Skip to main content
sharethis

คดีของ 'รินดา' แม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ถูกฟ้องหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของ ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ สิ้นสุดลง เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเห็นพ้องไปกับศาลชั้นต้น ว่าการกระทำของเธอไม่เป็นความผิ


รินดา พรศิริพิทักษ์ (ที่มาภาพ เฟสบุ๊ค Banrasdr Photo)

 

20 ก.พ. 2562 วันนี้ ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ กรณีรินดา พรศิริพิทักษ์ โพสต์เฟซบุ๊คกล่าวหา พลเอกประยุทธ์ โอนเงินหมื่นล้านไปประเทศสิงคโปร์ ศาลเริ่มอ่านในเวลาประมาณ 10.20 น. เนื่องจากรอจำเลยเดินทางมาศาล

ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อย่างย่อ เนื่องจากติดพิจารณาคดีอื่นด้วย โดยสรุปได้ว่า การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(2) เพราะไม่มีข้อความใดที่ถึงขั้นจะมีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน จนกระทั่งจะเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในการทำงานของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อประเทศได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย

ในการพิจารณาคดีวันนี้มีกลุ่มนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาสังเกตการณ์ด้วย ศาลได้ถามว่า ที่นั่งกันอยู่เป็นนักข่าวหรือไม่ แต่ผู้สังเกตการณ์ตอบว่า ไม่ใช่ ศาลก็กล่าวว่า เป็นนักข่าวก็ไม่มีปัญหาอะไร จะได้ให้จดคำพิพากษาไป

สำหรับคดีนี้เป็นคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองชั้นแล้ว จึงเข้าข่ายห้ามยื่นฎีกาอีก คดีนี้ถือว่าสิ้นสุดแล้ว

รินดา กล่าวหลังฟังคำพิพากษาว่า รู้สึกโล่งใจที่คดีนี้จบแล้ว ส่วนผลคำพิพากษาวันนี้ไม่ได้เกินความคาดหมาย เพราะศาลชั้นต้นก็พิพากษาไว้แล้วว่าการกระทำไม่เป็นความผิด ไม่เปิดช่องให้ศาลอุทธรณ์จะลงโทษได้อีก

รินดากล่าวต่อว่า การถูกดำเนินคดีนี้ทำให้มีโอกาสได้ศึกษาและรู้กฎหมายมากขึ้นในการใช้โซเชียลมีเดีย ก็ได้เข้าใจว่า การโพสต์ถึงใครโดยเอ่ยชื่อตรงๆ อาจเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ ทั้งที่ความเห็นของเราก็ไม่ผิด เพราะวิจารณ์คนทำงานที่รับเงินภาษีเรา ต้องวิจารณ์ได้ แต่กรณีแบบนี้จะไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เพราะไม่ได้สร้างความเสียหายต่อสาธารณะ

รินดาเห็นว่าสิ่งที่ยังคงติดใจและยังสงสัยในคดีนี้ก็คือในวันที่ถูกทหารพร้อมด้วยอาวุธปืนหลายสิบคนบุกเข้ามาจับกุมในบ้าน โดยไม่มีข้อกล่าวหาและไม่มีหมายศาล มีแต่อำนาจจาก “มาตรา44” ทั้งที่ตนเป็นประชาชนมีสิทธิตามกฏหมายและรัฐธรรมนูญ การมาจับกุมไปจากเคหะสถานแบบนี้ยังติดใจว่า ทำได้อย่างไร? ทหารยังคงต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ ยืนยันว่าอยากจะฟ้องกลับทหารที่เข้ามาจับ อยากให้เป็นการต่อสู้เพื่อให้ทุกคนในสังคมมีความปลอดภัย

ทั้งนี้สำหรับเหตุในคดี รินดาถูกกล่าวหาว่า โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ชื่อ "รินดา พรศิริพิทักษ์" เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2558 ข้อความที่โพสต์เป็นข้อความที่แชร์ต่อกันในสื่ออนไลน์ เรียกร้องให้คนที่ทำงานเกี่ยวกับการเงิน ช่วยกันสกัดการโอนเงินจำนวนหลายหมื่นล้านบาทไปยังประเทศสิงคโปร์ โดยเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และภรรยา ได้มาโดยมิชอบ และจะโอนผ่านการเปิดบัญชีย่อยๆ หลายบัญชีกับธนาคารกสิกรไทย ซึ่งช่วงนั้นยังเป็นช่วงที่รัฐบาลทหารประยุทธ์กำลังเจอกระแสกดดันจากการฝากขังนักศึกษาจากขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM)

หลังทหารบุกจับกุมรินดาแล้วส่งต่อให้ตำรวจ มีการจัดแถลงข่าวว่าจะมีการสืบสวนหาเครือข่ายที่เชื่อมโยงต่อไปและเตือนประชาชนไม่ให้กระทำการในลักษณะนี้ โดย รินดา ถูกดำเนินคดี ความผิดฐานยุงยงปลุกปั่น และ ฐานปล่อยข่าวลือเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และมาตรา 384 และ ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2)

โดยที่ระยะแรกเธอถูกดำเนินคดีที่ศาลทหารกรุงเทพ ก่อนศาลมีคำวินิจฉัยว่า กรณีนี้ไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 จึงสั่งให้จำหน่ายคดี ก่อนจะถูกฟ้องด้วยเหตุเดียวกันนี้อีกครั้งที่ศาลอาญาแทน และต่อสู้คดีเรื่อยว่าจนถึงชั้นอุทธรณ์ในวันนี้

อย่างไรก็ตามหลังถูกทหารบุกจับกุมในครั้งนั้น รินดาถูกคุมขังในเรือนจำอยู่ 4 วันก่อนได้รับการประกันตัวระหว่างสู้คดีด้วย

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net