Skip to main content
sharethis

ตำรวจที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน ได้นัดหมาย กาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์ นักกิจกรรม พร้อมเพื่อนอีก 1 ราย ให้ไปรับโทรศัพท์มือถือคืน หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจยึดมือถือของทั้งสองคนไว้ตรวจสอบ ขณะที่กาณฑ์ได้ไลฟ์ถ่ายทอดสดการดำเนินการย้ายอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ

ขอบคุณภาพที่ไร้อนุสาวรีย์ฯ โดย May Poonsukcharoen บันทึกเมื่อเวลา 12.31 วันที่ 28 ธ.ค.2561

29 ธ.ค.2561 จากกรณีเมื่อกลางดึกคืนวานนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีกระบวนการย้ายอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญหรืออนุสาวรีย์ปราบกบฏบวรเดช 2476 ตั้งอยู่กลางบริเวณวงเวียนหลักสี่ ย่านบางเขน กทม. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารควบคุมสถานการณ์บริเวณดังกล่าว พร้อมการกักตัวประชาชนรวมทั้งผู้สื่อข่าวบางสำนักที่พยายามเข้าไปบันทึกเหตุการณ์การย้ายอนุสาวรีย์ฯ ดังกล่าวนั้น โดยหนึ่งในผู้ถูกกักตัวคือ กาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์ นักกิจกรรมทางการเมือง ขณะเข้าไปบันทึกเหตุการณ์เคลื่อนย้ายอนุสาวรีย์ฯ ดังกล่าว ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวขณะถ่ายทอดสด และลบวิดีโอคลิปดังกล่าวด้วย 

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. เวลา 9.33 น. กาณฑ์ โพสต์เฟสบุ๊คว่า ตนกลับถึงบ้านปลอดภัยดี แต่โทรศัพท์ยังถูกยึดอยู่ จนกระทั่ง 20.13 น. ที่ผ่านมา เขาโพสต์เฟสบุ๊คอีกว่า ได้รับโทรศัพท์คืนแล้ว 

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเพิ่มเติมว่า เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน ได้นัดหมาย กาณฑ์ พร้อมเพื่อนอีก 1 ราย ให้ไปรับโทรศัพท์มือถือคืน หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจยึดมือถือของทั้งสองคนไว้ตรวจสอบ และเมื่อทั้งสองคนได้รับโทรศัพท์มือถือคืนแล้ว จึงได้เดินทางกลับในเวลาประมาณ 19.30 น.

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการระบุสาเหตุว่าการไลฟ์ถ่ายทอดสดการเคลื่อนย้ายอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญดังกล่าวนั้น “น่าจะใช้ข้อมูล ภาพในโทรศัพท์ไปใช้ในทางที่อาจก่อให้เกิดภัยต่อความมั่นคง ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายได้” พร้อมทั้งได้ทำการตรวจยึดโทรศัพท์ทั้งสองเครื่อง และลบภาพการเคลื่อนย้ายอนุสาวรีย์ออกจากโทรศัพท์ จากนั้นจึงปล่อยตัวทั้งสองคน พร้อมนัดหมายให้มาพบอีกครั้งในเวลา 18.00 น.

เมื่อทั้งสองคนได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลบางเขนอีกครั้งตามนัดหมาย ได้พบกับพันตำรวจเอกอำนาจ อินทรศวร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางเขน โดยก่อนเจ้าหน้าที่จะคืนโทรศัพท์ให้ทั้งสองคน ตำรวจได้ขอให้ทั้งสองเปิดมือถือตรวจสอบอีกครั้งว่ามีการติดต่อพูดคุยเพื่อล้มล้างใดๆ หรือไม่ เมื่อทั้งสองคนยินยอมให้มีการตรวจสอบและไม่พบการกระทำความผิดใด เจ้าหน้าที่จึงได้คืนโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องให้

อย่างไรก็ตามระหว่างการสอบถาม พ.ต.อ.อำนาจ ได้ปฏิเสธไม่ให้ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมกระบวนการ โดยอ้างว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา จึงไม่จำเป็นต้องมีทนายความ หากทนายความไม่ออกจากห้องสืบสวนจะไม่ยอมดำเนินการใดๆ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net