Skip to main content
sharethis

ทั้งนักการเมืองและกลุ่มภาคประชาสังคมในตูนีเซียต่างก็แสดงการประท้วงหรือปฏิเสธให้การต้อนรับเจ้าฟ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดิอาระเบียซึ่งมีแผนการเยือนตูนีเซียภายในวันที่ 27 พ.ย. ที่จะถึงนี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือนหลายประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมนักข่าววอชิงตันโพสต์จามาล คาชอกกี ที่สถานกงสุลซาอุฯ ในกรุงอีสตันบูล ประเทศตุรกี

ไซดา คาราช โฆษกรัฐบาลตูนีเซียประกาศยืนยันว่าเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน หรือที่รู้จักในนาม MBS จะเดินทางเยือนตูนีเซียในวันที่ 27 พ.ย. ที่จะถึงนี้ โดยนอกจากตูนีเซียแล้วซัลมานยังมีกำหนดการไปเยือนหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, บาห์เรน, อียิปต์ ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรที่เขาจะได้รับการต้อนรับ หลังจากที่นานาชาติแสดงความไม่พอใจจากกรณีการสังหารคาชอกกีที่มีรายงานจากซีไอเอว่าซัลมานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารและทารุณกรรมคาชอกกีนักข่าวผู้เขียนวิพากษ์วิจารณ์ซัลมาน

ถึงแม้ว่าสำนักพระราชวังของซาอุฯ จะบอกว่าการเดินทางเยือนประเทศต่างๆ ในครั้งนี้เป็นไปเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับต่างชาติ แต่สำหรับรัฐบาลและประชาชนชาวตูนีเซียแล้ว พวกเขาแสดงการต่อต้านและประณามซัลมานในกรณีคาชอกกี โดยที่คาราชกล่าวว่าตูนีเซียประณามการสังหารคาชอกกีและเน้นย้ำจุดยินของตูนีเซีย่วาต้องการให้มีการเปิดเผยความจริงในกรณีนี้

ทางด้านนักกิจกรรมตูนีเซียและอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองอัลอิราดา ตาเร็ก คาห์ลาวี กล่าวว่าพวกเขาจะจัดการประท้วงด้วยมวลชนหลายร้อยคนที่หน้าทำเนียบประธานาธิบดีในช่วงที่มีการเยือนของซัลมาน

คาห์ลาวีกล่าวว่ามันเป็นเรื่องที่น่าละอายที่ตูนีเซียซึ่งเป็นประเทศเคยรับรู้ถึงการเปลี่ยนทางเป็นประชาธิปไตยและการปฏิวัติโค่นล้มทรราชกับเผด็จการมาก่อนจะต้องต้อนรับอาชญากรมือเปื้อนเลือดผู้สังหารทั้งชาวเยเมนและชาวซาอุฯ เอง คาห์ลาวีเปิดเผยอีกว่าการปักหลักประท้วงที่จะมีขึ้นนี้เป็น "ปฏิบัติการเชิงรุกของพลเรือน" เองหลังจากที่นักการเมืองจากทุกฝ่ายเรียกร้องให้มีการประท้วงต่อต้านการมาเยือนของซัลมาน

ฮัมมา ฮัมมามี โฆษกของพรรคป็อบปูลาร์ฟรอนต์พรรคฝ่ายค้านหลักตูนีเซีย ร่วมกล่าวประณามการเยือนของซัลมานว่าเป็น "การท้าทายประชาชนชาวตูนีเซีย รวมถึงเป็นการท้าทายการปฏิวัติและหลักการของตูนีเซียด้วย" 

นอกจากการที่ว่าซัลมานเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมซัลมานแล้ว ฮัมมามียังได้กล่าวถึงการที่ซาอุฯ มีอิทธิพลต่อสงครามในเยเมนซึ่งส่งผลในเชิงทำลายล้างต่อประชาชนชาวเยเมน รวมถึงการทำให้การรุกรานของชาวยิวไซออนนิสต์เป็นเรื่องปกติจนส่งผลต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์

เอหมัด อัลไดมี ผู้นำพรรคพีเพิลมูฟเมนต์ก็ระบุเตือนประธานาธิบดี เบจิ คาอิด เอสเซบซี ว่าไม่ควรทำผิดพลาดโดยการ "อนุญาตให้บิน ซัลมาน ล่วงล้ำมาทำให้แผ่นดินของตูนีเซียแปดเปื้อน"
 
นอกจากนี้ยังมีทีมทนายความตูนีเซียที่บอกว่าพวกเขาจะฟ้องร้องให้มีการสั่งแบนการเยือนประเทศของซัลมานตามที่มีเหล่าบลอกเกอร์และนักข่าวเป็นผู้ริเริ่มเรียกร้อง

สมาคมผู้สื่อข่าวตูนีเซียส่งจดหมายเปิดผนึกถึงเอสเซบซีว่าการที่ซัลมานเดินทางเยือนตูนีเซียนั้นจะกลายเป็นการฟอกตัวให้ตัวเขาเองจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายกรณี นอกจากนี้ในจดหมายเปิดผนึกยังระบุอีกว่านอกจากซัลมานจะเป็นศัตรูของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแล้วเขายังเป็นภัยต่อความมั่นคงและสันติภาพทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก

สื่ออัลจาซีราระบุอีกว่าซัลมานมีกำหนดการเข้าร่วมประชุมกลุ่มประเทศ G20 ที่อาร์เจนตินาในช่วงปลายเดือนนี้ ทำให้เขามีโอกาสพบเจอกับเหล่าผู้นำโลกหลายคนแบบซึ่งๆ หน้า รวมถึงประธานาธิบดี เรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้ที่กล่าวหาซัลมานอย่างเปิดเผยในเรื่องการสังหารคาชอกกี


เรียบเรียงจาก

'Not welcome': Tunisians decry Saudi crown prince's planned visit, Aljazeera, 24-11-2018
https://www.aljazeera.com/news/2018/11/tunisians-decry-saudi-crown-prince-planned-visit-181124065148338.html
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net