพร้อมและความสนใจ รวมถึงศักยภาพของผู้สูงอายุแต่ละคน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้สูงอายุนำไปพัฒนาต่อยอดการประกอบอาชีพ สามารถประกอบอาชีพอิสระ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ที่ยั่งยืน และดูแลตนเองได้ ทั้งยังเป็นการรองรับสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ การฝึกอบรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-18 พฤศจิกายน มีผู้สูงอายุเข้าร่วมอบรมจำนวน 20 คน อยู่ในพื้นที่ หมู่ 11 ต.แม่กาษา อ.แม่สอด จ.ตาก

ด้านนางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ในส่วนของกรมการจัดหางานนั้นจะบูรณาการร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งหาตลาดรองรับให้กับผู้สูงอายุ เพื่อนำผลิตภัณฑ์ที่ฝึกอบรมไปจำหน่าย เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

ที่มา: มติชนออนไลน์, 18/11/2561

รอคลังเห็นชอบ อนุมัติงบฯ เปลี่ยน 'ลูกจ้างชั่วคราว' บรรจุเป็น 'พนักงาน สธ.'

นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการบรรจุลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน ที่จ้างด้วยเงินบำรุงเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมบรรจุ ลูกจ้างชั่วคราวรายเดือนที่จ้างด้วยเงินบำรุง ให้เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข อยู่ระหว่างกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ โดยให้เป็นไปตามความสมัครใจ ขณะนี้มีผู้ยื่นความจำนงแล้ว 30,000 กว่าคน จากทั้งหมด 50,000 กว่าคน โดยในปีงบประมาณ 2562 สามารถบรรจุได้ ร้อยละ 50 ที่เหลือจะทยอยบรรจุในปีถัดไป

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังต้องให้ความเห็นชอบในการจ่ายเงินบำรุงเพิ่มเติม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ทำหนังสือขอความเห็นชอบไปเมื่อ 30 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา ส่วนผู้ที่เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว ได้มีหลักเกณฑ์การเยียวยาเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่าง กระทรวงการคลังเห็นชอบ

ที่มา: Spring News, 17/11/2561

ยุทธการปิดล้อมที่พัก-ที่เที่ยว 262 จุดทั่วประเทศ พบต่างชาติทำผิดกว่า 500 ราย เน้นแรงงานหลบหนีเข้าเมือง

ที่ลานจอดรถด้านหน้าทางเข้ารอยัลซิตี้อเวนิว หรือ อาร์ซีเอ เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 16 พ.ย. 2561 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รรท.ผบก.จร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร รองผบก.น.1 พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา รองผบก.ทท.1 พ.ต.อ.ฤทธี ปานดำ ผกก.สน.มักกะสัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ทท. บก.สปพ. บช.ปส. สตม. หน่วยรบพิเศษสยบไพรี หน่วยอรินทราช 26 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มักกะสัน ร่วมกันแถลงผลการเข้าปิดล้อม ตรวจค้นที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว สถานบันเทิงและโรงงานต่างๆ ตามยุทธการ X-RAY OUTLAW FOREIGNER ครั้งที่ 25 จำนวน 262 จุดทั่วประเทศ ของชาวต่างชาติที่กระทำผิด over stay และหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ทั้งสิ้น 542 ราย แบ่งเป็น จับกุมข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต จำนวน 48 ราย เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 262 ราย และจับกุมข้อหาอื่นๆ จำนวน 232 ราย

พ.ต.อ.นิธิธร กล่าวว่า การดำเนินการกวาดล้างจับกุมชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศผิดกฎหมาย รวมถึงใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งหลบซ่อนเพื่อเข้ามากระทำผิดในรูปแบบต่างๆ ซึ่งมีการดำเนินการมาแล้ว 39 ครั้ง มีตรวจค้นเป้าหมายไปแล้วกว่า 5,571 เป้าหมาย ทั่วประเทศ จับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 4,773 คน ซึ่งมีการผลักดันและขึ้นบัญชีดำถาวรไปแล้วกว่า 3,500 ราย ในวันนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันทั้งตำรวจภูธร ตำรวจนครบาล ตำรวจท่องเที่ยว 191 ตำรวจตม. โดยเน้นไปกลุ่มเป้าหมายแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีการกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าการดำเนินการมีผลการปฏิบัติอย่างดี ปัจจุบันปัญหาการจับกุมคนผิวสีหรือคนแอฟริกันแทบจะเป็นศูนย์ เพราะการเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่

พ.ต.อ.นิธิธร กล่าวอีกว่า การดำเนินการในครั้งนี้เป็นการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว ที่หลบหนีเข้าเมืองเป็นส่วนมาก ซึ่งจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ที่ถูกจับกุมจะน้อยลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ภายหลังจากการจับกุมก็จะทำการผลักดันออกนอกประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีการลักลอบหลบหนีกลับเข้ามาอีก แต่จากนี้ไปจะมีการนำระบบไบโอเมทริกซ์มาใช้ เพื่อช่วยในการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ป้องกันการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุลและลักลอบเข้ามาใหม่

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 16/11/2561

สธ.ปฏิรูประบบบริการพยาบาล ‘กำหนดเวลาการทำงานที่เหมาะสมและมีความสมดุล’

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2561 ที่โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ปฏิรูประบบบริการพยาบาล ในยุค DIGITAL HEALTH” พร้อมลงนามความร่วมมือการบริหารจัดการอัตรากำลังให้พยาบาลมีเวลาการปฏิบัติงานที่เหมาะสม กับผู้อำนวยการกองการพยาบาล และผู้บริหารการพยาบาลเขตบริการสุขภาพทั้ง 13 เขตสุขภาพ และมอบนโยบายการทำงานเรื่อง “2 P Safety” โดยมีผู้บริหารการพยาบาล คณะกรรมการพัฒนาบริการพยาบาลเขตบริการสุขภาพ 12 เขต และกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พยาบาลวิชาชีพ ผู้รับผิดชอบงานพัฒนาคุณภาพการพยาบาล เข้าร่วมประชุม 750 คน

นพ.สุขุม กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายในการปฏิรูปกำลังคนด้านสุขภาพ มีการบริหารจัดการกำลังคนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข มีความปลอดภัยทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ รวมทั้งดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ ค่าตอบแทน บ้านพัก พัฒนาองค์กรสร้างสุข และให้โรงพยาบาลทุกแห่งจัดระบบบริการที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุข (Patient and Personnel Safety : 2P Safety) มีการกำหนดชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบการให้บริการ

สำหรับพยาบาล ซึ่งหมุนเวียนกันปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในโรงพยาบาล ในชุมชน และการส่งต่อผู้ป่วย จะต้องปรับระบบการทำงาน มีชั่วโมงการปฏิบัติงานที่เหมาะสม มีความสมดุลในชีวิตการทำงาน โดยลดภาระงานที่ไม่จำเป็น หรือให้ผู้อื่นทำแทน ลดชั่วโมงการทำงานที่มากกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ให้เกิดความเหนื่อยล้าซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้สนับสนุนความก้าวหน้าพยาบาลวิชาชีพ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน

ด้าน ดร.ธีรพร สถิรอังกูร ผู้อำนวยการกองการพยาบาล กล่าวว่า กองการพยาบาลได้จัดทำโครงการ “Happy Working Hour for Patient Safety” เพื่อกำหนดเวลามาตรฐานการทำงานที่เหมาะสม และมีคุณภาพในการให้บริการพยาบาลไม่เหนื่อยล้าจากการทำงาน ป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการจากการปฏิบัติงานของพยาบาล รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อลดระยะเวลาการทำงานของพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งพยาบาลวิชาชีพที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี ที่ต้องรับภาระในการทำงานวันละ 16 ชั่วโมง คือ ควบเวร 2 ผลัดใน 1 วัน ซึ่งบางครั้งขึ้นเวรติดต่อกันเกิน 3 วัน ส่งผลให้ขาดความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน พร้อมนี้ จะได้กำหนดแนวทางการลดขั้นตอนและระยะเวลาการทำงานของพยาบาล นำเสนอผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อประกาศเป็นนโยบายสู่การปฏิบัติต่อไป

ที่มา: Hfocus, 15/11/2561

เตือนแรงงานระวังถูกหลอกลวงไปทำงานภาคเกษตรในประเทศแคนาดา

ด้วยฝ่ายแรงงานฯ ได้รับแจ้งถึงพฤติกรรมการหลอกลวงแรงงานเกษตรไทยในอิสราเอลให้ไปทำงานภาคเกษตรในประเทศแคนาดาแบบถาวรกับบริษัทที่มีชื่อเสียงรายหนึ่งใประเทศแคนาดา ผ่านทางสื่อ Facebook

ปัจจุบัน ประเทศแคนาดาไม่อนุญาตให้คนงานต่างชาติประเภทไร้ทักษะเข้าไปทำงานในประเทศมานานแล้ว ยกเว้นคนงานต่างชาติที่ทำงานเก็บหนอนในฟาร์มเกษตร ซึ่งการที่มีผู้กล่าวอ้างดังกล่าว ไม่น่าจะเป็นความจริง

กระทรวงแรงงานฯ มีความห่วงใยหากคนงานหลงเชื่อ อาจถูกหลอกลวงจำเสียทรัพย์สินหรือต้องไปตกระกำลำบากในต่างแดน จึงขอเตือนแรงงานไทยมิให้หลงเชื่อผู้ที่กล่าวอ้าง โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายแรงงานฯ 09-9548431 หรือสายด่วน กรมการจัดหางาน โทร. 1506 กด 2

ที่มา: ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ, 15/11/2561

เตือนแรงงานไทยในอิสราเอลพร้อมอพยพจากเหตุโจมตี

ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประกาศเรื่อง การเตรียมความพร้อมกรณีอิสราเอลถูกโจมตีด้วยจรวดจากฉนวนกาซ่า ซึ่งจากเหตุการณ์พื้นที่ทางภาคใต้ของอิสราเอลถูกโจมตีด้วยจรวดและกระสุนปืน ค. จากกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซ่า ตั้งแต่คืนวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ (14 พ.ย.) ขอให้แรงงานไทยติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย และติดต่อฝ่ายแรงงานฯ ทันทีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

นอกจากนี้ ขอให้แรงงานไทยศึกษาทบทวนแนวปฏิบัติกรณีมีเหตุระเบิด หรือการยิงสู้รบในเขตพื้นที่ภาคใต้ของอิสราเอล กรณีอิสราเอลถูกโจมตีด้วยจรวดหรือกระสุนปืน ค. และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยท้องถิ่นของอิสราเอลอย่างเคร่งครัด ซึ่งหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อฝ่ายแรงงานฯ 09-9548431

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 14/11/2561

หวั่นทำตกงาน นศ.อาชีวอนามัย ค้านจบสาขาไหนเป็น 'จป.วิชาชีพ' ได้

ตัวแทนนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่เปิดสอนในหลักสูตรอาชีวอนามัยและความปลอดภัย นำโดยมหาวิทยาลัยบูรพา เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันที่ 13 พ.ย. 2561 เพื่อขอให้สั่งการไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ เเสงสิงเเก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเเรงงานยกเลิกการกำหนดข้อ 13 (4) ในร่างกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. … เปิดโอกาสให้ผู้จบสาขาใดก็ได้เป็น เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ (จป.วิชาชีพ) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล

สรุปข้อร้องเรียนว่า กฎหมายที่จะให้มี จป.วิชาชีพ โดยการอบรมนั้น มีความพยายามมาตั้งแต่ปี 2554 จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิด คำถามตามมาว่า เหมาะแล้วหรือไม่ กับคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็น จป.วิชาชีพ ในข้อที่ 13 (4) ที่ระบุว่า “สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี และมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการ ตามข้อ 2 (1) (2) หรือ (3) ไม่น้อยกว่า 5 ปี และผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยใน การทำงานระดับวิชาชีพ และผ่านการประเมิน“ ประเด็นดังกล่าวทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ ยืดเยื้อจนถึงปี พ.ศ.2561 จึงกลับมาใหม่ ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ผลิตบัณฑิตด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย หรือเทียบเท่า ต่างคัดค้านกฎหมายนี้มาตลอด ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน

กลุ่มนิสิตนักศึกษาสาขาวิชาอาชีวอนามัยฯ ขอให้กระทรวงแรงงานรักษามาตรฐานการให้ความคุ้มครองลูกจ้าง โดยให้ผู้ที่จะเป็น จป.วิชาชีพ ต้องสำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาตรี ทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ส่วน กสร.ต้องศึกษาถึงสาเหตุที่แท้จริงที่สถาน ประกอบการไม่สามารถว่าจ้างผู้ที่จะเป็น จป.วิชาชีพได้ และสภาคณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ฯ และ มหาวิทยาลัยต่างๆ ยินดีที่จะร่วมมือกับ กสร. ในการทำโครงการความร่วมมือการผลิตบัณฑิตทางด้านนี้ให้กับสถานประกอบการที่มีปัญหาไม่สามารถหาผู้ที่จะมาเป็น จป.วิชาชีพ อีกทั้งเห็นว่า สถานประกอบการยังมีทางเลือกที่สามารถส่งลูกจ้างเข้าศึกษาต่อวิชาเอกด้านนี้ผ่านระบบการศึกษาทางไกลของ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ได้ ขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี เร่งรัดสั่งให้มีการยกเลิกข้อ 13 (4) ของร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวโดยเร็ว

ที่มา: Spring News, 14/11/2561

เผยรอบ 10 เดือน (ม.ค.– ต.ค. 2561) แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ 99,269 คน

กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เผยรอบ 10 เดือน (ม.ค.– ต.ค. 2561) แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ 99,269 คน ส่วนใหญ่ไปไต้หวันมากสุด พร้อมสั่งสกัดแก๊งหลอกคนหางานไปทำงานต่างประเทศที่ด่านตรวจคนหางานสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ทั้งนี้ยังมีการระงับการเดินทางผู้มีพฤติกรรมจะลักลอบไปทำงาน จำนวน 2,503 คน

เพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงคนหางานไปทำงานต่างประเทศ โดยมอบหมายให้กรมการจัดหางาน มีมาตรการป้องกันและป้องปรามแรงงานไม่ให้ถูกหลอกลวง โดยกรมได้สั่งการให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด คุมเข้ม ตรวจสอบและสกัดกั้น เพื่อคุ้มครองคนหางานที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศไม่ให้ถูกหลอกลวงจากสาย/นายหน้าเถื่อนทั้งก่อนเดินทางไปทำงาน และระหว่างทำงานในต่างประเทศ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบตำแหน่งงานในต่างประเทศ กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าบริการที่เหมาะสมและเป็นธรรม การบังคับใช้กฎหมาย ให้การคุ้มครองแรงงานให้ได้รับความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามสัญญาจ้างและกฎหมายแรงงานของประเทศที่เข้าไปทำงานไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง

ทั้งนี้ กรมการจัดหางานได้จัดตั้งชุดเฝ้าระวัง คอยตรวจสอบและสกัดกั้นผู้ลักลอบไปทำงานต่างประเทศที่ด่านตรวจคนหางานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และท่าอากาศยานชายแดนระหว่างประเทศทั้ง 25 ด่าน ใน 19 จังหวัด ทั้งยังตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมในการโฆษณาชักชวนคนหางานไปทำงานต่างประเทศ และใช้สายตรวจออนไลน์คอยตรวจสอบ เฝ้าระวังพฤติการณ์ของกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเข้มงวด หากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดี และโพสต์ข้อความเตือนชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการไปทำงานต่างประเทศไปยัง Facebook สำหรับคนหางานที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศควรหาข้อมูลของประเทศและตำแหน่งงานที่ตนเองจะไปทำงานอย่างละเอียด

ที่มา: ข่าวสด, 14/11/2561

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท