รองโฆษกพรรคเพื่อไทยเผย จัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี ที่ลานคนเมือง กทม. สุดารัตน์ ชัชชาติ เฉลิม ชัยเกษม พงศ์เทพ และแกนนำอีกหลายคนพร้อมขึ้นเวที ด้านพรรคไทยรักษาชาติ แถลงยุติการปราศรัย และการหาเสียง จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ จาตุรนต์ ย้ำจะเป็นสมาชิกพรรคจนวินาทีสุดท้าย

ภาพจากแฟนเพจ: พรรคเพื่อไทย

14 ก.พ. 2562 จิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ก.พ. เวลาประมาณ 16.00-21.00 น. พรรคเพื่อไทยจะจัดการปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในกรุงเทพฯ ที่ ลานคนเมือง บริเวณด้านหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยเป็นการปราศรัยใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี ซึ่งครั้งนี้จะเน้นการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศไทย รวมทั้งการพัฒนาให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงที่ติดอันดับความเจริญของโลกอีกครั้ง

 “โดยกำหนดผู้ปราศรัยไว้ในระดับแกนนำพรรคที่มากประสบการณ์ อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะขึ้นปราศรัยในนโยบายทั้งหมดของพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เรื่องการเมืองที่คนไทยต้องรู้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและทางออก นายชัยเกษม นิติศิริ กระบวนการยุติธรรมที่ต้องได้รับการแก้ไข นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อย่าปล่อยให้สินค้าการเกษตรต่ำไปกว่านี้ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ต้องพัฒนาเทคโนโลยีทุกรูปแบบของประเทศ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ กรุงเทพต้องเป็นเมืองหลวงที่ดีที่สุด 1 ใน 5 ของโลก นายปลอดประสพ สุรัสวดี ทรัพยากรของชาติที่ถูกเมินเฉยมากว่า 5 ปี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ทำไมเขาต้องสืบทอดอำนาจ นายนพดล ปัทมะ ถึงเวลาการสร้างคนสร้างชาติด้วยการศึกษา นายวัฒนา เมืองสุข เมื่อการเมืองแย่ เศรษฐกิจจะแย่ตาม นายโภคิน พลกุล กฎหมาย 2 มาตรฐานถึงเวลาต้องแก้ไข และนายอดิศร เพียงเกษ ในหัวข้อทำไมต้องมีแคนดิเดตนายกฯ” จิรายุ กล่าว

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า เชื่อมั่นว่าในวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ.) จะมีประชาชนที่สนใจนโยบายของพรรคเพื่อไทยมารับฟังแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะได้ และเชื่อว่าการปราศรัยครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่จะรับรู้นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และนำพาประเทศไทยกลับมายิ่งใหญ่ในเวทีโลกอีกครั้ง

ภาพจาก: แฟนเพจพรรคไทยรักษาชาติ

ขณะที่ จาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค พร้อมด้วย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณงค์หาเสียงและคณะทำงานพรรคไทยรักษาชาติ แถลงภายหลังการประชุมกำหนดทิศทางหาเสียงของพรรค ว่า แม้จะไม่ได้เข้ามาทำงานที่พรรค แต่ก็ได้มีการหารือถึงแนวทางต่อสู้คดียุบพรรคกับกรรมการบริหารพรรคมาโดยตลอด

“ทุกคนยืนยันว่าได้ดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่เมื่อเรื่องการยุบพรรคเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีฝ่ายกฎหมายดูแลอยู่ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดี คณะทำงานเห็นว่า พรรคควรยุติกิจกรรมหาเสียง ทั้งการพบปะประชาชน และการเปิดเวทีปราศรัย เพื่อไม่ให้มีปัญหาแทรกซ้อน และจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆนอกศาล จนว่าจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญ” จาตุรนต์ กล่าว

จาตุรนต์ กล่าวว่า ความเห็นดังกล่าวเป็นความเห็นของคณะทำงาน ไม่เกี่ยวข้องกับกรรมการบริหารพรรค ยืนยันว่าไม่มีรอยร้าวในพรรค และไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร ก็ไม่รู้สึกเสียดายที่ตัดสินใจมาอยู่พรรคไทยรักษาชาติ และจะยังอยู่เป็นสมาชิกพรรคจนนาทีสุดท้าย

“เชื่อว่า การยุติกิจกรรมทางการเมืองจะไม่ส่งผลต่อคะแนนเสียงของพรรค เพราะที่ผ่านมาได้ทำความเข้าใจกับประชาชนไปมากพอสมควรแล้ว และพร้อมช่วยกรรมการบริหารพรรคแก้ปัญหาสิ่งที่เกิดขึ้น” จาตุรนต์ กล่าว

ขณะที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณงค์หาเสียง ย้ำว่า จะไม่ทิ้งพรรคแน่นอน เพียงแต่การเปิดเวทีปราศรัยขณะนี้ ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม จนกว่าจะมีความชัดเจน ยืนยันว่าทุกคนยังอยู่ในตำแหน่งที่พรรคมอบหมายหน้าที่ให้

“การยุติปราศรัยเป็นการตัดสินใจตามบทบาทหน้าที่รับผิดชอบ เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย และเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคไทยรักษาชาติจะไม่สิ่งผลต่อการตัดสินใจในวันที่ 24 มีนาคม ของประชาชนที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตย แม้จะมีหรือไม่มีพรรคไทยรักษาชาติ” ณัฐวุฒิ กล่าว

เรียบเรียงจาก : สำนักข่าวไทย 1 ,2