Skip to main content
sharethis

หลัง ว่าที่ กสม.เสนอสื่อมวลชนไม่ควรให้ความสนใจประเด็นเผาบ้านเผาเมือง และคดี 6 ศพในวัดปทุมฯช่วงเลือกตั้ง ด้านมารดาพยาบาลเกด ออก จม.เปิดผนึกสวน ย้ำสะเทือนใจและเสียใจ ชี้อาจเป็นการจำกัดสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเพื่อประกอบการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง

19 ธ.ค.2561 ในงาน Media Forum ครั้งที่ 6: บทบาทสื่อและการรับมือสงครามข่าวสารช่วงเลือกตั้ง ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย วานนี้ (18 ธ.ค.61) ซึ่งสื่อหลายสำนัก เช่น คมชัดลึกออนไลน์ รายงาน ช่วงอภิปรายของ สมศรี หาญอนันทสุข กรรมการองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) ว่า สมศรี กล่าวว่า "ในการเลือกตั้งของต่างประเทศ พบข้อมูลว่าจะมีการสาดโคลนกันจำนวนมาก ซึ่งประเทศไทยเชื่อว่าจะมี ทั้งการเผาบ้านเผาเมือง, คดี 6 ศพในวัดปทุมวนาราม  ดังนั้นหากเป็นไปได้สื่อมวลชนไม่ควรให้ความสนใจมากนัก ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการขุดความขัดแย้งขึ้นมากอีก ดังนั้นสิ่งที่ต้องการเห็น คือการเจาะข้อมูลด้านนโยบายมากกว่าการนำเสนอตัวบุคคล การซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ขณะที่กระบวนการการเลือกตั้ง สื่อมวลชนต้องแม่นยำในรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง" นั้น

ล่าสุดวันนี้ (19 ธ.ค.61) พะเยาว์ อัคฮาด มารดาของกมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาผู้เสียชีวิตในเหตุสลายการชุมนุม พ.ค. 2553 และเป็น 1 ใน 6 ศพในวัดปทุมวนาราม โพสต์จดหมายเปิดผนึก ถึง สมศรี หาญอนันทสุข ว่าที่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยระบุว่า รู้สึกสะเทือนใจและเสียใจกับข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากตนเป็นผู้เสียหายในเหตุการณ์ดังกล่าวรวมทั้งประชาชนทั่วไปจึงมีสิทธิ์ที่จะให้ข้อมูลและรณรงค์ให้เห็นถึงการกระทำที่ตนเห็นว่าสังคมควรรับทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจลงคะแนนในครั้งนี้ และพร้อมจะรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้นด้วย การเสนอให้สื่อไม่ให้ความสนใจหรือไม่ให้เสนอข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวจึงเป็นข้อเสนอที่อาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิของตนและประชาชนที่จะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเพื่อประกอบการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้

รายละเอียดมีดังนี้ : 

19 ธันวาคม 2561

จดหมายเปิดผนึก 
ถึงคุณสมศรี หาญอนันทสุข
ว่าที่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ตามที่ท่านได้ให้ความเห็นในการเสวานาจัดโดยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เรื่อง Media Forum ครั้งที่ 6 เรื่อง บทบาทสื่อและการรับมือสงคราวข่าวสารช่วงการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 โดยได้เสนอให้สื่อมวลชนไม่นำเสนอข่าวในช่วงเลือกตั้ง ของเหตุการณ์การสลายการชุมนุมปี 2553 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่ทหารฆ่าประชาชน 6 คนที่วัดปทุมวนาราม นั้น 

ดิฉันในฐานะแม่ของผู้เสียชีวิตรู้สึกสะเทือนใจและเสียใจกับข้อเสนอดังกล่าวยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความเห็นของบุคคลที่กำลังจะผ่านการพิจารณาให้เป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งจะเข้าไปทำหน้าที่พิทักษ์รักษาสิทธิ์ของประชาชนคนทั้งประเทศ

ดิฉันขอเรียนต่อท่านว่า เหตุการณ์การล้อมปราบเมื่อปี 2553 นั้นชัดเจนแล้วว่าใครคือผู้มีส่วนในการล้อมปราบครั้งนั้น เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งบรรดานายทหารทั้งหมดที่ร่วมปฏิบัติการ ซึ่งบุคคลดังกล่าวได้เสนอตัวเข้าสู่เวทีการเมืองเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ 

ดังนั้น ดิฉันซึ่งเป็นผู้เสียหายในเหตุการณ์ดังกล่าวรวมทั้งประชาชนทั่วไปจึงมีสิทธิ์ที่จะให้ข้อมูลและรณรงค์ให้เห็นถึงการกระทำที่ดิฉันเห็นว่าสังคมควรรับทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจลงคะแนนในครั้งนี้ และพร้อมจะรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้นด้วย 

การที่ท่านเสนอให้สื่อไม่ให้ความสนใจหรือไม่ให้เสนอข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวจึงเป็นข้อเสนอที่อาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิของดิฉันและประชาชนที่จะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเพื่อประกอบการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ และเป็นการทำให้ความผิดที่บุคคลที่มีส่วนล้อมปราบประชาชนได้เกลื่อนกลืนและสูญหายไปในที่สุดจนมิอาจนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้

การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งสื่อมีหน้าที่ที่จะต้องนำเสนอข่าวสารอย่างตรงไปตรงมาเพื่อความยุติธรรมในสังคม ไม่ว่าท่านจะได้เสนอความเห็นในฐานะส่วนตัวที่อาจไม่ได้เห็นความสำคัญของการเอาผู้กระทำผิดมาลงโทษ หรือให้ความเห็นในฐานะตัวแทนองค์กรสิทธิมนุษยชนใดๆ ดิฉันรู้สึกสะเทือนใจและเสียใจกับการแสดงออกของท่านในครั้งนี้ 

จึงขอส่งจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ถึงท่าน และเผยแพร่ให้สาธารณะชนได้รับทราบและวิพากษ์วิจารณ์ต่อไป 

ลงชื่อ แม่น้องเกด 
แม่ผู้ตายในเหตุการณ์ล้อมปราบ วัดปทุม 2553
http://www.komchadluek.net/news/regional/356051

สำหรับ คดี 6 วัดปทุมวนาราม ศาลมีคำสั่งในการไต่สวนการเสียชีวิตตั้งแต่ 6 ส.ค.2556 แล้ว ว่า สุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้เสียชีวิตที่ 1, อัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแห่ง ผู้เสียชีวิตที่ 2, มงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ผู้เสีย ชีวิตที่ 3, รพ สุขสถิต อายุ 66 ปี อาชีพพนักงานขับ รถรับจ้างในสนามบิน ผู้เสียชีวิตที่ 4, กมนเกด ฮัคอาด อายุ 25 ปี อาชีพพยาบาลอาสา ผู้เสียชีวิตที่ 5, และ อัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้าง ผู้เสียชีวิตที่ 6 โดยทั้ง 6 ศพ ถูกยิงเสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. สมัย อภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ศาลสั่งว่าผู้ตายที่ 1,3-6 ถึงแก่ความตายเนื่องจากกระสุนปืน .223 จากทหารกองพันจู่โจมพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ที่ประจำอยู่บริเวณรางรถไฟฟ้า BTS หน้าวัดปทุมฯ ขณะเกิดเหตุ ส่วนผู้ตายที่ 2 ตายจากกระสุน .223 จากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ที่ประจำการอยู่บริเวณถนนพระราม 1 ช่วงเกิดเหตุ ภายใต้คำสั่งของ ศอฉ.  และผลการตรวจจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไม่พบร่องรอยการยิงปืนของมือทั้ง 6 ศพ จึงเชื่อว่าทั้ง 6 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้อาวุธปืน รวมทั้งขณะเกิดเหตุมีด่านเจ้าหน้าที่ตรวจค้นอาวุธแน่นหนา 

นอกจากนี้ ภายหลังการอ่านคำสั่งในวันนั้น ผู้สื่อข่าวประชาไทยังรายงานด้วยว่า ศาลกล่าวสรุปประเด็นให้ผู้ที่เข้าร่วมฟังด้วยว่า 1.เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานทหาร 2.ผู้ตายทั้ง 6 ไม่มีคราบเขม่าดินปืนที่มือทั้งสองข้าง แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนมาก่อน 3.การตรวจยึดอาวุธในวัดปทุมวนาราม ไม่น่าเชื่อว่ามีการตรวจยึดจริง และ 4.กรณีชายชุดดำ ไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยศาลมีคำสั่งให้นำคำสั่งนี้ส่งต่อให้พนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150

ถอดคำต่อคำ สมศรี หาญอนันทสุข ในเวที Media Forum ครั้งที่ 6

ล่าสุด (20 ธ.ค.) มีการถอดความคำต่อคำที่สมศรีพูดในงานดังกล่าว มีใจความดังนี้ 

อยากจะแตะไปที่ต่างประเทศบ้าง ดิฉันก็มีประสบการณ์ในช่วงของการรณรงค์หลายๆ ประเทศ ซึ่งในช่วงของการเลือกตั้ง การสาดโคลนจะค่อนข้างรุนแรง การเอาอดีตของแต่ละพรรคในช่วงที่เขาเป็นรัฐบาล ก็จะมารื้อฟื้นกันเยอะ ในประเทศเอเชียใต้ก็จะทำกันเยอะมาก ฟิลิปปินส์ อะไรอย่างนี้ ก็จะทำเรื่องแบบนี้เยอะมาก

ของเราก็จะมี เดี๋ยวคอยดูสิว่า เรื่องวัดปทุมวนาราม เรื่องการเผาบ้านเผาเมือง อะไรพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นมา รื้อฟื้นความขัดแย้งเหล่านี้ขึ้นมานะคะ ถ้าสื่อที่ดี ดิฉันก็อยากจะคาดหวังว่าอย่าไปไฮไลท์กับมันมาก ดิฉันไม่อยากจะเห็นภาพที่ว่า พอหลังจากการเลือกตั้งแล้วความขัดแย้งกลับมาใหม่ เพราะโดย nature ของการเลือกตั้งเอง มันสร้างความขัดแย้งในตัวของมันเองอยู่แล้ว แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ปกติก็ตาม แต่ตอนนี้เราเลือกตั้งอยู่ในสถานการณ์พิเศษ เพราะฉะนั้นอย่าไปช่วยเขาโหมกระพือในเรื่องเหล่านี้นะคะเรื่องอดีต

เอาเรื่องอนาคตก่อน นโยบายอย่างที่อาจารย์ว่าเอามาเปรียบเทียบ ดิฉันก็ยังไม่เห็นเหมือนกันว่านโยบายที่จะเอามาเปรียบเทียบกัน สื่อน่าจะเจาะอันนี้ น่าจะมีประโยชน์ และก็เป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้ประชาชน คำนึงถึงนโยบายไม่ใช่เรื่องตัวบุคคลเท่านั้น หรือการซื้อสิทธิขายเสียงเท่านั้น

คือเงินไม่มา กาไม่เป็นต้องหมดไปจากเมืองไทย นะคะ

หมายเหตุ: ประชาไทเติมเนื้อความส่วน "ถอดคำต่อคำ สมศรี หาญอนันทสุข ในเวที Media Forum ครั้งที่ 6" เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2561 เวลา 19.20 น.

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net