Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ส่วนหนึ่งจากงานเสวนา ‘อนาคตประเทศไทย วิสัยทัศน์ของพรรคการเมือง’
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  16 พฤศจิกายน 2561

สวัสดีครับทุกท่านครับ ผม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่เชิญผมมาพูดในวันนี้ นับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก

ทุกท่านครับ

ผมต้องเรียนอย่างนี้ เวลาพูดถึงวิสัยทัศน์ เวลาพูดถึงนโยบายของพรรค คิดว่าประเทศไทยของเราเดินมาถึงจุดที่จำเป็นจะต้องคิดแก้ปัญหาอย่างถึงรากถึงโคนจริงๆ ทุกท่านครับ พรรคทั้งหมดที่นั่งอยู่ตรงนี้และพรรคที่ไม่ได้มา ถ้าทุกท่านลองไปเปิดนโยบายดูนะครับ นโยบายแทบจะเหมือนกันทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระจายอำนาจ ไม่มีพรรคไหนไม่พูดเรื่องกระจายอำนาจ ทุกคนเอากระจายอำนาจหมด มากน้อยต่างกัน ดีกรีมากน้อยต่างกัน ทุกคนปฏิรูปการศึกษาหมด ทุกคนต้องการเอาเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศสูงสุด ทุกคน ทุกพรรคการเมือง

ทุกพรรคการเมือง – – แทบจะทุกพรรคการเมือง ไม่เอาเกณฑ์ทหาร แทบจะทุกพรรคการเมืองพูดถึงการพัฒนาระบบคมนาคมในประเทศให้ดีขึ้น

นี่คือเรื่องที่พูดเหมือนกันทุกพรรคการเมือง นี่คือข้อเท็จจริง เดี๋ยวใกล้เลือกตั้งดูได้ แทบจะไม่ต่างกัน

สำหรับตัวผมเองและพรรคอนาคตใหม่ ผมคิดต่างนิดหน่อยคือผมคิดว่าช่วงเวลานี้ไม่ใช่ช่วงเวลาของการตลาดนโยบาย ช่วงเวลานี้ไม่ใช่ช่วงเวลาของการผลิตนโยบายแต่ละตัวเพื่อแก้ปัญหาแต่ละจุด

ปัญหาของประเทศไทยใหญ่กว่านั้น ประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดที่ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่กดทับประเทศอยู่อย่างจริงจัง ประเทศไทยจะเดินต่อไปข้างหน้าไม่ได้เลย ปัญหาที่เราพูดถึง ปฏิรูปการศึกษา – ทำไม่ได้ กระจายอำนาจ – ทำไม่ได้ ถ้าเราไม่ทำลายโครงสร้างที่กดทับศักยภาพของประเทศไทย นี่คือช่วงเวลาที่ต้องพูดความจริง นี่คือช่วงเวลาที่ต้องจัดการปัญหาถึงต้นตอ

ผมพูดหลายเวทีแล้วครับทุกท่าน ว่าหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่มากของประเทศไทย คือการแทรกแซงทางการเมืองของทหาร ของกองทัพ ผมพูดเรื่องนี้ในหลายเวทีแล้ว วันนี้ผมจะไม่พูดซ้ำอีก

แต่มีอีกหนึ่งโครงสร้างซึ่งเดินคู่กับโครงสร้างของกองทัพไทย ที่รวมกันเป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชนในสังคมไทย ที่ผูกขาดทั้งอำนาจทางการเมืองและอำนาจทางเศรษฐกิจที่สร้างโครงสร้างที่กดทับ ไม่ให้ประชาชนในประเทศไทยลืมตาอ้าปากได้

วันนี้ผมจะพูดถึง กลุ่มทุนผูกขาดในประเทศไทย

ยกตัวอย่าง ในภาคการเกษตร

ทุกท่านครับ เราพูดถึง ครัวไทยสู่ครัวโลก มานานแล้ว ทุกคนเข้าใจและรู้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพ มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ เราสามารถควบคุมส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจอาหารในตลาดโลกได้ เราเข้าใจถึงศักยภาพของเรา แต่ตั้งแต่เริ่มทำนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก ท่านเคยเห็นชาวนาคนไหนรวยขึ้นจากนโยบายนี้ไหมครับ – –  ไม่มี

ผูกขาดในภาคการเกษตร เริ่มตั้งแต่ปัจจัยการผลิตที่เป็นพื้นฐานที่สุดคือที่ดินทำกิน คนที่รวยที่สุดของประเทศไทย 10% ครอบครองที่ดินทำกิน 6-70% แล้วแต่คุณอ่านงานวิจัยของใคร บางงานวิจัยอ้างถึง 90% ด้วยซ้ำไป

ปุ๋ย – 5 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ควบคุม 90% ของตลาดปุ๋ย ตรากระต่าย ตราหัววัว ตราม้าบิน ฯลฯ  5 ยี่ห้อนี้ 90%

เมล็ดผักเมล็ดพันธุ์ จากเดิมที่เคยเป็นเมล็ดพันธุ์ท้องถิ่น บริษัทข้ามชาติก็เอาเมล็ดพันธุ์ท้องถิ่นไป 2-3 เมล็ดพันธุ์ ปรับปรุงแล้วเอามาทุบตลาด เมล็ดพันธุ์ท้องถิ่นหายไป กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ปรุงแต่งมา แล้วพันธุ์ที่ปรุงแต่งมา ชาวนาชาวสวนไม่สามารถเอาเมล็ดพันธุ์พวกนี้ไปผลิตซ้ำได้ กลายเป็นการผูกขาดในภาคเมล็ดพันธุ์


หรือจะเอายาฆ่าแมลง พาราควอต (ชื่อการค้าของยาพ่นกำจัดวัชพืชที่ถูกแบนแล้วใน 52 ประเทศเนื่องมาจากอันตรายต่อสุขภาพผู้ใช้และสามารถตกค้างในห่วงโซ่อาหาร) ที่คนในประเทศไทยตายมาร้อยกว่าคนแล้ว ที่เราทุกคนรู้ว่ามันเป็นอันตราย ใส่เสื้อผ้าเยอะแยะแค่ไหนก็ป้องกันมันไม่ได้ แต่เราไม่ยกเลิกทั้งๆ ที่หลายๆ ประเทศยกเลิกไปแล้ว แต่เราก็ไม่ยกเลิก เพราะอะไร เพราะมีคนสูญเสียประโยชน์จากการยกเลิกพาราควอต นี่แค่ด้านปัจจัยการผลิต

ด้านการค้าขาย ด้านโควต้าการส่งออก เมื่อคุณกุมอำนาจการขายเมื่อไหร่ คุณสามารถกดราคาในซัพพลายเชน (ห่วงโซ่อุปทาน – ทุกกระบวนการของสินค้า ตั้งแต่หาวัตถุดิบ ผลิต ไปจนถึงจำหน่าย ฯลฯ) ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ชาวนาถูกกดราคา ทำนาขาดทุนแล้วรัฐต้องเข้าไปอุ้ม

พูดง่ายๆ ก็คือภาษีของรัฐเอาไปเพื่อทำให้กลุ่มทุนได้ซื้อของที่ถูก ภาษีของรัฐคือกำไรของกลุ่มทุน

เพราะต้องเอาไปอุดหนุนราคาทุกปี เพื่อที่ขายให้กับกลุ่มทุนที่ทำการแปรรูปและทำการส่งออก คุณบอกให้ชาวนาไปทำการแปรรูป จะให้แปรรูปได้ยังไงครับ เมื่อ 2  เดือนที่แล้ว คุณยายที่บุรีรัมย์ทำข้าวหมากมาขายถุงเล็กๆ ถุงละ 5 บาท 10 บาท ข้าวหมากก็คือสาโทชนิดหนึ่ง คือเหล้าหมักชนิดหนึ่ง เอามาขายก็โดนจับ โดนปรับไปห้าหมื่นทั้งๆ ที่แกขายข้าวแกงจานละ 30 – 40 บาท แล้วข้าวหมากที่คุณยายขายไม่ได้ก็คือเหล้าขาวที่บริษัทใหญ่ขายได้ ใช่ไหมครับ นี่คือเรื่องเดียวกัน คือเงินก้อนเดียวกัน คือเงินบาทเดียวกัน จะไปซื้อข้าวหมากกับยาย หรือจะไปซื้อเหล้าจากบริษัทที่ผูกขาด

ทุกท่านครับ พูดถึงเรื่องนี้ยังไม่พอ พูดถึงธนาคาร ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผูกขาดทางการเข้าถึงแหล่งทุนเยอะที่สุดในโลก ชาวบ้านไม่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน ยกตัวอย่าง ถ้าเราลองเอาจำนวนธนาคารเป็นตัวตั้ง หารด้วยจำนวนประชากรทั้งประเทศ ประเทศไทยมีอัตราตัวนี้ต่ำที่สุดในโลก – – ที่สุดในโลกนะครับ เรามีธนาคารอยู่ 14 ธนาคาร และสำนักงานใหญ่ของธนาคารทั้งหมดอยู่ที่กรุงเทพฯ เราไม่เคยมีธนาคารขอนแก่น เราไม่เคยมีธนาคารเชียงใหม่ เราไม่เคยมีธนาคารพัทลุง เหมือนต่างประเทศเขาเลย ธนาคารทั้งประเทศถูกผูกขาดอยู่ที่กรุงเทพฯ

ที่สำคัญที่สุดที่ผมต้องพูดเรื่องนี้เพราะอะไร เพราะทุนผูกขาดในประเทศไทยส่วนใหญ่ – – ไม่ใช่ทั้งหมด – – ส่วนใหญ่อิงแอบกับรัฐประหาร แอบสนับสนุนรัฐประหาร แอบสนับสนุนกองทัพ นอนเตียงเดียวกันมาตลอด

แล้วนี่คือโครงสร้างที่กดทับประเทศไทย ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่น ถ้าคุณไม่พูดถึงความจริงเรื่องนี้ คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้เลย

ยกตัวอย่าง ไปดูอาร์มี ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลของกองทัพ ไปดูสปอนเซอร์ของสโมสรฟุตบอลของกองทัพแล้วไปดูสปอนเซอร์ของโครงการประชารัฐของรัฐบาล

สปอนเซอร์เดียวกันเลย บริษัทเดียวกันเลย นี่คือกลุ่มบริษัทที่สนับสนุนรัฐประหารตลอดมาในประเทศไทย นี่คือกลุ่มบริษัทที่สนับสนุนให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม แล้วนี่เป็นเรื่องซีเรียสมากว่า เราไม่สามารถพูดเรื่องปฏิรูปการศึกษา พูดเรื่องอะไรที่สวยๆ งามๆ หรอก ถ้าคุณไม่จัดการโครงสร้างสังคมที่ค้ำยันความอยุติธรรมในสังคมนี้ให้ออกไปได้

ธุรกิจทหาร เอาทหารออกจากระบบเศรษฐกิจซะ ทหารที่รวยกันเป็นร้อยๆ ล้าน ที่ไม่ต้องชี้แจงสังคม ที่รับราชการมาตลอดชีวิต ไม่ต้องชี้แจงสังคมว่าทำไมทหารถึงรวยเป็นร้อยล้านได้ เอาทีวีออกจากทหารซะ เอาวิทยุออกจากกองทัพ เลิกตั้งทหารนั่งอยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจทั้งหมด เอาทหารออกจากสนามมวย สนามม้า เอาทหารออกจากหวยซะ เอาทหารออกจากระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ไม่ใช่หน้าที่กองทัพ แล้วการมีทหารอยู่ในระบบเศรษฐกิจนี่เอง ทำให้เกิดการอิงแอบกับกลุ่มทุนอย่างที่ผมพูดเมื่อสักครู่ เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาพวกนี้ได้เลย ถ้าเราไม่จัดการโครงสร้างพวกนี้

ทุกท่านครับ

พรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม เราคิดว่าการตลาดนโยบายไม่เพียงพอสำหรับการแก้ปัญหาของประเทศ สิ่งที่เราต้องการต่อไปนี้คือเจตจำนงใหม่ แน่นอนที่สุดเราต้องการพรรคการเมืองใหม่ เราต้องการนักการเมืองหน้าใหม่ด้วย แต่ที่สังคมไทยต้องการมากกว่านี้คือเจตจำนงใหม่ในการผลักดันสังคมไทยไปข้างหน้า ว่าเราจะไปทิศทางไหน อีกสิบปีเราจะอยู่ที่ไหน นี่เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า และผมอยากจะปักธงทางความคิดไว้ให้ชัด ผมเชิญชวนคนที่เห็นด้วยกับผม ไม่ว่าก่อนหน้านี้คุณจะใส่เสื้อสีอะไร ถ้าคุณเห็นด้วยว่าอยากจะสร้างสังคมที่เป็นธรรม

มาปักธงร่วมกับเราด้วยการทำลายโครงสร้างทั้งหมดที่ค้ำยันความไม่เป็นธรรมในสังคมไทย

นี่คือนโยบาย transformative นี่คือวิสัยทัศน์

ขอบคุณครับ

 

อ่านคำถามตอบเพิ่มเติมได้ที่: https://futureforwardparty.org/2730

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net