Skip to main content
sharethis

สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ฉันทมติเห็นชอบ 4 ประเด็นนโยบายสาธารณะ “สร้างพื้นที่สาธารณะในเขตเมือง-อีสปอร์ตปกป้องเด็กและเยาวชน -แก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อ-บริการทันตกรรม” เตรียมเสนอคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติสานต่อการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย พร้อมสานพลังภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ

14 ธ.ค.2561 มีการแถลงมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11 พ.ศ.2561 ที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โดย นพ.กิจจา เรืองไทย ประธานกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ กล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมที่ได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้ทุกคนจากทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมในการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเหล่านี้ร่วมกัน สำหรับสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปีนี้ มีผู้เข้าร่วมกว่า 2,100 คน  จาก 224 กลุ่มเครือข่ายทั่วประเทศ มีระเบียบวาระใหม่ที่เสนอเข้าพิจารณาหาฉันทมติใน 4 ประเด็นสำคัญได้แก่ 1. การร่วมสร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะในเขตเมืองเพื่อสุขภาวะสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 2. ความรับผิดชอบร่วมทางสังคมเกี่ยวกับอีสปอร์ตต่อสุขภาวะเด็ก 3. ความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อ และ 4. การคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการทันตกรรม                    

นอกจากนี้ ยังมีการรายงานและประกาศชื่นชมรูปธรรมความสำเร็จจากการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะในประเด็นต่างๆ รวมถึงกิจกรรมในลานสมัชชาสุขภาพที่สะท้อนดอกผลความสำเร็จของ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ผ่านการจัดนิทรรศการและกิจกรรมที่น่าสนใจต่างๆ

ในส่วนการแถลงสาระสำคัญของร่างมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ทิพย์รัตน์ นพลดารมย์ รองประธานอนุกรรมการดำเนินการประชุม คณะที่ 1 กล่าวถึงหลักการสำคัญของประเด็น การร่วมสร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะในเขตเมืองเพื่อสุขภาวะสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า พื้นที่สาธารณะคือองค์ประกอบสำคัญต่อการสร้างเมืองสุขภาวะ กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างสังคมที่น่าอยู่ การมีพื้นที่สาธารณะเพื่อสุขภาวะที่พลเมืองสามารถเข้าถึงได้โดยปราศจากความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในเขตเมือง เป็นนโยบายสาธารณะสำคัญที่หน่วยงานและทุกภาคส่วนควรขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อสนับสนุนให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ กลไก และมาตรการ เพื่อให้ทุกเขตเมืองเกิดแผนการสร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมทุกขั้นตอนเพื่อผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

สาระสำคัญของ (ร่าง) มติฯ คือ ให้ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกรูปแบบ ภาคชุมชน ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการและสนับสนุนงบประมาณในการสร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะเพื่อสุขภาวะในเขตเมืองด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้ความสำคัญและสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม เชื่อมโยง บูรณาการการขับเคลื่อน ปรับปรุงกฎหมาย/ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการขอใช้และขอเช่าที่ดินของหน่วยงานรัฐ พัฒนาแนวทางปฏิบัติผ่านมาตรการผังเมืองและการออกแบบอาคารและการออกแบบมาตรการในการสร้างแรงจูงใจให้แก่ภาคเอกชนในการสร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะเพื่อสุขภาวะในเขตเมืองที่คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ ใช้งานง่าย และปลอดภัย เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชนและเมือง รวมถึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถาบันวิชาการ สถาบันการศึกษา องค์กรวิชาชีพ สนับสนุนการจัดทำสื่อในรูปแบบต่างๆ คู่มือเพื่อเผยแพร่ความรู้ สนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม ตลอดจนพัฒนากลไก เครื่องมือ และมาตรการอื่นๆ เพื่อการสร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะเพื่อสุขภาวะในเขตเมืองที่ยั่งยืน

นพ.ประสิทธิ์ชัย  มั่งจิตร ประธานอนุกรรมการดำเนินการประชุม คณะที่ 1 สรุปสาระสำคัญของ (ร่าง) มติ ความรับผิดชอบร่วมทางสังคมเกี่ยวกับอีสปอร์ตต่อสุขภาวะเด็ก คือ สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดแนวปฎิบัติหรือมาตรการและแนวทางการบังคับใช้เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมอีสปอร์ตที่ปลอดภัย เป็นธรรม โปร่งใส เพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กทั้งในฐานะผู้ชมและผู้เข้าร่วมแข่งขันอีสปอร์ต โดยต้องมีการแสวงหาข้อมูล ศึกษาผลกระทบ และการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง  และเผยแพร่ข้อมูลข้อเท็จจริงของอีสปอร์ตอย่างถูกต้องครบถ้วนต่อสังคมทั้งทางด้านบวกและลบ และมีการสร้างระบบกลไกการเฝ้าระวังอย่างมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดการสอดส่องดูแล ร้องเรียน หรือบังคับใช้กฏหมายอย่างถูกต้อง รวมถึงให้มีการจัดทำกฎหมายเป็นการเฉพาะเพื่อให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ กลไก และมาตรการในทุกระดับในการควบคุมดูแลและกำกับการประกอบกิจการเกมส์ออนไลน์ที่ส่งผลต่อสุขภาวะเด็ก

นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์  ประธานอนุกรรมการดำเนินการประชุม คณะที่ 2 กล่าวถึงสาระสำคัญของ (ร่าง) มติ ความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อ ประกอบด้วยแนวทางที่จะถูกนำไปขับเคลื่อนหลักใน 5 ข้อ ได้แก่ 1. กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรคจะร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสุนนการสร้างเสริมสุขภาพและภาคีที่เกี่ยวข้องพัฒนาระบบติดตามเฝ้าระวังและจัดการข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ปัญหาโรคไม่ติดต่อ ตลอดจนเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อสร้างความตระหนักและฉลาดรอบรู้ด้านสุขภาพ  2. กระทรวงคลัง กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันในการออกแบบผลิตภัณฑ์/บริการที่จะสนับสนุนประชาชนมีสุขภาพที่ดี พร้อมให้เกิดการประกอบกิจการที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อ  โดยใช้ระบบกลไกทางการเงิน กลไกทางภาษี และอื่นๆ  ที่จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี 3. กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยจะเป็นหน่วยงานหลักในทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ  เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการให้ความรู้ด้านสุขภาพในทุกกลุ่มวัย  รวมทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มเปราะบาง ครอบครัว ชุมชน องค์กร และสังคม ในการป้องกันแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อในทุกช่วงวัย 4. กระทรวงสาธารณสุขโดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และกองทุนรักษาพยาบาลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันออกแบบชุดสิทธิประโยชน์หลักด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในทุกกองทุนที่เอื้อต่อการรอบรู้ทางสุขภาพและเข้าถึงการใช้สิทธิในการจัดการด้านสุขภาพของตัวเองได้ดีขึ้น โดยจะไม่ได้มองแค่เพียงตัวบุคคล แต่ยังมองไปถึงกลุ่มครอบครัวและชุมชนด้วย 5. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขร่วมกับเครือข่ายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการวิจัยระบบสุขภาพหาเครื่องมือใหม่ๆ และนวัตกรรม เครื่องมือ ชุดความรู้ และการประเมินผลเกี่ยวกับความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อ และสนับสนุนให้นำการวิจัยไปสู่การปฏิบัติ 

ในขณะที่ นางภารณี  สวัสดิรักษ์ รองประธานอนุกรรมการดำเนินการประชุม คณะที่ 2 กล่าวถึงสาระสำคัญของร่าง (มติ) การคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการทันตกรรม ประกอบด้วย การกำหนดให้สิทธิประโยชน์หลักทางทันตกรรมเท่าทียมกันทั้ง 3 กองทุน พัฒนาระบบการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกัน และดูแลสุขภาพด้านทันตกรรมทุกกลุ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ครอบคลุมคนพิการและผู้ด้อยโอกาสในสังคม ระบบการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมทั้งในระบบบริการภาครัฐและภาครัฐร่วมเอกชนที่ผู้รับบริการไม่ต้องสำรองจ่าย  มีการนัดหมายล่วงหน้า กำหนดอัตราค่าบริการที่เหมาะสมและเป็นธรรม  โดยให้ข้อกำหนดดังกล่าวนี้เป็นตัวชี้วัดของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควบคุมการขายวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการจัดฟันแฟชั่นและฟันเทียมเถื่อนให้เป็นเครื่องมือแพทย์เฉพาะสถานพยาบาลของผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมหรือผู้รับอนุญาตขายเครื่องมือแพทย์ พัฒนากลไกการป้องกันเฝ้าระวังการจัดการปัญหาจัดฟันแฟชั่นและฟันเทียมเถื่อน ดำเนินคดีกับผู้ให้บริการจัดฟันแฟชั่น ผู้ให้บริการทำฟันเทียมเถื่อนในทุกฐานความผิดตามกฎหมายทุกฉบับ  และพัฒนาระบบป้องกันการกระทำความผิดซ้ำเกี่ยวกับการโฆษณาหรือขายเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ทางทันตกรรม  สร้างความรอบรู้ทางทันตกรรม สุขภาพช่องปาก และค่านิยมที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริการทางทันตกรรม จัดการเรียนการสอนและฝึกอบรมเพื่อสร้างทันตแพทย์ครอบครัวทันตบุคลากรในชุมชนโดยกำหนดสัดส่วนและการกระจายที่เหมาะสมและเป็นธรรม จัดตั้งกองทุนทางทันตกรรมเพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพช่องปากและการเยียวยา รวมถึงสนับสนุนหน่วยบริการปฐมภูมิที่มีบริการทางทันตกรรมและส่งเสริมให้ประชาชนรับบริการทางทันตกรรมขั้นพื้นฐานและมีการร่วมจัดระบบบริการในพื้นที่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net