หน้ากองบัญชาการกองทัพบกหัวกระไดไม่แห้งเมื่อมีสามกิจกรรมภายในครึ่งวันเช้าสืบเนื่องกรณี 'บิ๊กแดง' ไล่นักการเมืองไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน เพนกวิ้น-ธนวัฒน์ เข้ายื่นหนังสือคัดค้านการเปิดเพลง ระบุ เป็นเพลงสร้างความเกลียดชัง เอกชัย-โชคชัย เปิด 'ประเทศกูมี' จำลองเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ตำรวจเปิด 'ความฝันอันสูงสุด' กลบ อีกกลุ่มมาให้กำลังใจทหาร สุดท้ายถูกตั้งข้อหาชุมนุมไม่แจ้งทั้งหมด
พริษฐ์และกลุ่มทำกิจกรรมขอให้ไม่เปิดเพลงหนักแผ่นดิน (ที่มา: Banrasdr Photo)
20 ก.พ. 2562 ในช่วงเช้า มีกลุ่มประชาชนสามกลุ่มไปทำกิจกรรมที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) สืบเนื่องจากกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้นักการเมืองไปฟังเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ หลังมีการพูดถึงนโยบายปฏิรูปกองทัพและลดงบประมาณกองทัพ จนเป็นกระแสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
กิจกรรรมแรกจัดโดยพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิ้น นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากกลุ่มสหาภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ธนวัฒน์ วงศ์ไชย อดีตประธานสภานิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเพื่อนรวมทั้งสิ้นสี่คน เดินทางเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง ผบ.ทบ. และขอให้ยกเลิกการเปิดเพลงหนักแผ่นดินในสถานีวิทยุเครือกองทัพบก และเสียงตามสายในหน่วยทหาร
พริษฐ์อ่านจดหมายเปิดผนึกว่า การที่อภิรัชต์พูดถึงและสั่งให้เปิดเพลงหนักแผ่นดินในสถานีวิทยุเครือกองทัพบกและเสียงตามสายในหน่วยทหารนั้น ตนรู้สึกว่าอภิรัชต์ไม่เข้าใจเนื้อหาเพลงดังกล่าว เนื้อเพลงดังกล่าวก่อให้เกิดความเกลียดชัง บั่นทอนความเป็นมนุษย์ของเพื่อนร่วมชาติ อาจก่อให้เกิดความรุนแรงได้ ซึ่งที่ผ่านมาเพลงหนักแผ่นดินถูกใช้เป็นเครื่องมือเช่นว่ามาแล้วในหลายเหตุการณ์ จึงขอให้ ผบ.ทบ.ยกเลิกการเปิดเพลงหนักแผ่นดิน
หลังพริษฐ์อ่านจบก็พยายามนำหนังสือไปยื่นต่อทหาร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาต จึงนำจดหมายไปติดที่ป้ายข้อมูลแนะนำกองทัพบกบริเวณเกาะกลางถนน ก่อนนำกระดาษระบุข้อความ “เพลงหนักแผ่นดิน สร้างความเกลียดชัง ความรุนแรง ความเจ็บปวดในสังคม” และ “หนักแผ่นดินไม่อินดี้ ฟังประเทศกูมี ดีกว่ามั้งลุง” วางที่เกาะกลางถนน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวพริษฐ์และพวกไปสอบปากคำที่ สน.นางเลิ้ง
ต่อมาในเวลา 9.30 น. เอกชัย หงส์กังวาน และโชคชัย ไพบูลรัชตะ นักกิจกรรมการเมือง ไปทำกิจกรรมต่อจากกลุ่มพริษฐ์ โดยได้เปิดเพลง ประเทศกูมี เพื่อคัดค้านการเปิดเพลงหนักแผ่นดิน มีการนำตุ๊กตาหมีตัวใหญ่จำลองการแขวนคอและฟาดด้วยเก้าอี้ในเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามไว้ ทั้งนี้ เอกชัยยังจำลองการฟาดด้วยเก้าอี้กับโชคชัย ตำรวจยังใช้เครื่องขยายเสียง L-Rad เปิดเพลง ความฝันอันสูงสุดใส่เพลง ประเทศกูมีที่ทั้งสองนำมาเปิด ก่อนจะควบคุมตัวเอกชัยและโชคชัยไปยัง สน.นางเลิ้ง
เอกชัย (เสื้อชมพู) และโชคชัย (เสื้อขาว) ขณะทำกิจกรรมท่ามกลางวงล้อมตำรวจ (ที่มา: Banrasdr Photo)
มติชนรายงานว่า หน้า บก.ทบ. ทหารนำแผงเหล็กมากั้นป้ายกองทัพบก มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน บก.น.1 และจาก สน.นางเลิ้งทั้งในและนอกเครื่องแบบราว 50 นายสังเกตการณ์ และไม่ให้กลุ่มผู้ทำกิจกรรมเคลื่อนไปยังบริเวณประตูทางเข้าด้านหน้า บก.ทบ.
ที่ สน.นางเลิ้ง พ.ต.ท.สุทธิโรจน์ จารุสินธุพงศ์ รองผู้กำกับสืบสวน สน.นางเลิ้ง กล่าวหาดำเนินคดีผู้ถูกควบคุมตัวทั้งสี่คน พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าววหาแยกเป็นสองคดี หนึ่ง คดีของพริษฐ์และธนวัฒน์ ในข้อหาจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 สอง คดีของเอกชัยและโชคชัยในข้อหาเดียวกีน แต่เพิ่มข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.ฐ. การควบคุมโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493
ผู้ต้องหาทั้งสี่ปฏิเสธข้อกล่าวหาในส่วนการไม่แจ้งการชุมนุม และขอให้การในชั้นศาล พนักงานสอบสวนนัดส่งตัวให้อัยการศาลแขวงดุสิตต่อไปในวันที่ 12 มี.ค. 2562 เวลา 9.00 น. ทั้งนี้เอกชัยและโชคชัยรับสารภาพข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสียค่าปรับเป็นเงิน 200 บาท ส่วนตุ๊กตาหนีที่ถูกตรวจยึด เจ้าหน้าที่ได้คืนให้เอกชัยและโชคชัย ไม่ได้ยึดไว้เป็นของกลาง
กลุ่มคนฝั่งธนรักสันติเข้าให้กำลังใจกองทัพ (ที่มา: Banrasdr Photo)
นอกจากกิจกรรมของทั้งสี่แล้ว ในเวลา 10.20 น. กลุ่มคนฝั่งธนรักสันติได้ไปยื่นหนังสือและดอกไม้ให้กำลังใจอภิรัชต์ ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก นำโดยบัญชา ปรานนิวัฒน์ ที่ระบุว่า ตนและพวกพร้อมเคียงข้างทหารทุกเหล่าทัพ เพราเห็นว่าทหารทำงานเหนื่อย เสียสละ ดูแลประชาชน หากมีการเคลื่อนไหวโจมตีวิพากษ์วิจารณ์อีก ตนและกลุ่มพร้อมมาให้กำลังใจ แต่จะไม่ชุมนุมสร้างความเดือดร้อน โดยมติชนระบุว่า บัญชาถูกตำรวจควบคุมตัวไปที่ สน.นางเลิ้ง และแจ้งความเอาผิดเนื่องจากเป็นการชุมนุมโดยไม่อนุญาตตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะเช่นกัน
รู้จักเพลงหนักแผ่นดิน
เพลงหนักแผ่นดินถูกแต่งขึ้นโดย พ.อ.บุญส่ง หักฤทธิ์ศึก ในปี 2518 ช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 หลังจากขบวนการนักศึกษาได้รับชัยชนะเหนือระบอบเผด็จการ สามารถโค่นล้มจอมพลถนอมและประภาสลงจากอำนาจได้ เกิดกระแสเบ่งบานทางประชาธิปไตย นักศึกษาและประชาชนเริ่มเปิดรับอุดมการณ์สังคมนิยม ทฤษฎีสังคมนิยมกลายเป็นอาวุธในการวิพากษ์สังคมไทยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยการวิเคราะห์และวิพากษ์สังคมไทยว่าเป็นสังคมชนชั้น ที่มีการกดขี่ขูดรีดกันอย่างรุนแรง ขณะที่ในประเทศเพื่อนบ้านมีการจัดตั้งกองกำลังคอมมิวนิสต์เพื่อเข้าชิงอำนาจรัฐ เพลงหนักแผ่นดิน จึงเป็นเพลงที่ทำหน้าที่ในฐานะเครื่องการต่อสู้ทางการเมืองเพื่อตอบโต้กระแสอุดมการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเวลานั้น
เนื้อหาในเพลงดังกล่าว ทำหน้าที่ในการสร้างกรอบจำกัดของความเป็นไทย พร้อมไปกับการสร้างศัตรูที่อยู่ร่วมในชาติเดียวกัน เช่น “คนใดใช้ชื่อไทยอยู่ กายก็ดูเหมือนไทยด้วยกัน ได้อาศัยโพธิทองแผ่นดินของราชันย์ แต่ใจมันยังเฝ้าคิดทำลาย” หรือ “คนใดคิดร้ายราวี ประเพณีของไทยไม่ต้องการเกื้อหนุนอคติ เชื่อลัทธิอันธพาล แพร่นำมันมาบ้านเมืองเรา”
ในงาน “6 ตุลาในความทรงจำของฝ่ายขวา 2519-2549 – จากชัยชนะสู่ความเงียบ” ของธงชัย วินิจจะกูล กล่าวตอนหนึ่งว่า ช่วงบ่ายวันที่ 6 ต.ค. 2516 หลังการปราบปรามสิ้นสุดลงไม่กี่ชั่วโมง สถานีโทรทัศน์ กองทัพบกช่อง 5 และวิทยุยานเกราะเป็นแม่ข่ายถ่ายทอดรายการสดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอน เช้าวันนั้นและ ณ ขณะนั้น โดยมีเสียงเพลง “หนักแผ่นดิน” ดังประกอบตลอดรายการ
เพลงหนักแผ่นดิน ถูกหยิบมาใช้อีกหลายครั้งหลังจากสงครามคอมมิวนิตส์ เช่น ในการชุมนุมขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อยมาจนถึงการชุมนุมขับไล่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของกลุ่ม กปปส. จนมีการพูดถึงเพลงนี้ครั้ง โดย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์
ที่มา: มติชน [1] [2] ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน