Skip to main content
sharethis

การเลือกตั้งทั่วไปปี 62 ภายใต้เกมที่ถูกวางไว้โดย คสช. อาจเป็นเดิมพันที่สำคัญอีกหนึ่งครั้งของไทย แต่ก่อนจะไปถึงวันเข้าคูหา ณัฏฐา มหัทธนา ชี้ให้เห็นว่าทางที่กำลังเดินไปไม่ใช่เส้นทางปกติ เปรียบเหมือนวิ่งแข่งในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ฝ่ายเผด็จการวิ่งนำอยู่ข้างหน้า ขณะที่ฝ่ายประชาธิปไตยมีคนคอยขัดขา หน้าที่ตอนนี้คือการหยุดกลโกง แต่ถ้าเขาไม่หยุดก็อย่าเรียกว่าการเลือกตั้ง

การเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2562 มีสัญญาใจจากรัฐบาล คสช. ว่าจะการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. แต่เส้นทางที่จะเดินไปถึงวันเข้าคูหาดูจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังน่าห่วงกังวล ทั้งการออกแบบเขตเลือกตั้งในบางจังหวัดที่ทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งบางพรรคการเมืองได้ประโยชน์มากกว่าพรรคการเมืองอื่น ทั้งการที่ 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. เข้าเป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังคงทำงานอยู่ต่อในฐานะผู้บริหารประเทศ และเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ไม่ยากว่า รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคจะมีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจากการรัฐประหาร และหัวหน้าคณะรัฐประหาร ซึ่งยังมีอำนาจเต็มต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทั้งยังมี ส.ว. 250 คนซึ่งในขั้นตอนสุดท้ายจะถูกคัดเลือกโดย คสช. และครั้งนี้ ส.ว. ผู้ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนจะมีสิทธิในการร่วมออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีได้ด้วย รวมทั้งหลังการเลือกตั้งยังมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะทำหน้าที่กำกับดูแลการทำงานของรัฐบาลให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติที่ถูกวางเอาไว้โดยไม่มีส่วนใดที่ยึดโยงกับประชาชน ซึ่งชัดเจนว่าทั้งหมดนี้ คือความพยายามทำให้เสียงของคนส่วนมากเบากว่าเสียงของคนส่วนน้อยที่คุมเกม

ภายใต้โครงสร้างที่รู้แน่ชัดอยู่แล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ง่ายที่จะเป็นการเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการรัฐประหารไปสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่ช่วงต้นปี ถึงกลางปี 2561 การรวมตัวของคนอยากเลือกตั้งได้ขับเคลื่อนเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงเวลาซึ่งการเลือกตั้งถูกทำให้เป็นเพียงความฝันที่ลอยไกลออกไปเรื่อยๆ และสุดท้ายวันเลือกตั้งที่ชัดเจนแลกมาด้วยการถูกจับกุมดำเนินคดี แต่เมื่อวันเลือกตั้งถูกตั้งไว้รออยู่ข้างหน้า กลับกลายเป็นว่ามีหลายอย่างที่ผิดปกติ ทั้งบัตรเลือกตั้ง เบอร์ผู้สมัคร การติดป้ายหาเสียง ท่าทีไม่ตอบรับผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเผด็จการกับพรรคการเมืองหนึ่ง รวมไปถึงการปลดล็อกการเมืองไม่สุดทาง ทั้งหมดนี้นำพาเรามาพูดคุยกับ ณัฏฐา มหัทธนา หนึ่งในกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ด้วยความสงสัยว่า ในเวลานี้คนอยากเลือกตั้ง ยังอยากเลือกตั้งอยู่อีกหรือไม่

000000

ประชาไท : เวลานี้ประเทศไทยกำลังเดินเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้ง แต่เท่าที่สังเกตสถานการณ์การเลือกตั้งดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ทั้งโครงสร้างอำนาจในรัฐธรรมนูญที่ออกแบบไว้เพื่อคุมเสียงข้างมากของประชาชน ส.ว. 250 คนที่มาจากการคัดเลือกของ คสช. สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีวี่แววการสืบทอดอำนาจรัฐบาลเผด็จการต่อไป โดยใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือ ในฐานะหนึ่งในกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ออกมาเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้น ถึงช่วงกลางปี 2561 เวลานี้ยังศรัทธา และเชื่อมั่นกับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้อยู่อีกหรือไม่

ต้องแยกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือบริบทโครงสร้างที่เขาวางเอาไว้ เรายังมั่นใจพลังของประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นได้ หากผลการเลือกตั้งฝ่ายประชาธิปไตยได้รับคะแนนเสียงอย่างถล่มทลาย ตรงนี้เรามั่นใจ เพราะฝ่ายเผด็จการนำพาประเทศถอยหลังกลับไปไกลมากขนาดนี้ เขายังทำได้โดยที่ไม่มีการยึดโยงอะไรกับประชาชน ทำไม่เราจะเปลี่ยนให้มันกลับมาไม่ได้หากเสียงของประชาชนชัดเจนพอ

ส่วนที่สองคือ เรื่องของการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งเราเริ่มไม่มั่นใจว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีคุณภาพพอที่จะสะท้อนเจตจำนงของประชาชนจริงๆ และถึงวันนี้เราเห็นทุกวิถีทางที่พยายามควบคุมการเลือกตั้ง โดยเฉพาะบทบาทของ กกต. ที่ยอมให้ คสช. เข้ามามีอำนาจเกี่ยวข้องกับการแบ่งเขตเลือกตั้ง การกำหนดเบอร์ผู้สมัคร และการออกแบบบัตรเลือกตั้ง หลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เราคิดว่า หากไปไกลมากว่านี้แล้วเห็นว่ามันไม่ไหวจริง เราคิดว่า เราคงต้องยูเทิร์น คือ เราคงเดินไปไม่ถึงคูหา เราคิดว่ามันมีบางอย่างที่ยอมได้ และเชื่อได้ว่าเสียงของคนยังมีความหมาย การเลือกตั้งยังสะท้อนเจตจำนงของผู้เลือกได้ แม้เรื่อง ส.ว. 250 คนที่สามารถเลือกนายกฯ ได้จะเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะยอม แต่มันก็ผ่านมาแล้ว และมองว่ามันยังอยู่ในเงื่อนไขกติกาที่เราคิดว่ายังสู้ได้

แต่พอมาถึงจุดที่มีการออกแบบบัตรเลือกตั้งไม่ให้มีชื่อพรรคการเมือง หรือโลโก้(สัมภาษณ์ก่อนหน้าที่ กกต. มีมติให้บัตรเลือกตั้งมีชื่อพรรค และโลโก้พรรคการเมือง) เรื่องป้ายหาเสียงที่ กกต. จะติดให้ส่วนหนึ่ง ส่วนที่พรรคการเมืองจะติดได้มีจำนวนนิดเดียว ถ้าการละเมิดสิทธิมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มันก็อาจจะมาถึงจุดที่เราคิดว่า คงไปต่อไม่ไหว เพราะสิ่งเหล่านี้เราเรียกมันว่า การโกงเลือกตั้ง และถ้าเราต้านสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถึงจุดหนึ่งเราอาจจะเดินออกจากเกม เพราะมันเกินเส้นของการเลือกตั้งไปแล้ว

อะไรที่จะเป็นจุดที่จะทำให้รู้ว่า ถ้าล้ำเส้นมาแตะเรื่องนี้ เราไม่เอาแล้ว

เราบอกคนเดียวไม่ได้ แต่มันจะเห็นร่วมกันทั้งหมด เป็นฉันทามติของฝั่งประชาธิปไตยซึ่งรวมถึงพรรคการเมืองด้วย แต่สำหรับเราหากไม่ใส่ชื่อพรรคการเมือง กับโลโก้พรรคการเมืองในบัตรเลือกตั้ง ตรงนี้เป็นจุดที่คิดว่ามันเกินไปแล้ว ตอนนี้กับพรรคการเมืองพรรคหลักๆ เราสื่อสารพูดคุยกับเขาตลอด และนับจากวันนี้ถึงวันเลือกตั้งทุกสัปดาห์ต้องประเมินกันช็อตต่อช็อต เพราะการละเมิดใหม่ๆ มันเกิดขึ้นทุกสัปดาห์ ทั้งเรื่องการหาเสียงเลือกตั้งทำได้มากน้อยแค่ไหน การหาเสียงออนไลน์จะมีการควบคุมไหม การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในช่วงใกล้เลือกตั้งยังถูกจำกัดหรือไม่ จะมีการเชิญองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่จะบอกทั้งหมดว่าการเลือกตั้งมีความหมายแค่ไหน

ที่ผ่านมาการทำงานของเครือข่ายประชาชนที่ต้องการการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม และมีผลในการปฏิบัติ เราก็ยื่นข้อเรียกร้อง เพื่อกำจัดสิ่งที่จะทำให้การเลือกตั้งไม่มีความหมาย เราไม่ได้ต้องการเพียงแค่เรื่องบัตรเลือกตั้ง แต่เราต้องการให้มีการผู้สมัครของแต่พรรคการเมืองได้ในแต่ละเขตได้รับเบอร์เดียวกันทั้งหมดด้วย และ กกต. ควรมีหน้าที่ผลักดันให้สิ่งนี้

นอกจากนี้เรายังแสดงจุดยืนในภาพรวมว่า การจำกัดสิทธิเสรีภาพที่เกิดขึ้นในเวลานี้ มันจะทำให้การเลือกตั้งไม่เสรี ไม่เป็นธรรม และสื่อสารออกไปอย่างชัดเจนว่า รัฐต้องหยุดการกระทำดังกล่าว

มันต้องค่อยๆ เคลียร์ไป เพื่อที่ทำให้เราเดินเข้าคูหาได้อย่างมั่นใจ แต่ถ้าเคลียร์ไม่สำเร็จ สุดท้ายมันจะตันไปเรื่อยๆ แล้วทางที่เราเดินไปมันจะเดินไปไม่ถึงคูหา อย่างน้อยสำหรับเราเองวันนี้มันมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว หากเคลียร์สนามให้เสรี เป็นธรรม และมีผลในทางปฏิบัติไม่สำเร็จ หรือการเลือกตั้งไม่ผ่านมาตรฐานขั้นต่ำที่ควรจะเป็น เราคิดว่า เรายูเทิร์น

แล้วจะนำไปสู่อะไรหากสุดท้ายแล้วการเลือกตั้งไม่สามารถคาดหวังได้ หรือสถานการณ์เดินไปถึงจุดที่ไม่อาจยอมรับการเลือกตั้งได้

อย่างน้อยมันไม่ได้เป็นการออกไปเลือกตั้งเพื่อที่จะเป็นฐานรับรองความชอบธรรมของอำนาจเผด็จการ การเลือกตั้งที่ไม่มีคุณภาพ การเลือกตั้งที่ไม่มีความหมาย อย่างน้อยที่สุดมันไม่ได้นำเราไปสู่ตรงนั้น แต่มันจะเราไปสู่อะไร มันก็คงจะนำเราไปสู่ทางที่ดีกว่า เพราะทางนี้มันแย่ที่สุด จุดยืนเราชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการเลือกตั้งที่ไร้ความหมาย

การเลือกตั้งที่ไม่มีความหมายมันแย่ที่สุดแล้วโดยตัวมันเอง มันจะนำเราไปสู่อะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะมันจะนำไปสู่การเป็นคนไทยที่ใจเสาะกว่าเดิม เช่น กลายเป็นคนที่ไร้ความหวัง และจะทำให้เกิดคนไทยที่ยอมหมอบต่ออำนาจไปอีกหลาย 10 ปี หลายคนบอกว่าหากเราเลือกที่จะไม่ไปเลือกตั้ง มันก็ทำให้เขาอยู่ต่อไปเหมือนเดิม แต่เราคิดว่ากระแสสังคมเวลานี้ไม่ได้ยอมรับที่จะให้เขาอยู่ต่อไป อายุของรัฐบาล คสช. จะยืดยาวไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เขาอยู่ในสถานะนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาจึงต้องหาสถานะใหม่

พูดแบบนี้เราไม่ได้ต้องการที่จะยูเทิร์น ไม่ใช่ว่าเราไม่เอาการเลือกตั้งนะ แต่ถ้ามันไปถึงจุดนั้นจริงๆ รัฐบาล คสช. ก็คงไม่อาจเดินไปสู่การเลือกตั้งได้เหมือนกัน อย่างไรเขาก็ต้องหาทางออก เราคิดว่าถ้าไปถึงจุดนั้นการเจรจาจะเกิด เพราะอำนาจเขากำลังถูกคัดง้างในระดับที่เขาต้องปรับทัศคติตัวเอง แล้วปรับตัวมาคุยกัน มันอาจจะเป็นไปในทางที่เขายอมปรับเป็นรัฐบาลรักษาการณ์จริงๆ หรือถ้ามันรุนแรงจริง ประชาชนไม่ยอมจริง เขาก็อาจจะต้องลาออก และคงมีรัฐบาลชั่วคราว ผู้จัดการเลือกตั้งชั่วคราว แล้วก็นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่

หากสถานการณ์ไม่แย่ไปถึงจุดที่ทำให้การเลือกตั้งไร้ความหมาย และการเลือกตั้งยังอยู่ในกรอบที่เรายังยอมรับได้ มั่นใจไหมว่า เมื่อเลือกตั้งแล้วจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้

มั่นใจ หากเราทำให้ประชาชนเข้าใจสิ่งที่เราพยายามสื่อสารมาตลอดว่า ระบบที่เขาจะวางไว้เพื่อสืบทอดอำนาจเป็นอย่างไร พรรคไหนบ้างที่เป็นพรรคที่ยืนอยู่ในฝั่งประชาธิปไตย ถ้าเราทำตรงนี้สำเร็จคนจะรู้ด้วยตัวเองว่า เขาจะเลือกอย่างไร

นี่ดูเป็นความหวังเล็กๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยหรือเปล่า

เราต้องมีความหวัง ถ้าไม่มีความหวังก็กลับบ้านนอนแล้ว (หัวเราะ) เราไม่เคยหมดหวังเลย และที่สำคัญอย่าลืมว่าเราไม่มีออฟชั่น (ทางเลือก) ถ้าสิ้นหวังกับเรื่องนี้ควรหาประเทศใหม่อยู่ แต่ถ้าเราเลือกที่จะอยู่ที่นี่ เราต้องสู้สุดตัว บางทีเราได้ยินคนบอกว่า เลือกตั้งรอบนี้ปล่อยให้เขาชนะไปแล้ว มันจะได้เห็นไปเลยว่าอะไรเป็นอะไร ให้ประเทศมันแย่สุดๆ ไปเลย คืออะไร คนจะได้เจ็บปวดแบบสุดๆ เหรอ การที่เราจะปล่อยให้มันสุดๆ ไปเลยแบบนั้น ถึงวันหนึ่งเราอาจจะไม่สามารถดึงกลับขึ้นมาได้อีกแล้ว จากที่เรือมันยังโคลงๆ อยู่ มันจะกลายเป็นการปล่อยให้เรือมันจมไปเลย แล้วเมื่อมันจมไปแล้วการจะกู้มันกลับมาไม่ใช่เรื่องง่าย

สถานการณ์ตอนนี้มันเหมือนวิ่งแข่งในสนาม 400 เมตร แล้วเรากำลังอยู่ในช่วง 50 เมตรสุดท้าย แล้วเขานำเราอยู่สิ่งเราทำได้คือวิ่งให้สุดตัว นอกจากระหว่างวิ่งอยู่เรากลับถูกขัดขา นั้นแหละถึงจะบอกว่า ฉันจะออกจากการวิ่งนี้ แล้วค่อยมาวิ่งกันใหม่ และพูดให้ถึงที่สุดหากเราจะปฏิเสธมัน นั่นก็เป็นเพราะว่ามันไม่ใช่การเลือกตั้งแล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net