Skip to main content
sharethis

มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ขอให้ผู้สอนรายวิชาสัมมนาการเมืองการปกครองไทยยกเลิกการสัมมนาที่มี ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw เป็นวิทยากร เพราะได้รับแรงกดดันจากทหาร สันติบาล และผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากกังวลกรณีการเข้าชื่อปลดอาวุธ คสช. ด้านผู้สอนผบ.มณฑลทหารบกที่ 39 เรียกพบ ส่วนตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบในมหาวิทยาลัยว่ายกเลิกกิจกรรมจริงหรือไม่

24 พ.ย. 2561 ผู้สื่อข่าวประชาไท ได้รับแจ้งจาก ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเตอร์เพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ว่า ถูกขอให้ยกเลิกเข้าบรรยายในเวทีสัมมนาวิชาการทางรัฐศาสตร์ หัวข้อ “การเมืองไทยคนรุ่นใหม่ควรนิ่งไว้ หรือไปต่อ” ซึ่งเป็นงานที่จัดโดยนักศึกษาวิทยาลัยการจัดการและพัฒนาท้องถิ่น สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ที่จะจัดขึ้นในเวลา 08.30 น. วันที่ 24 พ.ย. เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล มีความกังวลกับกิจกรรมของ iLaw ที่จะมีการเปิดมีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. 35 ฉบับ ขณะที่อาจารย์ผู้สอนเจ้าของวิชาสัมมนาการเมืองการปกครองไทย ถูกเรียกพบผบ.มณฑลทหารบกที่ 39 ในวันที่ 24 พ.ย. เวลา 07.30 น. โดยจะเข้ามาพูดคุยในมหาวิทยาลัย ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาสังเกตการณ์การเรียนการสอนเพื่อตรวจสอบว่า ยังมีการจัดสัมมนา และกิจกรรมเข้าชื่อปลดอาวุธ คสช. อยู่หรือไม่

ยิ่งชีพ ให้ข้อมูลว่า เขาเดินทางมาถึงจังหวัดพิษณุโลกช่วงเย็นของวันที่ 23 พ.ย. เวลาประมาณ 17.00 น. เพื่อเตรียมตัวบรรยายในห้องเรียนวิชาสัมมนาการเมืองการปกครองไทย ซึ่งเขาได้รับเชิญจากนักศึกษาในรายวิชาให้มาเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “การเมืองไทยคนรุ่นใหม่ควรนิ่งไว้ หรือไปต่อ” โดยก่อนหน้านี้เขาได้แจ้งกับนักศึกษาว่า หลังจากบรรยายเสร็จแล้วจะขอเปิดโต๊ะรับการเข้าชื่อเพื่อเสนอกฎหมายยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. และได้ประชาสัมพันธ์กิจกรรมทั้งสองกิจกรรมทางเฟซบุ๊ก และไลน์ออฟฟิเชียลของ iLaw  

ต่อมา เวลาประมาณ 18.00 น. ยิ่งชีพได้รับการติดต่อจากอาจารย์ผู้สอนว่า การจัดสัมมนาวิชาการในวันพรุ่งนี้อาจจะไม่สามารถจัดได้ พร้อมทั้งเชิญให้เขา เข้าไปพูดคุยกับคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ผู้บริหารวิทยาลัยการจัดการและพัฒนาท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 39 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อยิ่งชีพไปถึงพบว่า กลุ่มผู้บริหารได้ชี้แจงว่าขอให้ยกเลิกการจัดสัมมนาดังกล่าว เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยได้รับการติดต่อทั้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่ทหารว่า จะมีการเข้าชื่อเสนอกฎหมายยกเลิกคำสั่ง คสช.

อย่างไรก็ตาม ยิ่งชีพได้ต่อรองว่า หากทางมหาวิทยาลัย และฝ่ายความมั่นคงไม่สบายใจกับการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ก็จะไม่ทำกิจกรรมดังกล่าว แต่ขอเข้าบรรยายในวิชาสัมมนาเพียงอย่างเดียวได้หรือไม่เนื่องจากเดินทางมาแล้ว และต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักศึกษาในรายวิชา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารระบุว่า “ช่วงนี้ใกล้จะเลือกตั้งแล้ว ไม่อยากให้มีแรงกระเพื่อม”

เมื่อผู้สื่อข่าวประชาไท ติดต่อสอบถามไปยังอาจารย์ท่านหนึ่งในวิทยาลัยการจัดการและพัฒนาท้องถิ่น ทราบว่า อาจารย์ผู้สอนได้รับการติดต่อจากผู้บริหารมหาวิทยาลัย ว่ามหาวิทยาลัยได้รับแรงกดดันจากหลายส่วน เช่น ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล และผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เนื่องมีความกังวลกับการเข้าชื่อเสนอกฎหมายยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. ของ iLaw โดยขอให้ยกเลิกการจัดกิจกรรมดังกล่าว และไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยจัดการสัมมนา พร้อมทั้งเรียกให้ผู้สอนรายวิชาการเมืองการปกครองไทยไปพูดคุยกับผบ.มณฑลทหารบกที่ 39 ในวันรุ่งขึ้น  โดยจะเข้ามาพูดคุยในมหาวิทยาลัย

“ตอนเย็นที่พูดคุยกัน คุณยิ่งชีพก็ได้ชี้แจงไปว่า การเข้าชื่อเสนอกฎหมายปลดอาวุธ คสช. เป็นกิจกรรม ที่ iLaw ทำเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางนักศึกษา หรือมหาวิทยาลัย เพียงแค่เห็นว่าการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเป็นสิทธิที่ประชาชนทุกคนสามารถทำได้ แต่พรุ่งนี้อาจารย์ผู้สอนก็จะต้องเข้าไปพบกับผบ.มณฑลทหารบกที่ 39 และจะมีตำรวจเข้ามาในมหาวิทยาลัยเพื่อตรวจสอบดูว่ายังมีการจัดการสัมมนาอยู่หรือไม่... คือทั้งหมดนี้มันคงเป็นเพราะที่นี่เป็นพิษณุโลกด้วย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีกิจกรรมลักษณะนี้มาก่อน ก็คงอ่อนไหวกันกว่าปกติ ทั้งๆ ที่งานนี้เป็นงานเล็กๆ เท่านั้น” อาจารย์ท่านหนึ่งในวิทยาลัยการจัดการและพัฒนาท้องถิ่น กล่าว

ภาพจาก iLaw

ผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานเพิ่มเติมว่า การเข้าชื่อเสนอกฎหมายยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. 35 ฉบับ หรือเข้าชื่อ ‘ปลดอาวุธคสช.’ เป็นกิจกรรมที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ 15 ม.ค. 2561 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย 23 องค์กรเครือข่ายภาคประชาชน ซึ่งมี iLaw เป็นผู้รวบรวมรายชื่อ (สามารถเข้าเสนอยื่นออนไลน์ได้ที่นี่)

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net