Skip to main content
sharethis

สมศักดิ์ เทพสุทิน ยันพลังประชารัฐไม่ใช่พรรคสืบทอดอำนาจ การเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว ขณะที่ผู้สมัคร 350 เขต ไม่ใช่ทหารสักคนจะเรียกว่าการสืบทอดอำนาจได้อย่างไร ขอพรรคการเมืองหาเสียงสร้างสรรค์อย่านำประเด็นนี้มาโจมตีกัน ปัดตอบกรณีสิระ เจนจาคะ สมาชิกพรรคแจกของประชาชน

3 ธ.ค. 2561 สมศักดิ์ เทพสุทิน คณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ เพื่อหารือถึงแนวทาง วิธีการหาเสียง ให้เป็นไปตามกฎหมายและไม่เข้าข่ายสุ่มเสี่ยงในระหว่างที่ยังไม่ปลดล็อกการเมือง

สมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า ประเด็นที่เป็นห่วงและเกรงว่าจะถูกนำไปพูดให้เป็นประเด็นทางการเมืองคือ หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ จะมีการวิจารณ์ว่า พรรคพลังประชารัฐสืบทอดอำนาจ ซึ่งมีพรรคการเมืองบางพรรคพูดเรื่องนี้อยู่เสมอ และเชื่อว่ายิ่งใกล้วันรับสมัครส.ส. และลงคะแนนจะยิ่งเอาประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาพูดแล้วทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง โดยไม่เอาเรื่องของนโยบายที่เป็นประโยชน์มานำเสนอ

“ยืนยันว่า การเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ มาเพียงคนเดียว และไม่มีผู้สมัคร ทั้งส.ส. เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อคนใดเป็นทหาร ดังนั้นไม่ควรนำประเด็นนี้มาโจมตี เพื่อสร้างความขัดแย้ง” สมศักดิ์ กล่าว

สมศักดิ์ กล่าสต่อว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่ไม่มีทหารหรือใครมาเป็น ส.ส. จะเป็นการสืบทอดอำนาจได้อย่างไร เพราะในแต่ละเขตเลือกตั้งไม่มีทหารเลย ขณะเดียวกันที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีพฤติกรรม สืบทอดอำนาจ ดูได้จากการแต่งตั้งตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ตั้งแต่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท มาจนถึงพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ก็ไม่ได้มาจากสายบูรพาพยัคฆ์ พร้อมขอให้พรรคการเมืองอย่านำเรื่องเหล่านี้มาโจมตีกัน เพราะจะเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง ทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส

สมศักดิ์ ยังกล่าวถึง กระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า คะแนนนิยมของพรรคพลังประชารัฐในภาคอีสานตกต่ำ และไม่มีทางได้ที่นั่ง ส.ส. 50 ที่นั่ง ตามที่สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวไว้ ว่า ไม่ต้องการให้มีการประเมินตัวเลขจำนวน ส.ส. เพราะจะทำให้เกิดการโต้เถียงและวิพากษ์วิจารณ์ แต่หากดูจากนโยบายและผลงานของพรรคขณะนี้  ถือว่าเป็นไปในทิศทางบวก เนื่องจากพรรคการเมืองอื่นไม่มีนโยบายนำเสนอ มีแค่การพูดเรื่องความขัดแย้งและสืบทอดอำนาจ 

“พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เปรียบกว่าพรรคการเมืองอื่น และเสียเปรียบในหลายเรื่อง ทั้งการเป็นพรรคใหม่ และมีผู้สมัครหน้าใหม่จำนวนมาก แต่ก็จะพยายามหาดาวฤกษ์ดวงใหม่มาสู้” สมศักดิ์ กล่าว 

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย ระบุว่า คะแนนนิยมของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ดีอย่างที่สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ออกมาเปิดเผยว่าจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ภาคอีสาน มากกว่า 50 ที่นั่งนั้น สมศักดิ์ ระบุว่า เป็นเรื่องปกติที่จะมีการวิจารณ์กัน แต่แนวทางการหาเสียงของพรรคนอกจากการนำเสนอนโยบายแล้ว ก็ต้องทำความเข้าใจให้ประชาชนรับทราบ ว่าพรรคไม่ได้สืบทอดอำนาจ ทุกพรรคการเมืองมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบต่างกัน เช่น พรรคพลังประชารัฐ เสียเปรียบเพราะเป็นพรรคการเมืองหน้าใหม่ 

ส่วนกรณีที่สิระ เจนจาคะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เขตหลักสี่ ลงพื้นที่แจกข้าว และวีลแชร์ อาจเข้าข่ายหาเสียงหรือซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่นั้น สมศักดิ์ บอกว่า ยังไม่ได้มีการหารือกันเรื่องนี้

สิระ เจนจาคะ แจกข้าวสาร และวีลแชร์ให้ประชาชนในเขตหลัก 4 อ้างทำบุญให้แม่

สำหรับกรณีของ สิระ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ทำกิจกรรมที่ศาลาประชาคม เคหะชุมชนทุ่งสองห้อง ถนนกำแพงเพชร 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยสิระ ได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมว่า วันนี้มามอบถุงยังชีพภายในบรรจุข้าวสาร น้ำมันพืชและน้ำปลา โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำบุญวันเกิดให้แก่มารดาที่ล่วงลับไปแล้ว โดยขอความกรุณาแก่ผู้ที่มารับมอบให้หุงข้าวสาร แล้วตัก 1 ช้อนใส่บาตร เพื่ออุทิศผลบุญให้กับมารดาของตนด้วย ถ้าวันนี้มารดารับรู้ได้คงมีความสุขที่ได้รับผลบุญ ตนเชื่อมั่นว่าแม่อยู่บนสวรรค์ และรับรู้ได้ว่าตนประพฤติตนเป็นคนดี วันใดตนประกอบธุรกิจและมีหน้าตาทางสังคม ผ่านมาตรงนี้ จะขอความช่วยเหลือโปรดให้ความเมตตาแก่ตนด้วย

เรียบเรียงจาก : สำนักข่าวไทย , ข่าวสดออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net