นับตั้งแต่คณะทหารในนาม คสช. เข้ายึดอำนาจจากประชาชนคนไทย ท่ามกลางความหวังของคนบางกลุ่มว่าอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของรัฐบาลทหารจะแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังมานานของประเทศ แต่สิ่งแรกๆ ที่รัฐบาล คสช. ทำก็คือการออกนโยบายทวงคืนผืนป่า ที่ขับไล่คนจนออกจากที่ทำกิน จากนั้นเป็นต้นมาเราก็ได้เห็นกฎหมายและนโยบายต่างๆ มากมาย ที่ออกมาโดยไม่สนใจถึงผลกระทบต่อชีวิต และการทำมาหากินของคนจน รวมถึงการใช้กำลังทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง คุกคามปราบปรามผู้นำชาวบ้านที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม

เป็นเวลาเกือบห้าปีแล้วที่ คสช. ละเลย เพิกเฉยต่อปัญหาคนจน กระบวนการแก้ไขความเดือดร้อนที่เกิดจากการเรียกร้องสิทธิกับรัฐบาลก่อนๆ ก็หยุดชะงักลง สร้างปัญหาความเดือดร้อนใหม่ ลอยแพคนจน ปัดความรับผิดชอบ เห็นคนจนเป็นภาระ และพยายามหาทางที่จะตัดลดงบประมาณที่เป็นสวัสดิการเพื่อประชาชนเหลือเป็นเพียงการสงเคราะห์ แสดงท่าทีรังเกียจต่อการอุดหนุนคนจนของรัฐบาลก่อนๆ โดยเรียกว่า "นโยบายประชานิยม"

ตลอดเวลาที่ครองอำนาจ คสช. แสดงให้เราเห็นว่าไร้ความสามารถในทุกด้าน รวมถึงในด้านเศรษฐกิจ เช่นปัญหาความยากจน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ข้าวของราคาแพง การค้าขายฝืดเคือง การขูดรีดแรงงาน เป็นต้น ความพยายามของ คสช. ที่ลอกเลียนนโยบายประชานิยม แต่ะเรียกใหม่ว่า ประชารัฐ ก็เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกเพื่อให้นายทุนเข้ามากินรวบ แสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรและคนจนได้ง่ายยิ่งขึ้น

เวลาเกือบห้าปีที่คนจนต้องทนอยู่กับความล้มเหลวของ คสช. หากเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย ก็นับว่าอยู่เกินวาระ และถึงเวลาสมควรที่ต้องคืนอำนาจให้ระชาชนตัดสินใจทางการเมืองกันใหม่ หลังจากที่ คสช. เลื่อนกำหนดการเลือกตั้ง จนไม่อาจจะเลื่อนได้อีกต่อไป คสช. จึงจำต้องปล่อยให้มีการเลือกตั้งในปีหน้า 

แม้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้ จะเป็นที่น่าสงสัยถึงความบริสุทธิ์ ยุติธรรม แต่อย่างน้อย ก็เป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของกระบวนการประชาธิปไตย และเป็นอำนาจ สิทธิ และเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เราจำเป็นต้องทวงคืน เพื่อที่เสียงของคนจนจะได้กลับมาดังขึ้นใหม่อีกครั้ง

จากวันนี้ เหลือเวลาอีกเพียงประมาณสองเดือนก่อนกำหนดการเลือกตั้ง เราจึงได้งานวันสมัชชาคนจน ในชื่อ "ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน" เพื่อให้เห็นว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงเกี่ยวข้องกับการทำมาหากิน เกี่ยวกับปากท้องของคนจนและการเมืองที่เห็นหัวคนจน ก็คือการเมืองที่คนจนมีอำนาจ มีสิทธิ มีเสียง มีเสรีภาพอย่างเสมอหน้ากันกับคนอื่นๆ ในสังคม

วันนี้เรามีเพื่อนๆ องค์กรคนจน องค์กรประชาสังคม นักวิชาการ นักกิจกรรม นักศึกษา สื่อสารมวลชน และพรรคการเมืองมาร่วมเล่า และร่วมรับฟังสถานการณ์ความเดือดร้อนของคนจนในยุค คสช. และร่วมแสดงความคิดเห็นถึงแนวคิดและนโยบายเพื่อเริ่มต้นการเมืองเพื่อคนจนกันใหม่อีกครั้ง สมัชชาคนจนขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

สมัชชาคนจนหวังว่า หลังจากวันนี้ พวกเราทุกคน องค์กรทุกภาคส่วน และพรรคการเมืองที่มาร่วมกิจกรรมจะช่วยกันสนับสนุนการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกำหนด และผลักดันให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม และมีผลในทางปฏิบัติ สมัชชาคนจนยืนยันที่จะร่วมติดตาม ตรวจสอบ และมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อให้กลไกประชาธิปไตยเริ่มเดินเครื่องใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ด้วยความสมานฉันท์

ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน

สมัชชาคนจน

16 ธ.ค. 2561