ชนชั้นกลางที่ก่อตัวเป็นพลังทางการเมืองในทศวรรษ 2530 ไม่ได้มีการจัดองค์กรหรือมีผู้นำทางความคิดของตนเอง หากแต่เกาะเกี่ยวหรือว่าถูกดูดซับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอนุรักษ์นิยมที่แทรกตัวเข้ากับกระแสประชาธิปไตยได้อย่างแนบเนียน พวกเขาจึงเป็นร่างทรงหรือกำลังสำคัญของเครือข่ายที่ว่านี้เมื่อเกิดวิกฤติการเมืองที่ผ่านมาที่เผยให้เห็นว่าประชาธิปไตยในสองความหมายไม่สามารถไปด้วยกันได้อย่างที่เคยเชื่อกัน
ชนชั้นกลางเหล่านี้เป็นพลังสำคัญในการโค่นล้มรัฐบาลและพรรคการเมืองที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยในความหมายของพวกเขา คนดังอย่างนักวิชาการ ดารา นักร้อง ศิลปิน ฯลฯ อาศัยถ้อยคำและความคิดจำพวกความรัก ความภักดี และความเสียสละต่อสถาบันหลักที่กำลังถูกคุกคามในการร้อยรัดชนชั้นกลางส่วนที่เหลือรวมถึงคนกลุ่มอื่นในสังคมเข้าด้วยกัน อันส่งผลให้รัฐประหาร 2557 มีฐานความชอบธรรมทางสังคมในที่สุด
ทว่าการเมืองในช่วงเกือบห้าปีที่ผ่านมามีหลายอย่างเกิดขึ้น มีชนชั้นกลางที่อกหักจากคำสัญญาของคณะรัฐประหารและชนชั้นกลางที่ขาดสิ่งยึดเหนี่ยวอย่างฉับพลันในช่วงเปลี่ยนผ่าน ขณะเดียวกันก็มีคนรุ่นใหม่ที่ต้องแบกรับผลพวงความขัดแย้งก่อนหน้าที่พวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อีกทั้งโลกและชีวิตพวกเขาก็เป็นอีกแบบ บุคคลที่พวกเขาชื่นชอบก็เป็นอีกอย่าง คนกลุ่มแรกจึงตกอยู่ในภาวะเงียบงันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคนกลุ่มหลังก็มักแสดงอาการต่อต้านขัดขืนให้เห็นเนืองๆ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงโดยตรง
การอาศัยถ้อยคำและความคิดที่เคยมัดใจผู้คนได้ในช่วงก่อนหน้าในการหาเสียงจึงอาจไม่มีพลังมากอย่างที่นักการเมืองเหล่านี้คิด และการปรามาสคนรุ่นใหม่ที่มีโลกและขวัญใจอีกแบบก็มีแต่จะส่งผลให้บรรดาคนเคยดังเหล่านี้ตกยุคและตัดขาดจากคนรุ่นตามมาออกไปเรื่อยๆ ขณะที่รอยปริแยกในสถาบันทางสังคมหลักก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถอาศัยสถาบันนี้เป็นแหล่งอ้างอิงได้อย่างง่ายหรือในลักษณะเหมารวมได้อีกต่อไป ซึ่งจะลงท้ายด้วยอาการฝันค้างของชนชั้นกลางเหล่านี้ในที่สุด
เผยแพร่ครั้งแรกใน: Facebook Anusorn Unno