Skip to main content
sharethis

ช่อง 3 แจงไม่ได้ปลดพนักงานกว่า 80 คน แต่ยังไม่ได้มีเป้าหมายหรือตัวเลขที่ชัดเจนแต่อย่างใด/รมว.แรงงาน สั่งเร่งช่วยลูกจ้างโรงงานถุงมือยาง จ.สงขลา/ครม. เห็นชอบเพิ่มค่าตอบแทนอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน จาก 600 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือน/กยศ. ลดเบี้ยปรับ 85% จูงใจคนเบี้ยวหนี้คืนเงิน-ส่วนลูกหนี้ชั้นดีปิดบัญชีก่อนกำหนดลดเงินต้น 3%/5 สาขางานที่ตลาดต้องการแรงงานมากสุดปี 2562 'งานขาย' สูงกว่า 2 หมื่นอัตรา/อดีตพนักงานบริษัทผลิตเครื่องปรับอากาศและโซล่าเซลล์ จ.ชลบุรี รวมตัวร้องเรียนนายจ้างไต้หวันไม่จ่ายเงินเดือนกว่า 40 ล้าน

จับแรงงานผิดกฎหมายซ่อนตัวในรถขนหญ้าเลี้ยงวัว

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ สนธิกำลังกับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 146 ตำรวจ สภ.คลองวาฬและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันจับกุมแรงงานประเทศเมียนมา  ที่หลบหนีเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย จำนวน 5 คน ที่บริเวณช่องทางธรรมชาติใกล้กับจุดตรวจด่านสิงขร ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์                        

โดยขณะที่รถกระบะทะเบียน บม 8247 ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขนหญ้าเลี้ยงวัวมาเต็มคันรถขับผ่านจุดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจค้นแต่ปรากฏว่า คนขับรถกลับอาศัยจังหวะเปิดประตูรถ และวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าข้างทาง  เมื่อตรวจค้นโดยละเอียดที่ท้ายกระบะก็ต้องตกใจพบแรงงานประเทศเมียนมาทั้งชายและหญิงรวม  5 คน  นอนซุกอยู่ใต้กองหญ้าเลี้ยงวัวที่อัดแน่นเต็มท้ายกระบะ และพบว่า ทั้ง 5 คน ไม่มีเอกสารเดินทางเข้าเมือง จึงควบคุมตัวไปดำเนินคดี ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองที่ สภ.คลองวาฬ ส่วนคนขับรถที่หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวรวมทั้งจะตรวจสอบทะเบียนรถ เพื่อติดตามเจ้าของรถมาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

ที่มา: ช่อง 7, 9/12/2561

อดีตพนักงานบริษัทผลิตเครื่องปรับอากาศและโซล่าเซลล์ จ.ชลบุรี รวมตัวร้องเรียนนายจ้างไต้หวันไม่จ่ายเงินเดือนกว่า 40 ล้าน

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2561 อดีตพนักงานของบริษัทประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ประมาณ 40 คน นำโดยนายพนม รินพล อดีตผู้จัดการฝ่ายผลิต พร้อมด้วยอดีตที่ปรึกษาระดับซีอีโอ อดีตพนักงานของบริษัทดังกล่าว เดินทางมาที่ที่ว่าการอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม กรณีถูกนายจ้างเบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงินเดือนมานานแรมปี จนมีพนักงานได้รับความเดือดร้อนนับ 100 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 40 ล้านบาท

นายพนม เปิดเผยว่าบริษัทแห่งนี้ตั้งอยู่ใน ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง มี น.ส.เสาวภาค กับ นายเทียน เอิน หวง ชาวไต้หวัน เป็นกรรมการบริษัทที่ลงประทับตราเป็นนายจ้าง ดำเนินธุรกิจประกอบเครื่องปรับอากาศและผลิตแผงโซล่าเซลล์

โดยเปิดดำเนินการมาประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว และมีพนักงานประมาณ 100 กว่าคน แต่ระยะหลังนายจ้างไม่ยอมจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน ซึ่งในส่วนของตนมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิต ปกติได้รับเงินเดือนเดือนละ 220,000 บาท แต่ตนก็ไม่ได้รับเงินเดือนมาแล้ว 1 ปีเต็ม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,015,875 บาท

นายพนม กล่าวต่อว่า นอกจากตนแล้วยังมีพนักงานคนอื่นๆ อีกที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่นายจ้างเบี้ยวไม่จ่ายเงินเดือน ไล่ตั้งแต่ผู้บริหารระดับซีอีโอ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาชาวไต้หวัน ไปจนถึงพนักงานระดับล่าง ต่างก็ไม่ได้รับเงินเดือนมาแล้วหลายเดือนแตกต่างกันไป

โดยในตอนนี้สามารถรวบรวมรายชื่อได้แล้ว 74 คน บางคนกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ด้วยการทำหนังสือร้องทุกข์ไปถึงกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเป็นโจทย์ยื่นฟ้องบริษัทฯ ต่อศาลแรงงานภาค 2 ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่ให้บริษัทจ่ายเงินเดือนพนักงาน

จากนั้นศาลจะมีคำสั่งบังคับให้บริษัทจ่ายเงินเดือน แต่ถ้าหากยังไม่จ่าย ขั้นตอนสุดท้ายคงต้องไปที่กรมบังคับคดีเพื่อให้มีคำสั่งยึดทรัพย์ขายทอดตลาด นำเงินมาชดเชยให้กับพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อน ประเมินแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 40 ล้านบาท

“สาเหตุที่ต้องมาพึ่งศูนย์ดำรงธรรมเป็นเพราะนายจ้างไม่ยอมจ่ายเงินเดือนมานานหลายเดือนแล้ว บางคนต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ในช่วงที่อยู่ช่วยบริษัทอยู่ก็ต้องหาเงินจากส่วนอื่นมาซับพอร์ต จนกระทั่งหลายคนทนไม่ไหวขอลาออก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากบริษัทเลยแม้แต่น้อย” นายพนม กล่าว

เบื้องต้น นายพิเชษฐ์ ธรรมโหร ปลัดป้องกันอำเภอบางละมุง ได้เชิญทั้งหมดร่วมพูดคุยกันที่ศาลาประชาคม พร้อมกับทำการตรวจสอบเอกสารรายชื่อผู้ที่เดือดร้อน ก่อนเปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเพื่อส่งต่อไปยังท่านนายอำเภอพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือ โดยเบื้องต้นจะได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมหารือเพื่อหาทางช่วยเหลือและเยียวยาพนักงานที่เดือดร้อนต่อไป

ที่มา: Sanook News, 8/12/2561

ก.แรงงานเล็งจัดตั้งศูนย์วิจัยแห่งชาติ

นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางการจัดตั้งศูนย์วิจัยแรงงานแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบ โครงการวิจัยของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน โครงการวิจัยในปีงบประมาณ 2562 โครงการวิจัยที่ดำเนินการในปีงบประมาณ 2560 และ 2561 ผลการประชุมหารือกับที่ปรึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาข้อมูลรองรับศูนย์วิจัยแรงงานแห่งชาติ โครงการพัฒนาระบบ Job Demand Open Platform เพื่อสนับสนุนการจัดเตรียมแรงงานและการพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความต้องการแรงงานในอนาคตของประเทศ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงร่างแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการศูนย์วิจัยแรงงานแห่งชาติ และจัดตั้งหน่วยประสานงานวิจัยแรงงานแห่งชาติ และ ร่าง Road Map การดำเนินงานของศูนย์วิจัยแรงงานแห่งชาติ หรือ NLRC รวมทั้งวาระอื่นๆ เรื่องการสัมมนาเชิงวิชาการในวันที่ 26 ธันวาคม 2561 และโครงการพัฒนานักยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปประเทศ

ที่มา: สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น, 8/12/2561

5 สาขางานที่ตลาดต้องการแรงงานมากสุดปี 2562 'งานขาย' สูงกว่า 2 หมื่นอัตรา

น.ส.แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการจ๊อบไทย (JobThai) กล่าวว่า จ๊อบไทย ได้ทำการรวบรวมและวิเคราะห์ฐานข้อมูลที่อยู่ในจ๊อบไทยเพื่อรายงานสถานการณ์ความต้องการแรงงานทั่วประเทศในช่วงไตรมาส 1 ประจำปี 2562 โดยพบว่า 5 ประเภทงานที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด มีดังนี้ 1.งานขาย ประมาณ 21,200 อัตรา 2.งานช่างเทคนิค ประมาณ 10,200 อัตรา 3.งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ ประมาณ 8,200 อัตรา 4.งานธุรการ/จัดซื้อ และงานวิศวกรรม เท่ากันที่ประมาณ 5,500 อัตรา และ 5.งานบัญชี ประมาณ 5,100 อัตรา

ขณะที่ ประเภทงานที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตมากที่สุดในช่วงเวลาไตรมาส 1 ประจำปี 2562 ดังกล่าว 5 ประเภท เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีนี้ ได้แก่ 1.งานนำเข้า-ส่งออก เติบโต 31.73% 2.งานทรัพยากรบุคคล เติบโต 19.2 % 3.งานสุขภาพ/โภชนาการ เติบโต 16.17% 4.งานวิทยาศาสตร์/วิจัยพัฒนา เติบโต 15.81 % และ 5.งานขนส่ง-คลังสินค้า เติบโต 13.95%

"จะเห็นได้ว่าประเภทงานข้างต้นที่มีแนวโน้มการเติบโตที่สดใสนั้น สืบเนื่องจากปัจจัยสภาพเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนและต่อเนื่อง โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ตลอดจนแรงสนับสนุนจากโครงการลงทุนของภาครัฐที่ชัดเจนมากขึ้น อาทิ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ฯลฯ นอกจากนี้ภาคการส่งออกสินค้าก็มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นตามอุปสงค์โลก และโรดแมปเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปีก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยทำให้บรรยากาศการลงทุนในประเทศเริ่มกลับมาคึกคัก ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลดีมาถึงความต้องการแรงงานภาพรวมทั่วประเทศ น.ส.แสงเดือน กล่าว

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 5/12/2561

สศช.ชี้ไทยมีต้นทุนเลิกจ้างสูง ฉุดอันดับการแข่งขัน     

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ดัชนีความสามารถทางการแข่งขันของไทยซึ่งจัดโดยเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (WEF) แม้จะมีอันดับอยู่ 38 ดีขึ้นจากอันดับที่ 40 ในปี 2560 แต่ด้านตลาดสินค้าและตลาดแรงงานคะแนนได้ลดลงอย่างชัดเจน โดยอยู่ในอันดับ 5 เมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียน รองสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน      

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ในเชิงลึกพบว่าอุปสรรคของผู้ประกอบการคือต้นทุนในการเลิกจ้างสูง และการกำหนดค่าจ้างแรงงานไม่มีความยืดหยุ่น แต่ระบบ ดังกล่าวก็เพื่อคุ้มครองให้แรงงานสามารถดำรงชีพอยู่ได้ นอกจากนี้ยังมีสิทธิเสรีภาพ มีการจัดตั้งสหภาพแรงงาน และสิทธิในการประท้วงหรือนัดหยุดงาน    

"ด้านแรงงานที่ได้คะแนนน้อยก็เพื่อคุ้มครองแรงงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องยอมให้คะแนนน้อยและไปทำส่วนอื่นให้ดีขึ้นแทน" นายทศพร กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์, 4/12/2561

กยศ. ลดเบี้ยปรับ 85% จูงใจคนเบี้ยวหนี้คืนเงิน-ส่วนลูกหนี้ชั้นดีปิดบัญชีก่อนกำหนดลดเงินต้น 3%

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ได้ออกระเบียบเพื่อให้สิทธิสำหรับกลุ่มผู้กู้ยืมปกติที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งถือว่าเป็นผู้กู้ยืมชั้นดีหรือผู้กู้ยืมที่อยู่ในช่วงปลอดหนี้ หากมาชำระหนี้ปิดบัญชีก่อนกำหนด จะได้รับการลดหย่อนเงินต้น 3% ณ วันที่ชำระหนี้ปิดบัญชี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกองทุน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการผ่อนผันการชำระเงินคืนกองทุน ลดหย่อนหนี้ หรือระงับการเรียกให้ชำระหนี้ พ.ศ.2561 ซึ่งระบบจะทำการลดหนี้ให้อัตโนมัติ เมื่อผู้กู้ยืมติดต่อชำระหนี้ปิดบัญชีที่หน้าเคาน์เตอร์ของธนาคารกรุงไทยหรือธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ คณะกรรมการกองทุนฯ ยังได้มีมติอนุมัติมาตรการจูงใจให้ผู้กู้ยืมมาชำระหนี้ปิดบัญชีเพิ่มเติม สำหรับผู้กู้ยืมที่ผิดนัดชำระหนี้ทุกราย โดยจะลดเบี้ยปรับให้ 85% ของเบี้ยปรับ ณ วันที่ชำระหนี้ปิดบัญชี ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 2561 – 31 พ.ค. 2562 เท่านั้น เนื่องจากกองทุนเห็นว่ามีผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันจำนวนไม่น้อยมีความต้องการจะปลดภาระหนี้ของตน แต่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ เนื่องจากมีเบี้ยปรับที่เกิดจากการค้างชำระหนี้จำนวนมาก

 “มาตรการดังกล่าวเป็นแนวคิดที่คณะกรรมการได้พิจารณาอย่างรอบคอบมาระยะหนึ่งแล้ว กองทุนหวังว่ามาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นให้ผู้กู้และผู้ค้ำประกันตัดสินใจชำระปิดบัญชีเพื่อปลดภาระหนี้ของตนเองได้เร็วขึ้น โดยคาดว่าจะมีผู้กู้ยืมมาเข้าร่วมมาตรการไม่ต่ำกว่า 1 แสนราย”นายชัยณรงค์ กล่าว

นายชัยณรงค์ กล่าวว่า ผู้กู้ยืมสามารถลงทะเบียนแจ้งขอใช้สิทธิลดเบี้ยปรับได้ตามเงื่อนไขที่ประกาศทางหน้าเว็บไซต์ กยศ. www.studentloan.or.th/discount/ หรือดาวน์โหลดแบบแจ้งความประสงค์ได้ที่ www.studentloan.or.th/discount-form/ และส่งแฟกซ์มายังเบอร์ 0-2016-4940 และ 0-2016-4950

ที่มา: ข่าวสด, 4/12/2561

ครม. เห็นชอบเพิ่มค่าตอบแทนอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน จาก 600 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือน

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองปฏิบัติหน้าที่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติเพิ่มค่าตอบแทนอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. เนื่องจากไม่ได้มีการปรับค่าตอบแทนมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ในขณะที่ อสม. ต้องทำงานอย่างหนักในลักษณะครอบครัว คอยดูแลผู้ป่วยติดเตียง จึงมีการทบทวนเพื่อปรับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นจาก 600 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือน โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ซึ่งจะมีการปรับให้อาสาสมัครประจำหมู่บ้าน 1,054,729 คน ใช้วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 12,656 ล้านบาท    

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ในการขอสนับสนุนงบประมาณ 763 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้ออุปกรณ์และปรับปรุงคุณภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ที่อยู่จำนวน 9,800 แห่งโดยปรับปรุงไปแล้วกว่า 5,000 แห่ง ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะนำไปจัดซื้อครุภัณฑ์และปรับปรุงโรงพยาบาลอีก 1,000 แห่งต่อไป

ที่มา: สำนักข่าวไทย, 4/12/2561

รมว.แรงงาน สั่งเร่งช่วยลูกจ้างโรงงานถุงมือยาง จ.สงขลา

นายวิวัฒน์ ตังหงส์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.)  เปิดเผยถึงการให้ความช่วยเหลือลูกจ้าง จำนวน 500 คน ของบริษัท เฮลตี้ โกล์ฟ จำกัด ประกอบกิจการผลิตถุงมือยาง จังหวัดสงขลา ที่ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องจนเป็นเหตุให้ต้องหยุดกิจการว่า พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยในเรื่องดังกล่าวได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานช่วยเหลือลูกจ้างกลุ่มนี้โดยเร็ว โดยในส่วนของกสร.ดำเนินการประสานกับลูกจ้างเพื่อนำเอกสารหลักฐานมาใช้ประกอบการยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสงขลา เพื่อเรียกร้องค่าชดเชย และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานจากนายจ้าง ในวันที่ 6 ธันวาคม 2561 ณ ห้องประชุมเทศบาล ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

อธิบดีกสร. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสงขลา จะร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้แก่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสงขลา สำนักงานจัดหางานจังหวัดสงขลา และสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 12 จังหวัดสงขลา ร่วมให้บริการเพื่อดูแลสิทธิทางประกันสังคม ประสานหาตำแหน่งงานรองรับผู้ที่ถูกเลิกจ้าง และพัฒนาทักษะฝีมือกรณีที่ลูกจ้างประสงค์เปลี่ยนอาชีพ เพื่อเยียวยาและบรรเทา ความเดือดร้อนแก่ลูกจ้างในวันดังกล่าวด้วย

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 4/12/2561

เมืองกาญจน์จับรายวัน เจ้าของห้องเช่าผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ให้แรงงานต่างด้าวเข้าพักอาศัยโดยไม่แจ้ง 21 คน

กาญจนบุรีชุดบูรณาการทหาร ตำรวจท่องเที่ยว ตม.จัดหางาน กอ.รมน.จับรายวัน เจ้าของห้องเช่าผิดพรบ.คนเข้าเมือง ปี 22 มาตรา 37(2) ให้แรงงานต่างด้าวเข้าพักอาศัยโดยไม่แจ้ง 21 คน ปรับ 33,000 บาทเข้าหลวง แถมท้ายต่างด้าวเถื่อนหลบหนีผ่านด่านตรวจอีก 8 คน

เวลา 06.30 น.ของวันที่ 3 พ.ย.61เจ้าหน้าทีชุดสืบสวน ตม.โดยการสั่งการของ พ.ต.อ.สำราญ กลั่นมา ผกก.ตม.จ.กาญจนบุรี บก.ตม.3 พ.ต.ท.อมรศักดิ์ แสงวรรณ รอง ผกก.ตม.ฯ พ.ต.ต.ประโมทย์ พูลประเสริฐ สว.ตม.ฯ ร.ต.อ.สุทิน ซ้อนรัมย์ หน.ชุดสืบสวน ตม.ฯ ชุดที่ 2

พร้อมด้วยว่าที่ รต.มนู บุญเส็ง นักวิชาการชำนาญการสำนักงานจัดหางานจังหวัดฯ ตำรวจท่องเที่ยว กก.1 บก.ทท.3 เจ้าหน้าที่ทหารจาก กอ.รมน.จังหวัดฯ ทหารชุดร้อย รส.ชป.มทบ.17 นำกำลังบูรณาการเข้าทำการปิดล้อม ตรวจค้นห้องพักอาศัยให้เช่าบริเวณบ้านพักคนงานบริษัททรัพย์อนันต์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 888 หมู่ 3 ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ทำการตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทาง

รวมทั้งใบอนุญาตการทำงานของบรรดาคนงานแรงงานต่างด่าวชาวเมียมมา ชาย-หญิงที่ทำงานอยู่ในโรงงานดังกล่าว​ ที่พักอาศัยอยู่ในห้องเช่า จากการตรวจสอบบรรดาแรงงานต่างด้าวรวมทั้งสิ้น 53 คน พบว่ามีแรงงานต่างด้าวเมียนมา จำนวน 21 คน ไม่ได้แจ้งที่พักอาศัยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้เรียกเจ้าบ้าน เจ้าของ ผู้ครอบครองเคหสถานมาทำการเปรียบเทียบปรับที่ให้แรงงานต่างด้าวเข้าพักอาศัยโดยไม่แจ้งที่พักอาศัย ต่อเจ้าพนักงาน จำนวน 1 รายเป็นเงินคนละ 1,600 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 33.000 บาท ความผิดตามมาตรา 37(2) พรบ.คนเข้าเมืองปี พ.ศ.2522

มีรายงานข่าวว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.สำราญ กลั่นมาผกก.ตม.จ.กาญจนบุรี ได้รับรายงานจาก ร.ต.ท.มาโนช แก้วพฤกษ์ รอง สว.ตม. หน.ด่านตรวจ ตม.ถาวรไทรโยค จ.กาญจนบุรี ว่าขณะที่ตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.ลาดหญ้า ตำรวจชุด กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ทหารชุดร้อย รส.ชป.มทบ.17 เจ้าหน้าที่ ตชด ร้อย 136 ตำรวจ สภ.ไทรโยค ตำรวจทางหลวง ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล และ อส.ฝ่ายปกครอง อ.ไทรโยคฯ ทำการตรวจเอ็กซเรยรถบัส รถตู้โดยสารประจำทางสายกาญจนบุรี-สังขละบุรีฯ พบนายกู่ ไม่มีนามสกุล อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา กับบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาอีก 7 คน นั่งโดยสารประปนมากับผู้โดยสารคนไทย จึงทำการตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางพบว่าไม่มีเอกสารอต่อย่างใด​จึงควบคุมตัวบุคคลต่างด้าวทั้ง 8 คนนำส่งพนักงานสอยสวน สภ.ไทรโยคฯ เพื่อดำเนินการผลักดันออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

มีรายงานข่าวว่า ปัจจุบันตามแนวตะเขปชายแดนไทย-เมียนมา ยังมีบุคคลต่างด้าวเถื่อน แอบลักลอบเดินทางเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ชั้นในเป็นจำนวนมาก แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างเช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพยายามตรวจสอบจับกุมอย่างหนักก็ตาม บุคคลต่างด้าวเถื่อนเหล่านี้ก็หาได้เกรงกลัวกฎหมาย เนื่องจากรู้ว่า กฎหมายลักลอบเข้าเมือง แม้จะถูกจับกุม แต่ก็ไม่มีโทษจำคุก มีแต่ผลักดันออกนอกประเทศ เดี๊ยวก็แอบลักลอบหลบหนีเข้ามาใหม่ได้

ที่มา: สยามรัฐ, 3/12/2561

ช่อง 3 แจงไม่ได้ปลดพนักงานกว่า 80 คน แต่ยังไม่ได้มีเป้าหมายหรือตัวเลขที่ชัดเจนแต่อย่างใด

จากกรณีที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟสบุ๊ค Paskorn Jumlongrach ภาสกร จำลองราช โพสต์ข้อความบอกเล่าสถานการณ์ของสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่องสาม ที่มีข่าวออกมาว่าในวันนี้ จะมีการเลิกจ้างพนักงานเกือบร้อย โดยมีค่าชดเชย + ค่าตกใจ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดทางไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องนี้ โดยระบุว่าตามที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับการเลิกจ้างพนักงาน ของไทยทีวีสีช่อง 3 มาก่อนหน้านี้ ไทยทีวีสีช่อง 3 ขอเรียนแจ้งข้อเท็จจริง เนื่องจากกระแสข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนในเนื้อหาที่นำเสนอ ดังนี้

1. ในช่วงที่ผ่านมาไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณา ถึงจำนวนพนักงานและการตอบแทนพนักงานหลังเกษียณอายุ เนื่องจากไทยทีวีสีช่อง 3 มีจำนวนพนักงานจำนวนหนึ่งที่อายุเกินกว่า 60 ปี ดังนั้นโครงการเกษียณอายุ จึงถือเป็นทางเลือกให้กับพนักงานกลุ่มนี้

ซึ่งจำนวนผลตอบแทนที่มอบให้ในโครงการเกษียณก็สูงกว่าสิ่งที่กฏหมายแรงงานได้กำหนดไว้ พร้อมทั้งยังมีการมอบประกันสุขภาพให้พนักงานที่เข้าโครงการต่อไป เพื่อให้พนักงานยังสามารถมีประกันสุขภาพดูแลตนเองต่อไปแม้จะเกษียณอายุไปแล้ว

2. กรณีที่พนักงานรับเงินตามโครงสร้างการเกษียณแล้ว แต่บริษัทยังเล็งเห็นศักยภาพว่ายังสามารถปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งงานนั้นได้ต่อไปอย่างเต็มที่ พนักงานผู้นั้นก็จะได้รับการว่าจ้างต่อไปตามความเหมาะสม

3. ตามที่มีกระแสข่าวออกมาว่า ทางไทยทีวีสีช่อง 3 มีการปลดพนักงานกว่า 80 คนนั้นคลาดเคลื่อนจากความเป็นความจริง เพราะขณะนี้บริษัทยังอยู่ในการพิจารณาอัตรากำลังที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจของทีวีดิจิตอล ซึ่งยังไม่ได้มีเป้าหมายหรือตัวเลขที่ชัดเจนแต่อย่างใด

4. อีกทั้งกรณีที่มีการเสนอข่าวว่า มีการปลดพนักงานอายุระหว่าง 40-55 ปีนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่จริงแล้วพนักงานในวัยนี้ถือเป็นกำลังสำคัญต่อการผลิตผลงานคุณภาพของไทยทีวีสีช่อง 3

ไทยทีวีสีช่อง 3 ตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรอยู่เสมอ เพราะพวกเขาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและผลิตผลงานคุณภาพเพื่อผู้ชม สำหรับโครงการนี้ก็เป็นสิ่งที่เราทำเพื่อปรับองค์กรให้เข้ากับสภาวะตลาด และเพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสเลือกแผนในการดำเนินชีวิตของเขาต่อไป

ที่มา: ข่าวสด, 3/12/2561

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net