ทางการตุรกีประณามจีนเรื่อง "ค่ายกักกัน" ชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชาวมุสลิมเชื้อสายเตอร์กิสที่ถูกเลือกปฏิบัติและปราบปรามจากทางการจีน โดยก่อนหน้านี้เมื่อกลางปี 2561 เคยมีรายงานจากสหประชาชาติว่าจีนคุมขังชาวอุยกูร์ไว้มากกว่า 1 ล้านคน
ภาพถ่ายในเดือนเมษายน 2017 แสดงให้เห็นผู้ควบคุมตัวชาวอุยกูร์นั่งฟังคำบรรยาย ภายในสถานกักกันในเมืองโฮตาน (Hotan prefecture) ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (ที่มา: RFA)
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2562 ทางการตุรกีกล่าวประณามทางการจีนในเรื่องการปฏิบัติต่อชาวมุสลิมเชื้อสายอุยกูร์ในจีน โดยบอกว่าสิ่งที่จีนทำนั้นเป็น "สาเหตุใหญ่ที่เป็นความอับอายสำหรับมนุษยชาติ" และเรียกร้องให้ทางการจีนปิด "ค่ายกักกัน" ชาวอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของตุรกี ฮามี อัคซอย กล่าวว่าทางการจีนทำการจับกุมคุมขังชาวอุยกูร์มากกว่า 1 ล้านคนโดยพลการ รวมถึงมีการพยายามกดดันให้เกิด "การกลืนวัฒนธรรมอย่างเป็นระบบ" ต่อชาวอุยกูร์
อัคซอยกล่าวว่า "ชาวอุยกูร์เตอร์กิส" ถูกทารุณกรรมและล้างสมองทางการเมืองในค่ายกักกันและเรือนจำของรัฐบาลจีน และเรียกร้องให้จีนเคารพสิทธิมนุษยชนด้วยการเลิกค่ายกักกันเหล่านี้
"พวกเราอยากให้ทางการจีนเคารพในหลักการสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของชาวอุยกูร์เตอร์กิสและปิดตัวค่ายกักกันลง" อัคซอยกล่าว
ประธานาธิบดี เรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน เคยวิจารณ์จีนในเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็ยังคงมีความสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นกับจีนนับแต่นั้นมา
ชาวอุยกูร์เป็นชาวมุสลิมเชื้อสายเตอร์กิสที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีนราว 10 ล้านคน นับเป็นร้อยละ 45 ของประชากรทั้งหมดในซินเจียง พวกเขากล่าวหาทางการจีนมาเป็นเวลานานแล้วในเรื่องที่ทางการจีนกีดกันเลือกปฏิบัติทางวัฒนธรรม, ศาสนา และเศรษฐกิจ ต่อพวกเขา โดยที่ในบางพื้นที่ของจีนมีการห้ามไม่ให้ปฏิบัติศาสนกิจของอิสลามไม่ว่าจะเป็นการละหมาด การถือศีลอด การไว้เครา หรือการสวมฮิญาบ ใครที่ถูกจับได้ว่ากระทำสิ่งเหล่านี้เสี่ยงที่จะถูกจับกุม
ทั้งนี้เมื่อปี 2561 ก็มีเรื่องเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ถูกคุมขังค่ายกักกัน "ปรับทัศนคติ" มากกว่า 1 ล้านคน จากการที่ผู้เชี่ยวชาญในสหประชาชาติเปิดเผยว่าได้รับรายงานที่น่าเชื่อถือในเรื่องนี้ ขณะที่ทางการจีนปฏิเสธว่าไม่มีการจับกุมตัวชาวอุยกูร์โดยปราศจากความยินยอม แต่บอกว่าชาวอุยกูร์เองที่ "เต็มใจ" เข้าไปใน "สถานฝึกวิชาชีพ" เหล่านี้เอง ซึ่งไม่เพียงเป็นสถานฝึกอาชีพแต่ยังเป็นสถานที่ๆ พวกเขาจะใช้ขับคนที่มีแนวโน้ม "หัวรุนแรง" ออกไปด้วย
อัลจาซีรารายงานว่าทางการจีนมีการคุมเข้มในการปราบปรามชาวอุยกูร์มากขึ้นหลังจากเกิดการจลาจลเมื่อปี 2552 มีชาวอุยกูร์ส่วนหนึ่งที่หนีออกจากจีนไปยังประเทศตุรกี อย่างไรก็ตามประเทศมุสลิมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พูดวิพากษ์วิจารณ์จีนในเรื่องนี้จากการที่จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของพวกเขา
เมื่อเดือนที่แล้วทางการจีนได้ผ่านร่างกฎหมายที่จะทำให้ศาสนาอิสลาม "ปรับให้กลายเป็นแบบจีน" และทำให้ "เข้ากันได้กับสังคมนิยม" โดยวางแผนเอาไว้ 5 ปี
เรียบเรียงจาก
'Shame for humanity': Turkey urges China to close Uighur camps, Aljazeera, 11-02-2019
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)