Skip to main content
sharethis

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกจดหมายเปิดผนึกต่อสื่อมวลชนขอให้ยุติการเผยแพร่ภาพข่าว รูปพรรณ สัณฐาน แหล่งที่อยู่และสถานศึกษาของเด็กและครอบครัวที่ถูกพรากไปโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมทั้งแก้ไขข้อมูลการเผยแพร่ภาพและเนื้อหาข่าวที่ยังคงสามารถสืบค้นทําให้สามารถทราบถึงอัตลักษณ์ของผู้ตกเป็นข่าวด้วย

11 ม.ค.2562 สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกจดหมายเปิดผนึกต่อสื่อมวลชน เรื่อง การใช้ความระมัดระวังในการนําเสนอข่าวเยาวชนที่ถูกพรากไปโดยไม่มีเหตุอันควร

จดหมายฯ ระบุว่า ตามที่สื่อมวลชนหลายแขนงทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าว ได้นําเสนอข่าวบิดาของนักเรียนวัย 14 ปี แจ้งความต่อกองบังคับการกองปราบปรามกรณีเรื่องบุตรสาวหายตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2561 จนเจ้าหน้าที่ตํารวจสามารถติดตามพบตัวที่จังหวัดเชียงใหม่พร้อมกับชายวัยกลางคนที่อ้างว่าเป็นบิดาของเพื่อน นักเรียนนั้น และถูกแจ้งข้อกล่าวหาพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดย ปราศจากเหตุอันสมควร ซึ่งบัดนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากการนําเสนอข่าวคนหายไปจนเป็นข่าวคดี อาชญากรรมแล้วนั้น

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จึงขอเตือนมายังองค์กรสมาชิก และ สื่อมวลชนอื่นๆ ให้ใช้ความระมัดระวังในการนําเสนอข่าว โดยยุติการเปิดเผยแพร่ภาพข่าว รูปพรรณสัณฐาน แหล่งที่ อยู่และสถานศึกษาของเยาวชนที่ตกเป็นข่าว และแก้ไขข้อมูลการเผยแพร่ภาพและเนื้อหาข่าวที่ยังคงสามารถสืบค้น ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่ทําให้สามารถทราบถึงอัตลักษณ์ของผู้ตกเป็นข่าว ซึ่งถือว่าเป็นผู้เสียหายจากการกระทําที่ ก่อให้เกิดความเสียหายในคดีอาญาที่ได้รับการคุ้มครองห้ามมิให้ผู้ใดหรือสื่อมวลชนโฆษณาหรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ ตัวเด็กหรือผู้ปกครองที่จะทําให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก ตามที่ บัญญัติในพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เพราะการเปิดเผยข้อมูลของเด็กหรือผู้ปกครองผ่านสื่อมวลชน จะ ทําให้โอกาสกลับคืนสู่สังคมของเด็กได้รับการกระทบกระเทือน แม้จะมีความพยายามปิดบังอําพรางใบหน้า แต่การ นําเสนอข้อมูลข่าวโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่จะทําให้ข้อมูลเด็กและครอบครัวถูกเปิดเผยอันจะส่งผลเสียหายต่อไปอีก ยาวนานโดยเฉพาะการสืบค้นข้อมูลย้อนหลังผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จึงขอความร่วมมือมายังองค์กร สมาชิก และสื่อมวลชนอื่นให้ใช้ความระมัดระวังในการนําเสนอข่าวดังกล่าว โดยยุติการเผยแพร่ภาพข่าว รูปพรรณ สัณฐาน แหล่งที่อยู่และสถานศึกษาของเด็กและครอบครัวที่ตกเป็นข่าว รวมถึงยุติการขุดคุ้ยเรื่องราวที่จะทําให้เกิดผล กระทบต่อจิตใจเด็ก และผู้เกี่ยวข้องในระยะยาว นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือใช้วิจารณญาณในการแก้ไขข้อมูลการ เผยแพร่ภาพและเนื้อหาข่าวที่ยังคงสามารถสืบค้นย้อนหลังในระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งหลักจริยธรรม แห่งวิชาชีพ และเพื่อให้เด็กและครอบครัวที่ตกเป็นข่าวได้กลับคืนสู่สังคมอย่างปกติสุขโดยเร็ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net