สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 17-23 ธ.ค. 2561

รมว.แรงงาน เยี่ยมแคมป์คนงานไทยในอิสราเอล ห่วงความปลอดภัยชายแดนชนวนกาซา/กทม.จะจ่ายโบนัสปี 2561 ให้บุคลากรรวม 2,565,129,310 บาท 1.4-1.5 เท่าเงินเดือน/'ไทยรัฐ' ลด พนง. สมัครใจลาออกได้เงินชดเชย 10 เดือน เป้าหมาย 15%

รมว.แรงงาน เยี่ยมแคมป์คนงานไทยในอิสราเอล ห่วงความปลอดภัยชายแดนชนวนกาซา

รมว.แรงงาน และคณะ เยี่ยมแรงงานไทยที่โมชาฟ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิสราเอล ตรวจสอบพบแรงงานไทยส่วนน้อยยังมีพฤติกรรมดื่มเหล้าและพัวพันกับยาเสพติด กำชับ ฝ่ายแรงงานฯ ดูแลใกล้ชิด หากดื้อดึงพร้อมส่งตัวกลับไทย รมว.แรงงาน ย้ำฝากคนงานรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไม่ยุ่งเกี่ยวสิ่งเสพติด อบายมุข พร้อมมอบสิ่งของเป็นขวัญและกำลังใจแก่แรงงานไทย

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2561 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานพร้อมด้วย นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน และนางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน และคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมแรงงานไทยที่โมชาฟ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอล ทั้งนี้ จากกรณีที่ก่อนหน้านี้สื่อมวลชนบางสำนักได้นำเสนอข่าวระบุว่า แรงงานไทยในอิสราเอล ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกละเมิดสิทธิ์ และได้รับค่าตอบแทนต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด สภาพการทำงานไม่ตรงตามสัญญา และมีสภาพที่อยู่อาศัยไม่ถูกสุขลักษณะ และไม่ปลอดภัยจากภัยสงครามนั้น รมว.แรงงาน และคณะจึงได้เดินทางมาตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของแรงงานด้วยตนเอง พร้อมทั้งรับฟังสภาพปัญหา และตรวจเยี่ยมที่พักของอาศัยของแรงงานที่นายจ้างสร้างให้ใหม่ หลังจากที่เกิดปัญหาร้องเรียนเรื่องที่พักไม่เหมาะสม

พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวว่า จากการตรวจสอบและพูดคุยกับแรงงาน พบว่า นายจ้างที่นี่ดูแลแรงงานไม่ค่อยดี รวมทั้งสภาพแวดล้อมก็ไม่ดี และที่สำคัญยังพบว่าแรงงานถูกนายจ้างตำหนิว่าชอบดื่มเหล้าจนบางครั้งเป็นเหตุให้ไม่สามารถตื่นเช้ามาทำงานได้ตามปกติ แม้จะเป็นส่วนน้อยสำหรับแรงงานไทยที่ชอบดื่มเหล้าและเข้าไปเกี่ยวพันกับยาเสพติดและการพนัน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะตั้งใจทำงานดี รมว.แรงงาน จึงได้กำชับให้ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟดูแลอย่างใกล้ชิด หากพบว่า คนงานยังดื้อดึงจะขอให้มีการส่งตัวกลับในทันที ส่วนกรณีที่นายจ้างไม่ดูแลคนงานตามระเบียบคนงานก็สามารถยื่นขอเปลี่ยนนายจ้างได้เช่นกัน

โอกาสเดียวกันนี้ รมว.แรงงาน และคณะ ยังได้มอบสิ่งของเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แรงงานไทย นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องแรงงาน กรณีมีการสู้รบตามแนวชายแดนชนวนกาซา ตรวจชายแดน และตรวจเชลเตอร์หลบภัย โดย รมว.แรงงาน ได้กล่าวให้โอวาทแก่แรงงานไทยที่มาให้การต้อนรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ฝากความห่วงใยมายังแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลทุกคน โดยเฉพาะข้อห่วงใยเรื่องสุขภาพและการเจ็บป่วย ที่ต้องรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด สิ่งมึนเมา การพนันและอบายมุข ได้ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงาน รู้จักอดออม เก็บเกี่ยววิชาความรู้และประสบการณ์ทำงานไปต่อยอดในการประกอบอาชีพเมื่อเดินทางกลับไปยังประเทศไทย

ที่มา: กระทรวงแรงงาน, 23/12/2561

กทม.จะจ่ายโบนัสปี 2561 ให้บุคลากรรวม 2,565,129,310 บาท 1.4-1.5 เท่าเงินเดือน

มีรายงานข่าวว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้เห็นชอบอัตราการจัดสรรเงินรางวัล ประจำปี 2561 ให้กับข้าราชการและลูกจ้าง กทม. เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน ตามแนวทางการจ่ายเงินรางวัลระดับบุคคลในอัตรา 1.5 เท่าของเงินเดือน และอัตรา 1.4 เท่าของเงินเดือนตามลำดับ โดยสรุปเป็นจำนวนเงิน รวมทั้งสิ้น 2,565,129,310 บาท แบ่งเป็นข้าราชการสามัญและลูกจ้าง 1,870,753,960 บาท และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กทม. และลูกจ้าง จำนวน 694,375,350 บาท

รายงานข่าวแจ้งว่า ในจำนวน 19 หน่วยงานของ กทม.ที่ได้รับเงินโบนัสในครั้งนี้หน่วยงานที่ได้มากที่สุดคือ สำนักการแพทย์ 218,834,600 บาท สำนักอนามัย 137,852,660 บาท สำนักการระบายน้ำ 110,762,450 บาท สำนักสิ่งแวดล้อม 99,282,940 บาท สำนักการโยธา 70,608,760 บาท สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 60,245,500 บาท เป็นต้น ขณะที่ในส่วนสำนักงานเขตนั้น กทม.จ่ายเงินรางวัลให้กับสำนักงานเขต ทั้ง 50 เขต รวม 1,659,841,630 บาท โดยเขตที่ได้รับจัดสรรเงินรางวัลมากที่สุด ได้แก่ เขตลาดกระบัง 62,569,200 บาท เขตบางขุนเทียน 59,997,040 บาท เขตหนองจอก 59,531,090 บาท ส่วนเขตที่ได้รับจัดสรรเงินรางวัลน้อยที่สุด ได้แก่ เขตสัมพันธวงศ์ 14,250,530 บาท

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์, 21/12/2561

'ไทย-อิสราเอล' เจรจาเรื่องแรงงาน อิสราเอลรับปากดูแลสวัสดิการ สุขภาพ ที่พักอาศัยของแรงงานไทย

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2561 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน และคณะ หารือข้อราชการกับ Mr.Aryeh Deri รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอล ณ ห้องประชุมกระทรวงมหาดไทยอิสราเอล กรุงเยรูซาเร็ม โดย รมว.แรงงาน ได้กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอลที่ให้โอกาสเข้าพบหารือและขอบคุณรัฐบาลอิสราเอลที่ได้เปิดโอกาสให้แรงงานไทยจำนวนมากเข้ามาทำงานในประเทศอิสราเอลช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา

ทำให้สามารถสร้างรายได้ส่งเงินกลับประเทศไทยเพื่อจุนเจือครอบครัว ได้รับประสบการณ์และการเรียนรู้เทคโนโลยีภาคเกษตรชั้นสูงของอิสราเอล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกลับไปเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการ Start up ด้านการเกษตร ช่วยขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล รวมทั้งขอบคุณ PIBA ที่ได้ดูแลและคุ้มครองแรงงานไทยร่วมกับฝ่ายแรงงานฯ มาโดยตลอด

พล.ต.อ.อดุลย์ฯ ได้กล่าวถึงผลการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอิสราเอล ว่ารัฐบาลอิสราเอลได้ผ่านสภาเห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนปิซูอิม (Deposit Fund) ที่กำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุน เมื่อคนงานทำงานครบสัญญาจ้างงาน จะได้รับเงิน 1 เดือนต่อการทำงานครบ 1 ปี นอกจากนี้ รมว.แรงงานของไทยยังได้ฝากเจ้าหน้าที่ดูแลคุ้มครองแรงงานไทยโดยขอให้ดำเนินการต่อนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และให้มีการ Black list ต่อนายจ้างที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมายด้วย

ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยืนยันที่จะดูแลสวัสดิการ สุขภาพ ที่พักอาศัยของแรงงานไทย ทั้งนี้ ได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบนายจ้างให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนปัญหายาเสพติดนั้น ซึ่งทั้งสองฝ่ายเข้มงวดตรวจสอบแรงงานไทยทั้งก่อนเดินทางและหลังจากที่เดินทางอิสราเอลแล้ว ส่วนประเด็นสลิปเงินเดือนจะบังคับให้บริษัทจัดหางานจัดทำเป็นภาษาไทยให้คนงานได้รับทราบและเข้าใจ ขณะเดียวกัน รมว.มหาดไทยอิสราเอลรับที่จะพิจารณาในการเพิ่มโควตานำเข้าแรงงานไทยไปทำงานในอิสราเอลเพิ่มขึ้นอีกด้วย

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า การเดินทางเยือนอิสราเอลในครั้งนี้ เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ด้านแรงงานระหว่างไทยและอิสราเอล ติดตามสถานการณ์ปัญหาความไม่สงบและภัยคุกคามของอิสราเอล รวมทั้งเยี่ยมเยียน สร้างขวัญและกำลังใจให้กับแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอล โดยเฉพาะแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ใกล้กับพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือและฉนวนกาซ่า

วันเดียวกัน พล.ต.อ.อดุลย์ รมว.แรงงาน ยังได้หารือร่วมกับ Mr.HAIM KATZ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สวัสดิการ และบริการสังคมของอิสราเอล เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาแรงงานไทยประสบปัญหาการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างอิสราเอลและการไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างในเรื่องค่าจ้าง จึงอยากให้กระทรวงแรงงาน สวัสดิการและบริการสังคมอิสราเอลเร่งหามาตรการเพื่อคุ้มครองสิทธิของแรงงานไทย และบังคับให้นายจ้างปฏิบัติตามสัญญาจ้างอย่างเคร่งครัด การเพิ่มช่องทางร้องทุกข์ของแรงงานไทย การพิจารณาการดำเนินการเพิ่มบทลงโทษและการสั่งปรับนายจ้างที่ฝ่าฝืน

รวมทั้งการพิจารณายกเลิกโควตาจ้างแรงงานต่างชาติสำหรับนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และเพิ่มระดับความเข้มงวดกวดขันเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด เพื่อให้แรงงานไทยได้รับการคุ้มครองและได้รับสิทธิตามกฎหมายอิสราเอล โดยไม่ต้องเกิดปัญหาฟ้องร้องกับนายจ้าง และยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ต่อไป

ที่มา: ข่าวสด, 21/12/2561

สรุปผลการเข้าพบ 'คณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย' ของ 'สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย'

ด้วยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการและให้ความร่วมมือเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจ และเพื่อเป็นการส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บริหารกับสหภาพแรงงานฯ อันเป็นบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 74 และเป็นวัตถุประสงค์ตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 มาตรา 40 คณะกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟฯ จึงมีความประสงค์ขอเข้าพบท่านประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย(นายกุลิศ สมบัติศิริ) เพื่อรับทราบนโยบายด้านต่างๆพร้อมขอทราบความชัดเจนในบางประเด็นที่สมาชิก สร.รฟท. พนักงานการรถไฟฯ และสังคมให้ความสนใจดังนี้

1.เรื่องขอให้การรถไฟฯถอนการบังคับคดีค่าเสียหายอันเกิดจากการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน ( นายภิญโญ เรือนเพ็ชร กับพวกรวม ๗ คน) ซึ่งการอายัดเงินค่าจ้าง/เงินเดือน ทำให้เกิดความเดือดร้อนในการดำรงชีพแก่ผู้นำสหภาพทั้ง 7 คน และได้เสนอเรื่องเข้าวาระพิจารณาของการประชุมคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์การรถไฟแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 5/2561 เมื่อวันพุธที่ 14 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเห็นว่าอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จะพิจารณาถอนการบังคับคดี หรือการตัดจำหน่ายบัญชีลูกหนี้

ในเรื่องนี้ทางประธานกรรมการรถไฟฯชี้แจงว่าทางคณะกรรมการรถไฟมีความเห็นใจและยินดีให้ความช่วยเหลือ รับข้อเสนอของทาง สร.รฟท.แล้วจะดำเนินการตั้งคณะทำงานหลังจากปีใหม่ เพื่อพิจารณาเรื่องการงดบังคับคดี ซึ่งหากมีข้อกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ รองรับไว้ ก็จะเร่งรัดนำเข้าวาระพิจารณาของคณะกรรมการรถไฟฯ และหากทาง สร.รฟท.มีกรณีที่เกี่ยวข้องที่เคยมีการปฏิบัติในการงดบังคับคดีมาเทียบเคียง ขอให้นำเสนอรายละเอียดข้อมูลมาพิจารณาร่วมกับทางคณะทำงานในช่วงหลังปีใหม่ต่อไป

2.เรื่องแนวนโยบายการบริหารจัดการเรื่องที่ดินเพื่อประโยชน์สูงสุดของการรถไฟฯทั้งที่ได้จัดหาประโยชน์แล้ว จำนวนสัญญาเช่า สัญญาหมดอายุ ที่ดินที่เป็นข้อพิพาท และที่ดินแปลงใหญ่เช่นที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นที่ดินแปลงใหญ่จำนวน 5,083 ไร่ ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำเนินงานของการรถไฟฯ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นที่สนใจและติดตามของพนักงานและประชาชนทั่วไป การบริหารจัดการที่ดินรวมถึงการเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องเอกสารสิทธิ (โฉนด) เพราะบางพื้นที่เช่น บริเวณเขากระโดงเป็นเพียงแนวเขตแสดงพื้นที่ของการรถไฟฯแต่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งมีบางพื้นที่มีผู้บุกรุกได้ดำเนินการหาวิธีในการออกเอกสารสิทธิ์บนที่ดินของการรถไฟฯ

ทางประธานกรรมการรถไฟฯรับเรื่องไปดำเนินการ โดยจะนำกรณีของการพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีแม่น้ำ มาเป็นต้นแบบนำร่อง เพื่อนำไปพัฒนาที่ดินในส่วนของบริเวณเขากระโดงทั้งหมดจำนวน 5,083 ไร่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการรถไฟฯต่อไป

3.เรื่องดำเนินการเปิดรับพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2541 โดยให้สามารถรับพนักงานเพิ่มได้เฉพาะในปีแรกของกรอบอัตรากำลัง (ปี 2562) จำนวนไม่เกิน 1,904 อัตรา ซึ่งต้องเร่งรัดรับพนักงานการรถไฟฯโดยทำการบรรจุนักเรียนวิศวกรรมรถไฟ และลูกจ้างเฉพาะงานของการรถไฟฯ เพื่อเข้ามาเติมในหน่วยงานด้านปฏิบัติการ เช่น พนักงานขับรถ ช่างเครื่อง นายสถานี พนักงานขบวนรถ ช่างซ่อมบำรุง งานด้านโยธา การซ่อมบำรุงทาง อาณัติสัญญาณโทรคมนาคม และงานด้านสนับสนุน ซึ่งปัจจุบันอัตรากำลังดังกล่าวมีไม่เพียงพอต่อปริมาณงานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้พนักงานต้องทำงานหนักขึ้น ตรากตรำไม่มีเวลาพักผ่อน ขบวนรถหลายขบวนมีพนักงานทำการตามหน้าที่ไม่ครบตามจำนวน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย เกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อการรถไฟฯและประชาชนผู้ใช้บริการ และทำให้การรถไฟฯมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เช่น ค่าทำงานวันหยุด ค่าล่วงเวลา ค่าตอบแทนพิเศษ และเป็นอุปสรรคในการพัฒนาบุคลากร เพื่อพัฒนากิจการการรถไฟฯ จึงขอให้การรถไฟเร่งรัดทำการบรรจุนักเรียนวิศวกรรมรถไฟ และลูกจ้างเฉพาะงานของการรถไฟฯ เป็นพนักงานการรถไฟฯ เพื่อให้การเพิ่มอัตรากำลังของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทยในปี 2562 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ในเรื่องของอัตรากำลัง ทางประธานกรรมการรถไฟฯแจ้งให้ทราบว่าอยู่ในวาระเร่งรัดติดตามของบอร์ด ซึ่งจะนำข้อมูลของทาง สร.รฟท.ที่เน้นในเรื่องของการบรรจุพนักงานด้านปฏิบัติการก่อน เพื่อนำไปพิจารณาประกอบกับแผนฟื้นฟูกิจการของการรถไฟฯเพื่อนำเสนอให้ คนร.เห็นชอบต่อไป

4.เรื่องพิจารณาโครงการจัดหาหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าขนาด 16 ตันเพลา จำนวน 50 คัน พร้อมอะไหล่ เนื่องจากในปัจจุบันการรถไฟฯ มีหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าอยู่ 140 คัน แต่สภาพสมบูรณ์เพียง 50-60  เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหัวรถจักรดังกล่าวมีอายุการใช้งานมานาน 40-50 ปี จึงยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในการใช้งานในแต่ละวัน ประกอบกับค่าซ่อมบำรุงรักษามีราคาสูงดังนั้นจึงต้องเร่งจัดหารถจักรให้เพียงพอต่อการใช้งานซึ่งจะไปรองรับทางคู่ที่จะแล้วเสร็จประมาณปี 2563 เส้นชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และ ชุมทางแก่งคอย-ชุมทางคลองสิบเก้า-ชุมทางฉะเชิงเทรา ซึ่งโครงการจัดหาหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อการรถไฟฯเป็นอย่างมาก

5.เรื่องขอให้เร่งรัดการดำเนินโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 186 คัน พร้อมอะไหล่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ได้ขอเสนอจัดซื้อไปนั้นยังไม่มีความคืบหน้าซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมมายังการรถไฟแห่งประเทศไทย และการรถไฟฯได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องยืนยันการดำเนินโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 186 คันพร้อมอะไหล่ของการรถไฟฯ

ทางประธานคณะกรรมการรถไฟฯชี้แจงว่า ทั้งในเรื่องของการจัดซื้อรถจักร และรถดีเซลรางนั้น ซึ่งอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการรถไฟฯ โดยได้มีการเร่งรัดในที่ประชุมบอร์ดทุกครั้งเพื่อให้เป็นไปตามแผนงานและให้สอดคล้องทันกับโครงการรถไฟทางคู่ และโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงที่จะแล้วเสร็จในช่วงปี 2564-2565 ทั้งนี้ในกระบวนการจัดซื้อรถจักร และรถดีเซลรางนั้น ต้องได้รับความเห็นชอบจาก คนร. (ซุปเปอร์บอร์ด) ด้วย

6.ขอให้เร่งรัดจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้กับพนักงานและลูกจ้างเฉพาะงานที่จ้างตามกรอบอัตรากำลังที่การรถไฟฯ กำหนด(ที่มีเลขประจำตัว)เพื่อให้พนักงานและลูกจ้างของการรถไฟฯที่มีรายได้น้อยได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้น ให้เพียงพอต่อการดำรงชีพและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับสูงขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำส่วนราชการ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2558 ประกาศ ณ วันที่ 17 ก.พ. 2558 ซึ่งการรถไฟฯยังไม่ได้จ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจให้กับพนักงานและลูกจ้างเฉพาะงานของการรถไฟฯ

ทางประธานคณะกรรมการรถไฟฯชี้แจงว่า ในเรื่องของจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้กับพนักงานและลูกจ้างเฉพาะงานนั้น อยู่ในวาระติดตามของบอร์ด โดยให้ทางการรถไฟฯนำเสนอข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทางบอร์ดประกอบการพิจารณาต่อไป

7. เรื่องการปรับโครงสร้างภายในของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายใน ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงภาพการจ้าง ซึ่งมีบันทึกข้อตกลงสภาพการจ้าง ระหว่างการรถไฟฯ กับ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟฯ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2550 ข้อ 18 โดย“การรถไฟฯตกลง ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรของการรถไฟฯ ต้องทำความตกลงกับสหภาพแรงงานฯก่อน ทุกกรณี” ดังนั้น ในกรณีของการปรับโครงสร้างภายในของการรถไฟฯ ซึ่งจะมีผลต่อกระทบต่อสภาพการจ้างและการทำงานของพนักงาน หากมีการพิจารณาในเรื่องนี้ขอให้ทาง สร.รฟท.ได้เข้าไปรับทราบรายละเอียดต่างๆของการเปลี่ยนแปลงด้วย เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงสภาพการจ้าง และเสริมสร้างแรงงานสัมพันธ์ที่ดีในการทำงานต่อไป

ทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.)โดยนายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธาน สร.รฟท. ได้กล่าวขอบคุณประธานกรรมการรถไฟฯ และคณะกรรมการรถไฟฯทุกท่าน รวมทั้งรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ และผู้บริหาร ที่ให้โอกาสทาง สร.รฟท.เข้ามาชี้แจงข้อมูล ข้อเท็จจริง และทาง สร.รฟท.มีความยินดีให้ความร่วมมือกับทางคณะกรรมการรถไฟฯ และผู้บริหารการรถไฟฯในดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและรักษาผลประโยชน์ของการรถไฟฯ ต่อไป

ที่มา: สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย, 20/12/2561  

กสร.เปิดเวทีถก ร่าง พ.ร.บ. แรงงานนอกระบบ

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ รับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาแรงงานนอกระบบแห่งชาติ พ.ศ. .... ในวันพุธที่ 19 ธ.ค. 2561 โดยมีแรงงานนอกระบบ ผู้นำกลุ่มต้นแบบแรงงานนอกระบบ นักวิชาการ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 240 คน เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมบางกอกชฎา กรุงเทพฯ ซึ่งการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจถึงหลักการ เหตุผลและเนื้อหาสาระของร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว พร้อมรับฟังความเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้เสียเพื่อจะได้นำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงและพัฒนาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว โดยมุ่งหวังให้แรงงานนอกระบบได้รับการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งเกิดประโยชน์สูงสุดต่ออย่างแท้จริง

นายทศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า แรงงานนอกระบบ เป็นกลุ่มแรงงานที่มีความหลากหลาย ทั้งประเภทอาชีพ สถานะทางเศรษฐกิจ สถานที่ทำงาน ความเสี่ยง ความมั่นคง และสภาพปัญหาของแต่ละกลุ่ม ซึ่งที่ผ่านมา กสร. มีกฎหมายที่ดูแลแรงงานนอกระบบ 3 กลุ่ม คือ ลูกจ้างทำงานบ้าน ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2555) ลูกจ้างในงานเกษตร ซึ่งมิได้มีการจ้างงานตลอดทั้งปี ตามกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานเกษตรกรรม พ.ศ. 2557 และกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2553 แต่ยังไม่มีกฎหมายในลักษณะที่ให้การส่งเสริมดูแลสวัสดิการต่าง ๆ รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบทุกกลุ่ม ดังนั้น การคุ้มครองดูแลจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วนเพื่อให้ครอบคลุมทุกด้าน

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 20/12/2561

“จ๊อบไทย” แนะ 4 เทคนิค ผสานชีวิตทำงานและส่วนตัวเข้าด้วยกัน “Work-Life Integration”

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการของจ๊อบไทย (JobThai) ผู้นำด้านการหางาน สมัครงานออนไลน์ แนะนำ 4 เทคนิคเปลี่ยนองค์กรเป็น “Work-Life Integration” เพื่อมัดใจคนทำงานยุคใหม่และเป็นทางเลือก สำหรับการปรับตัวรองรับรูปแบบการทำงานในอนาคต

1. เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Hours) เริ่มต้นกันที่เรื่องของเวลาในการทำงาน เพราะแนวคิดแบบ “Work-Life Integration” จะเน้นที่ประสิทธิภาพงานมากกว่าเวลาเข้า-ออก ซึ่งหลายบริษัทในประเทศไทยเริ่มนำเทคนิคนี้มาปรับใช้กันมากขึ้น โดยการให้พนักงานจัดสรรชั่วโมงในการทำงานด้วยตัวเอง เช่น คนที่ชอบตื่นเช้า (Early Bird) เข้างานเร็ว และเลิกงานเร็วขึ้น เพื่อไปทำกิจกรรมตามที่ต้องการ หรือคนที่ชอบใช้ชีวิตกลางคืน (Night Owl) มักจะไม่มีสมาธิกับการทำงานในช่วงกลางวัน ก็อาจจะเข้างานสายหน่อยแต่กลับค่ำกว่าคนอื่น ๆ เป็นต้น ดังนั้นการจัดสรรเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น จะช่วยให้พนักงานได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ตามแบบที่เขาต้องการ

2. ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Remote Working) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เราเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่ไร้พรมแดน การเข้าออฟฟิศเพื่อนั่งทำงานไม่ใช่สิ่งสำคัญสูงสุดอีกต่อไป เพราะแค่มีโน้ตบุ๊คสักเครื่องและอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำงานจากมุมไหนของโลกได้แล้ว ซึ่งบริษัทในองค์กรประเภทสตาร์ทอัพ (Startup) เริ่มนำเทคนิคนี้ไปปรับใช้กันแล้ว ในขณะเดียวกันพนักงานเองก็ต้องมีความรับผิดชอบและจัดตารางการทำงานของตัวเองให้ดี เพราะทั้งเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นและทำงานจากที่ไหนก็ได้ ทำให้เราอยู่ในกฎระเบียบของบริษัทน้อยลง หากไม่จัดการตารางชีวิตให้ดีก็อาจส่งผลกระทบกับการทำงานส่วนอื่น ๆ ได้

3. สวัสดิการและสิทธิพิเศษที่เลือกได้ (Customizable Perks) เป็นการให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นรายบุคคลมากขึ้น เพราะพนักงานแต่ละคนล้วนมีความสนใจที่แตกต่างกัน บางคนชอบดนตรีและความบันเทิง อาจต้องการส่วนลดบัตรคอนเสิร์ตหรือบัตรชมภาพยนตร์ บางคนอยากได้เงินสนับสนุนค่าสมาชิกฟิตเนส หรือบางคนก็ต้องการวันลาพักร้อนที่มากกว่าปกติ ดังนั้นการให้พนักงานเลือกสวัสดิการและสิทธิพิเศษอื่น ๆ ด้วยตัวเองได้นั้น นอกจากจะช่วยจูงใจให้คนอยากเข้ามาทำงานกับองค์กรแล้ว ยังเป็นวิธีที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรใส่ใจในตัวของพนักงาน ซึ่งจะช่วยรักษาคนที่มีศักยภาพไว้ได้อีกด้วย

4. สร้างโอกาสทางการเรียนรู้ (Invest in Training) เพราะโลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะคนยุคมิลเลนเนียลที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในหลาย ๆ องค์กร ซึ่งคนเหล่านี้มีความรู้สึกว่าหากบริษัทสนับสนุนการเติบโตของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นการเปิดคอร์สอบรมภายในบริษัท การส่งพนักงานไปอบรมหรือศึกษาดูงาน รวมถึงการสนับสนุนค่าเรียนพิเศษเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับงาน จะช่วยให้เขาสามารถพัฒนาตัวเองและเติบโตไปพร้อมกับองค์กรได้นั่นเอง

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเทคนิคบางส่วนในการเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็น “Work-Life Integration” ซึ่งแต่ละองค์กรสามารถนำไปเป็นแนวทางในการปรับใช้ให้เหมาะสม เพื่อรองรับกับพฤติกรรมและค่านิยมของคนทำงานที่กำลังเปลี่ยนไป เพราะหากองค์กรมีแรงจูงใจที่เหมาะสมจะทำให้คนรุ่นใหม่เกิดความพึงพอใจกับงานและมีทัศนคติที่ดีกับองค์กร ซึ่งส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ส่วนคนทำงานเองเมื่อองค์กรให้ความอิสระก็ต้องมีความรับผิดชอบพร้อมทั้งต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้มีทักษะที่เหมาะกับงานและสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้

อย่างไรก็ตาม จ๊อบไทยยังมีบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อคนทำงานอีกมากมาย โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.jobthai.com

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 19/12/2561

'ไทยรัฐ' ลด พนง. สมัครใจลาออกได้เงินชดเชย 10 เดือน เป้าหมาย 15%

มีรายงานว่า "ไทยรัฐ" ได้ออกประกาศเป็นการภายใน เรื่อง "โครงการลาออกด้วยความสมัครใจ โดยได้รับความช่วยเหลือ" โดยเนื้อหาระบุว่า "ด้วยปัจจุบันสถานการณ์สิ่งพิมพ์ของบริษัทฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายต่อสภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมการบริโภคสื่อของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้สภาพทางธุรกิจของบริษัทฯ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

"แม้ว่าบริษัทฯ จะได้พยายามประคับประคองธุรกิจสิ่งพิมพ์ในทุกวิถีทางอย่างถึงที่สุดแล้วก็ตาม บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องลดโครงสร้างและอัตรากำลังคน เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้ บริษัทฯ จึงมีนโยบายให้พนักงานสมัครเข้าโครงการลาออกด้วยความสมัครใจ"

ทั้งนี้ ในเนื้อหายังแจ้งให้พนักงานที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถส่งแบบฟอร์มแสดงความจำนงค์ตั้งแต่ 17-30 ธ.ค.2561 นอกจากนี้ได้ระบุถึงพนักงานอายุงานตั้งแต่ 120 วันไปถึง 10 ปีขึ้นไป โดยมีเงินช่วยเหลือเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30-300 วัน จะได้รับเงินช่วยเหลือวันที่ 30-31 ม.ค. 2562 ก่อนต้องพ้นสภาพความเป็นพนักงานวันที่ 1 ก.พ.2562 ประกาศเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2561 ทั้งนี้มีกระแสข่าวด้วยต้องการให้พนักงานทั้งเครือไทยรัฐสมัครใจจำนวน 15% ซึ่งถ้าสมัครใจไม่ครบ ก็จะใช้วิธีอื่นๆ

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 17/12/2561

รัฐเตรียมลงนาม 11 หน่วยงานดูแลสวัสดิการประชาชน ตั้งแต่เกิด-ตาย 19 ธ.ค. 2561 นี้

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2561 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวัน 19 ธันวาคมนี้ เวลา 14.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล จะมีการจัดงาน “สร้างสุขทุกช่วงวัย : สวัสดิการแห่งรัฐ” ซึ่งเป็นอีกงานหนึ่งที่มีความสำคัญมากของรัฐบาลในการต่อสู้ลดความเหลื่อมล้ำ ส่วนสาเหตุที่ต้องจัดงานนี้ขึ้น เนื่องจากสวัสดิการของภาครัฐที่ดูแลประชาชนในปัจจุบัน มีอยู่มาก ครอบคลุมตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งหลายคน ๆ ยังคงไม่ทราบว่าเราสามารถใช้สิทธิอะไรบ้าง รวมถึงไม่ทราบว่าจะไปติดต่อที่ไหน และที่สำคัญไปยิ่งกว่านั้น คือ ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีใครมาสวมสิทธิเราอยู่หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเกี่ยวกับสวัสดิการของประชาชนทั่วประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้นรัฐบาลจึงได้จัดงานนี้ขึ้น โดยในงานดังกล่าวจะมีการลงนามบันทึกความร่วมมือข้อมูลสวัสดิการภาครัฐ ระหว่างหน่วยงานที่ดูแลสวัสดิการประชาชนทุกประเภท จำนวน 11 หน่วยงาน 10 กระทรวง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงการคลัง สำนักงานประกันสังคม เป็นต้น โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และในวันดังกล่าวจะมีการถ่ายทอดสด (LIVE) เพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้ติดตามรับชมด้วย

นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ภายในงานดังกล่าว จะมีการจัดแสดงสวัสดิการภาครัฐด้านต่าง ๆ มากกว่า 40 ประเภท แบ่งเป็นด้านสำคัญต่าง ๆ ซึ่งเป็นสวัสดิการภาครัฐในด้านต่าง ๆ เช่น สวัสดิการสำหรับเด็กและครอบครัว สวัสดิการสำหรับวัยเรียน สวัสดิการสำหรับวัยแรงงาน สวัสดิการสำหรับผู้ป่วย สวัสดิการสำหรับผู้มีรายได้น้อย สวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ เป็นต้น นอกจากนี้จะมีการสาธิตระบบ e-welfare ของกรมบัญชีกลาง ที่ประชาชนสามารถตรวจดูได้ว่าตนได้รับสวัสดิการอะไรอยู่บ้าง และระบบข้อมูลประชาชนเพื่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำแบบมุ่งเป้าด้วย

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 17/12/2561

จับชาวเกาหลีเปิดร้านอาหารบังหน้าลอบทำทัวร์เถื่อนพบโอเวอร์สเตย์ 3 ปี

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2561 พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 ร่วมกับ กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเกาหลี ประจำจังหวัดเชียงใหม่ แถลงผลการจับกุม นายอี จึง ซอง อายุ 56 ปี ชาวเกาหลีใต้ หลังชุดสืบสวนตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ สืบทราบว่า นายอี จึง ซอง อยู่ในราชอาณาจักรเกินที่กำหนด หรือ โอเวอร์สเตย์ นานถึง 2 ปี 8 เดือน และยังมีพฤติกรรมทำทัวร์เถื่อน ด้วยการเปิดรับจองกรุ๊ปทัวร์จากต่างประเทศและพานักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย

หลังเจ้าหน้าที่ติดตามพฤติกรรม ยังพบว่า ภรรยาของ นายอี จึง ซอง ยังเปิดร้านร้านอาหาร “อี รัง” หลังห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อรองรับลูกทัวร์ จึงประสานกับกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเกาหลี ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานเข้าจับกุมได้ที่ร้านอาหารอี รัง คุมตัวดำเนินคดีในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และ เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ กล่าวว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะเดินหน้าระดมกวาดล้างอาชญากรรมภายใต้ปฏิบัติการ Operation x-ray Outlaw Foreigner  โดยจะเพิ่มความเข้มข้นในช่วงรอยต่อของปีที่เป็นจังหวะก่อนการกระทำผิดกฎหมายของบุคคลต่างๆ กลุ่มต่างๆสำหรับการจับกุมชาวเกาหลีใต้รายนี้ จะมีการสืบสวนขยายผล หากพบว่า มีคนไทยมีส่วนให้การสนับสนุนหรือร่วมกระทำความผิด จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน ขณะที่ข้อมูลพบว่า ล่าสุดมีชาวเกาหลีใต้เข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ทั้งหมดราว 4 พันคน ซึ่ง ตม.เชียงใหม่ จะประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเอ็กซเรย์พฤติกรรม แต่ในส่วนของผู้ที่เดินทางเข้ามาและพำนักอย่างถูกกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็จะดูแลอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่

ที่มา: Sanook News, 17/12/2561

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท