Skip to main content
sharethis

เผยรายงานเรื่องการสืบสวนของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน รัชทายาทพระราชาธิบดีแห่งซาอุดิอาระเบียเป็นผู้สั่งการสังหารจามาล คาชอกกี นักข่าววอชิงตันโพสต์เชื้อสายซาอุฯ ภายในสถานทูตซาอุดิอาระเบีย ในตุรกี โดยที่เดอะการ์เดียนระบุว่าข้อสรุปนี้อาจจะส่งผลสะเทือนต่อผู้นำโดยพฤตินัยของซาอุฯ ขณะเดียวกันทางการสหรัฐฯ ก็ออกมาบอกในภายหลังว่าการลงความเห็นในเรื่องนี้ยังไม่ถือเป็น "ข้อสรุปสุดท้าย"

โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (ซ้าย) และจามาล คาชอกกี (ขวา)
ที่มา: Wikipedia และ Flickr/Pomed

18 พ.ย. 2561 สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือซีไอเอเปิดเผยรายงานการประเมินกรณีคดีฆาตกรรม จามาล คาชอกกี ที่สถานทูตซาอุฯ ในตุรกีเมื่อไม่นานนี้โดยถือเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานทางการสหรัฐฯ ระบุเชื่อมโยงว่าเจ้าฟ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีการเสียชีวิตของคาชอกกี

รายงานของซีไอเอออกมาหลังจากที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และที่ปรึกษาด้านความมั่นคง จอห์น โบลตัน พยายามกล่าวปกป้องไม่ให้ซัลมานถูกสืบสวนสืบสวนแบบเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ซาอุฯ 21 ถูกสืบสวนไปก่อนหน้านี้ โดยอ้างว่าการฆาตกรรมอื้อฉาวที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ซาอุฯ ที่กระทำเกินขอบเขตอำนาจ 

อย่างไรก็ตามทางซีไอเอระบุว่าการที่ซัลมานมีอำนาจควบคุมที่เข้มงวดมากทำให้ข้ออ้างที่ว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกินขอบเขตเองถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นได้ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองจากยุโรปกล่าวต่อสื่อในเรื่องนี้ว่า รายงานของซีไอเอจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อการเล่าถึงเหตุการณ์ในแบบของซาอุฯ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมาตามเวลาของสหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ก็ประกาศว่าพวกเขายังไม่ได้บรรลุข้อสรุปสุดท้ายในเรื่องการสังหารคาชอกกี โดยที่ เฮเธอร์ เนาเอิร์ต โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แถลงว่ารายงานที่ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินในขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับคดีนี้แล้วถือว่า "ไม่ตรงกับความจริง" นอกจากนี้ยังมีคำถามอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับคำตอบในกรณีการสังหารคาชอกกี เนาเอิร์ตบอกอีกว่าทางการสหรัฐฯ จะค้นหาความจริงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่อไป รวมถึงมีการหารือกับสภาคองเกรส และทำงานร่วมกับประเทศอื่นเพื่อนำตัวผู้สังหารคาชอกกีเข้าสู๋กระบวนการยุติธรรม

เหตุการณ์สังหารคาชอกกีผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลซาอุฯ ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้มีคนสนใจว่าสหรัฐฯ จะมีท่าทีอย่างไรในฐานะที่ซาอุฯ เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ สื่อเดอะการ์เดียนระบุว่าทรัมป์ผู้ที่ในอดีตเคยเป็นคนที่สนับสนุนซัลมานอย่างมากดูเหมือนจะไม่พอใจที่เกิดคดีคาชอกกีขึ้น

วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ทั้งสังกัดพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตต่างก็เรียกร้องให้ทรัมป์มีท่าทีหนักข้อต่อซัลมานมากขึ้น เพราะพวกเขาเชื่อว่าซัลมานอยู่เบื้องหลังการสังหารคาชอกกี

ผู้อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ริชาร์ด บลูเมนธาล ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่าทรัมป์ควรจะยอมรับข้อสรุปของผู้เชี่ยวชาญหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ว่าซัลมานมีส่วนในการสังหารคาชอกกีอย่างโหดเหี้ยม การสังหารผู้คนอย่างอุกอาจเช่นนี้ผู้ก่อเหตุควรจะได้รับผลจากการกระทำของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการคว่ำบาตร การดำเนินคดี การลงจากตำแหน่ง และอื่นๆ โดยไม่ควรได้รับการปกป้องปกปิดต่อไป แบบที่ทรัมป์เคยพยายามทำ

ทรัมป์กล่าวเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมาเช่นกันวาจะมีการเปิดเผยรายงานฉบับเต็มในอีกสองวันหลังจากนี้โดยมีระบุถึงว่าใครเป็นผู้กระทำการฆาตกรรมที่เกิดขึ้น

เรียบเรียงจาก

CIA Khashoggi findings 'highly damaging' to Mohammed bin Salman, The Guardian, 18-11-2018

Jamal Khashoggi case: All the latest updates, Aljazeera, 18-11-2018
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net