ผ่านไป 3 ปีทหาร-ตำรวจยังสกัดทุกทางไม่ให้ 'จ่านิว' ไปตรวจอุทยานราชภักดิ์

ผ่านไป 3 ปี กระทั่งหัวหน้า คสช. ใช้ ม.44 ปลดล็อกการเมือง แต่ยังปลดล็อกไม่จริง โดยล่าสุด 'จ่านิว' สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ยังไม่สามารถนำคณะไปถึงอุทยานราชภักดิ์ได้  โดยตำรวจ ทหารตั้งด่านสกัดคณะฉิ่งฉาบทัวร์รายทางตั้งแต่เข้าเขตบ้านโป่ง รวมทั้งนำคนขับรถบัสไปตรวจปัสสาวะ ตรวจสอบใบขับขี่ รวมทั้งใบอนุญาตประกอบกิจการเดินรถ โดยสุดท้ายคณะไปถึงแค่เขาย้อย จ.เพชรบุรี ก่อนเดินทางกลับ กทม.

ทหาร ตำรวจ ตั้งด่านสกัดที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ที่มา: Facebook/ประชาธิปไตยศึกษา V2

คณะทัวร์อุทยานราชภักดิ์ ที่ สภ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ก่อนตัดสินใจกลับ กทม. เพราะถูกสกัดรายทาง ที่มา: Facebook/Sirawith Seritiwat

16 ธ.ค. 2561 ในรายงานของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า กลุ่ม Start up People นำโดย ‘จ่านิว’ หรือ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ จัดกิจกรรม “ฉิ่งฉาบทัวร์ครบรอบ 3 ปี ตรวจโกงอุทยานราชภักดิ์” เดินทางด้วยรถบัสจากกรุงเทพฯ ไปยังอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว สิรวิชญ์และกลุ่มประชาธิปไตยศึกษาเคยพยายามเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์เพื่อตรวจสอบการทุจริตในโครงการก่อสร้างมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ถูกทหารและตำรวจสกัดกั้นโดยการสั่งหยุดรถไฟที่สถานีรถไฟบ้านโป่ง ตัดตู้โดยสาร กักตัวผู้เข้าร่วมกิจกรรม จนถึงดำเนินคดีผู้ร่วมกิจกรรมรวม 9 ราย โดยปัจจุบันคดีดังกล่าวยังไม่เริ่มกระบวนการสืบพยานในศาล

สำหรับการเดินทางของสิรวิชญ์ล่าสุดซึ่งมีผู้ร่วมเดินทาง 14 คน เริ่มออกเดินทางที่กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 07.00 น. จากบริเวณสนามหลวง โดยมีตำรวจมาสังเกตการณ์และถ่ายรูป เมื่อรถบัสวิ่งไปถึง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จึงพบด่าน โดยเจ้าหน้าที่เรียกให้หยุดและขอตรวจใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว ต่อมา เมื่อรถวิ่งเข้า อ.เมืองราชบุรี ก็ถูกด่านเรียกตรวจใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ และตรวจปัสสาวะคนขับรถ

เวลาประมาณ 13.00 น. หลังเข้าเขต อ.ปากท่อ คณะทัวร์อุทยานราชภักดิ์ก็ถูกสกัดที่ด่านอีก ตำรวจ ทหาร หลายนาย เข้าถ่ายรูป และขอขึ้นไปบนรถบัสเพื่อตรวจนับจำนวนคนเข้าร่วม ก่อนปล่อยให้เดินทางต่อไป ครั้งนี้สิรวิชญ์ได้แจ้งให้ตำรวจ สภ.ปากท่อ ประสานงานตำรวจใน จ.เพชรบุรี ว่าไม่ต้องเรียกตรวจรถอีกแล้ว เพราะได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ตรวจทุกอย่างแล้ว (ชมคลิปที่เพจประชาธิปไตยศึกษา V2)

หลังพักทานอาหารกลางวันที่ปั๊มน้ำมัน และออกเดินทางอีกครั้งในเวลาประมาณ 14.00 น. รถบัสวิ่งเข้าเขต อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ก็พบด่านตรวจซึ่งมีทั้งตำรวจ ทหาร ทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายนาย และถูกเรียกให้หยุดรถ ขอตรวจใบขับขี่, ใบอนุญาตประกอบการขนส่งรถรับจ้างสาธารณะ และตรวจปัสสาวะคนขับรถบัสอีกครั้ง  รวมทั้งขอตรวจบัตรประชาชนผู้เดินทางทุกคน พร้อมทั้งพยายามขึ้นตรวจค้นบนรถบัส แต่คณะเดินทางไม่ให้ตรวจบัตรประชาชนและไม่อนุญาตให้ขึ้นตรวจค้นรถ เนื่องจากได้ให้เจ้าหน้าที่ในด่านก่อนๆ ตรวจค้นมาตลอดทางแล้ว โดยไม่พบว่า มีการกระทำผิดแต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังพยายามขึ้นทางประตูด้านหลังอีก และถูกสิรวิชญ์และเพื่อนกันออกจากรถ (ชมคลิปที่เพจประชาธิปไตยศึกษา V2)

ร่วมกิจกรรมบางคนตั้งข้อสังเกตว่า ด่านเหล่านั้นไม่ได้มีการเรียกตรวจรถคันอื่น แม้ตำรวจจะอ้างว่า ตั้งด่านเรียกตรวจรถโดยทั่วไปไม่ได้เจาะจงเรียกเฉพาะรถบัสที่จะไปอุทยานราชภักดิ์คันนี้คันเดียว ตามนโยบายกวดขันจับกุมผู้กระทำผิดในช่วงใกล้ปีใหม่

หลังถูกเรียกตรวจโดยอ้างเหตุต่างๆ นานามาหลายด่านหลายอำเภอ สิรวิชญ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้สร้างความรำคาญ และทำให้เสียเวลามาก รวมทั้งทำให้คนขับรถและผู้ร่วมเดินทางอ่อนล้า อีกทั้ง การเดินทางที่เหลือยังต้องผ่านอีก 5 อำเภอ ก่อนถึงอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งหากต้องเจอด่านอีกทุกอำเภอ อาจจะไปไม่ถึงก่อนมืดหรือก่อนอุทยานฯ ปิด จึงตัดสินใจยุติกิจกรรมในเวลาประมาณ 15.00 น. โดยได้แจ้งเจ้าหน้าที่ด้วย  

อย่างไรก็ตาม แม้คณะทัวร์อุทยานราชภักดิ์จะแจ้งยกเลิกการเดินทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวคนขับรถบัสไปที่ สภ.เขาย้อย เพื่อตรวจใบอนุญาตประกอบกิจการเดินรถของบริษัท ซึ่งแม้ว่าต่อมาเจ้าของบริษัทรถบัสคันดังกล่าวจะได้ส่งใบอนุญาตผ่านทางไลน์ให้คนขับรถ และคนขับรถได้ให้ตำรวจดูแล้ว แต่ตำรวจยืนยันว่า ต้องการเอกสารตัวจริงเท่านั้น ทำให้ต้องรอเจ้าของบริษัทเดินทางมาจากราชบุรีเพื่อนำใบอนุญาตตัวจริงมาให้ตรวจ ผู้โดยสาร 14 คน จึงตัดสินใจเดินทางกลับก่อน แต่ก็ไม่สามารถหารถกลับได้ เนื่องจากเป็นเวลาที่รถไฟเข้ากรุงเทพฯ ผ่านไปแล้ว ทั้งนี้ มีการรับปากโดยตำรวจว่าจะหารถกลับกรุงเทพฯ ให้แก่คณะทัวร์ โดยให้รอผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรีเดินทางมาเจรจา แต่กลับไม่มีการดำเนินการใด ๆ สิรวิชญ์ให้ข้อมูลด้วยว่า ตำรวจได้ขอรายชื่อผู้ที่เดินทางมาในรถบัสทั้งหมดด้วย แต่กลุ่มผู้ทำกิจกรรมไม่ยินยอม (ดูเฟซบุ๊ค Sirawith Seritiwat และคลิปที่เพจประชาธิปไตยศึกษา V2)

เวลาประมาณ 16.30 น. ขณะกลุ่มผู้ทำกิจกรรมยังไม่สามารถหารถเดินทางกลับกรุงเทพฯ ได้ ตำรวจชี้แจงว่า กำลังสอบปากคำคนขับรถและภรรยา ส่วนในเรื่องการตรวจสอบใบอนุญาตที่ทางเจ้าของบริษัทรถบัสส่งเอกสารมาทางไลน์นั้น ตำรวจระบุว่า ถ้าทหารตรวจสอบแล้วถูกต้องก็ไม่มีคดีอะไร โดยอยู่ระหว่างทหารประสานงานให้ขนส่งจังหวัดตรวจสอบ  (ดูคลิปที่เพจประชาธิปไตยศึกษาV2)

ล่าสุด เวลาประมาณ 18.30 น. คณะทัวร์อุทยานราชภักดิ์เดินทางออกจาก สภ.เขาย้อยโดยรถตู้รับจ้าง โดยได้รับแจ้งจากตำรวจว่า ไม่มีการตั้งข้อหากับทางรถบัส

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานด้วยว่า "เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้เห็นถึงการปิดกั้นการแสดงออกของประชาชนที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อไปด้วยวิธีการใหม่ของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ภายหลังการออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2561 เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เฉพาะข้อ 12 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป ซึ่งทำให้ทหารไม่สามารถอ้างคำสั่ง 3/2558 หรือ ม.44 มาสั่งยุติกิจกรรมได้เช่นที่ทำมาตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดหมายได้ว่า ประชาชนยังต้องเผชิญสถานการณ์การปิดกั้นเช่นนี้อยู่เรื่อยไปตลอดช่วงที่ คสช.ยังอยู่ในอำนาจบริหารประเทศ"    

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท