Skip to main content
sharethis

ประธาน กกต. แถลงภาพรวมการเลือก ส.ว. ระดับประเทศโปร่งใส ได้ 200 รายชื่อเรียบร้อยแล้ว แต่จะเปิดเผยรายชื่อสู่สาธารณะหรือไม่ต้องพิจารณาก่อนเพราะกฎหมายไม่ระบุไว้ ด้านผู้สมัครแฉ ก่อนมาโหวตมีคนโทรหาเสนอเงิน 2 หมื่น แลกคะแนนเสียง

คลังภาพเว็บไซต์สำนักงาน กกต.

27 ธ.ค. 2561 มติชนออนไลน์ และผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ เวลา 14.15 น. อิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงสรุปภาพรวมการเลือก ส.ว.ระดับประเทศ ว่าในภาพรวมถือว่าการเลือก ส.ว.ระดับประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยผู้สมัคร ส.ว.ที่ผ่านเข้าสู่การเลือกระดับประเทศจำนวน 2,746 คน แบ่งเป็นสมัครด้วยตนเอง 2,294 คน องค์กรแนะนำรายชื่อ 452 คน โดยในวันนี้มารายงานตัว 2,675 คน ไม่มารายงานตัว 71 คน ส่วนการลงคะแนนและนับคะแนนเป็นไปตามที่ กกต.ได้วางแผนงานไว้ และดำเนินการเสร็จก่อนเวลาที่ได้คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ มีประเด็นการร้องเรียนเกิดขึ้นในกลุ่มที่ 4 หรือกลุ่มอาชีพกสิกรรม ปลูกพืชล้มลุก ทำนา ทำสวน ทำไร่ ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง ซึ่งกรรมการประจำหน่วยได้จดคำร้องเรียนเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาในขั้นตอนต่อไปแล้ว

อิทธิพรกล่าวอีกว่า ในการเลือก ส.ว.มีหลายกลุ่มได้รับเลือกโดยไม่ต้องจับสลาก และบางกลุ่มต้องตัดสินด้วยการวิธีจับสลาก ทำให้ได้ 200 รายชื่อจาก 10 กลุ่ม จาก 2 ประเภทการสมัคร หลังจากนี้ กกต.จะนำส่งรายชื่อให้คสช.คัดเลือกเหลือผู้ทำหน้าที่เป็น ส.ว.50 รายชื่อ และขึ้นบัญชีสำรอง 50 รายชื่อ โดยกฎหมาย มาตรา 96 วรรค 2 พรป.การได้มาซึ่ง ส.ว.กำหนดให้ กกต.รอไว้ 5 วันเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง เมื่อครบกำหนด กกต.จะส่งรายชื่อผู้ได้รับเลือกทั้ง 200 ราย เรียงเป็นลำดับตามผลคะแนนผู้ได้รับคะแนนสูงสุดตามรายกลุ่มและตามวิธีสมัคร

เมื่อถามถึงกรณีร้องคัดค้านผลการเลือก ส.ว. อิทธิพรกล่าวว่า ตามกฎหมายเปิดให้ร้องได้ภายใน 3 วัน ส่วนกรณีร้องในสถานที่เลือก เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงให้ผู้ร้องไปแจ้งต่อกรรมการประจำหน่วยเพื่อบันทึกคำร้อง ให้ถ้อยคำ พร้อมให้พยาน 2 รายลงชื่อ โดยสำนักงานฯจะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนกาพิจารณาของ กกต.ต่อไป

ส่วนกรณีผู้สมัครบางรายไม่พอใจเอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร หรือ ส.ว.18 ที่ภาพผู้สมัครสำเนาถ่ายเอกสารมาไม่ชัด จนอาจเป็นสาเหตุทำให้ไม่ได้รับเลือก อิทธิพรกล่าวว่า ในชั้นนี้เร็วเกินไปที่จะบอกว่าเป็นความผิดของใคร ข้อเท็จจริงยังมาไม่ถึงตน ต้องไปดูก่อนว่าใครทำให้รูปเป็นอย่างนั้น หากผู้สมัครเห็นว่าทำให้เกิดตวามไม่เป็นธรรม สามารถใช้ช่องทางที่กฎหมายกำหนดดำเนินการได้

เมื่อถามว่าร้องเรียนมีเป็นจำนวนมาก จะเป็นผลให้การเลือก ส.ว.เสียไปทั้งหมด และกระทบกับการเลือกส.ส. หรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่า เป็นคนละส่วนกัน ถ้าเห็นว่าการเลือก ส.ว.มีการทุจริตจนต้องสั่งให้เลือกใหม่ ก็กระทบเฉพาะ ส.ว.เท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง ส.ส. และขณะนี้ยังต้องรอ 5 วันเพื่อตรวจว่ามีการทุจริตหรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีความชัดเจนขึ้นว่าหากมีการทุจริตจะกระทบต่อการเลือก ส.ว.หรือไม่ และถึงแม้จะมีการทุจริตก็ไม่มีผลต่อการส่งรายชื่อให้ คสช.ล่าช้าเกินกำหนด เพราะกฎหมายกำหนดให้กกต.ส่งรายชื่อก่อนวันเลือกตั้ง ส.ส.15 วัน ก่อนถึงเวลาดังกล่าวกกต.จึงมีเวลาเพียงพอ หากพบว่ามีสิ่งไม่สุจริตเกิดขึ้น แต่โดยกระบวนการจับสลากในวันนี้ คิดว่าถูกต้องและโปร่งใสมากที่สุด ผู้สมัครก็เป็นสักขีพยานในการจับสลาก แต่ถ้ามีมูลการทุจริตก็ต้องเสนอให้ กกต.พิจารณา

อิทธิพรกล่าวอีกว่า สำหรับการประกาศ 200 รายชื่อ ที่ได้รับเลือกในระดับประเทศ กกต.จะพิจารณาว่าจะประกาศต่อสาธารณชนหรือไม่ เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ ระบุเพียงให้ กกต.เสนอรายชื่อต่อ คสช.เท่านั้น

ผู้สมัครโวย ก่อนมาลงคะแนนมีคนติดต่อให้เงิน 2 หมื่นแลกคะแนนเสียง

นอกจากนี้ ผู้จัดการออนไลน์ รายงานด้วยว่า การเลือก ส.ว. ในกลุ่มที่ 4 คือ กลุ่มอาชีพ กลุ่มอาชีพทำนา ปลูกพืชล้มลุก ทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง มีผู้สมัครร้องคัดค้านเพราะเชื่อว่ามีการซื้อเสียงเกิดขึ้น

โดยระหว่างที่กลุ่ม 4 นับคะแนนใกล้เสร็จสิ้น นายบุญยืน ขาวปากช่อง ผู้สมัคร ส.ว.กลุ่มที่ 4 จังหวัดชุมพร ลุกขึ้นโวยวายและร้องคัดค้านผลการคัดเลือก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าห้ามปราม สอบถามถึงเหตุผลและได้เชิญมาบันทึกคำร้องไว้ ทำให้การคัดเลือกกลุ่มดังกล่าวเสร็จสิ้นเป็นกลุ่มสุดท้าย 

บุญยืนเปิดเผยว่า ก่อนจะมีการคัดเลือก ส.ว.มีโทรศัพท์เข้ามาหาตนเสนอเงินให้ 2 หมื่นบาท ตนไม่รับและบอกว่าเสียงละล้านตนก็ไม่ขาย แต่เมื่อตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์จากสมุดข้อมูลเอกสารแนะนำตัวของผู้สมัคร ส.ว.กกต.มอบให้กลับปรากฏไม่มีเบอร์ดังกล่าว เป็นการซื้อเสียง เพื่อไม่ให้ถึงตัวเอง ทุกอย่างโกงกันหมด การซื้อเสียงซื้อได้ในระดับประเทศ ถ้าซื้อระดับจังหวัดซื้อไม่ได้ ที่เขากล้าซื้อเพราะมีตัวใหญ่ๆ อยู่ข้างหลังค่อยชี้ไว้อยู่ไว้แล้ว ถ้าเข้าไปได้ก็ได้แน่นอน 

“ผมมาอยู่ที่ กทม.วันที่ 25 ธ.ค.แล้วมีคนโทร.มาหาเมื่อคืนวันที่ 26 ธ.ค. โทร.มาบอกว่าจะให้เสียงละ 2 หมื่น ผมบอกว่าเสียงละล้านผมก็ไม่ขาย ได้ไม่ได้ตรงนี้ผมก็ไม่ว่า เขาไม่ได้บอกชื่อ หรือบางทีเขาก็บอกแต่เราจำไม่ได้ เพราะว่าผมหูร้อน บางคนจะออกค่าเครื่องให้ด้วยซ้ำไป และไม่ได้บอกเบอร์เพราะไม่อยู่ในขั้นตอนที่จะซื้อผมได้ ในเมื่อซื้อไม่ได้ก็ต้องจบ” บุญยืน กล่าว 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net