ปลัด กทม. ระบุพบประเด็นน่ากังวล มีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเป็นจำนวนมาก เช่น เขตบางกะปิมากกว่า 6 หมื่นคน รองลงมาคือบางขุนเทียน 4.3 หมื่นคน และห้วยขวาง 4.1 หมื่นคน ขณะที่ในอีก 37 เขต มีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 1 หมื่นคน กกต. ตั้ง E War Room ติดตามโพสต์ลักษณะผิดกฎหมายและใส่ร้าย

23 ก.พ. 2562 เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่าที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นางศิลปสวย ระวีแสงสรูย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมซักซ้อมความเข้าใจการจัดการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง (ในวันที่ 17 มี.ค. 2562) โดยมี กกต.ประจำเขตเลือกตั้งใน กทม.ทั้ง 30 เขต ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าฝ่ายปกครอง และหัวหน้าฝ่ายทะเบียนทั้ง 50 เขตเข้าร่วม

ปลัด กทม. กล่าวว่าการเลือกตั้งล่วงหน้ามีแนวทางหรือวิธีการที่ซับซ้อน จากการตรวจเยี่ยมใน 3 สำนักงานเขตพบประเด็นน่ากังวลหลายเรื่องจากจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเป็นจำนวนมาก เช่น เขตบางกะปิมากกว่า 6 หมื่นคน รองลงมาคือบางขุนเทียน 4.3 หมื่นคน และห้วยขวาง 4.1 หมื่นคน ขณะที่ในอีก 37 เขต มีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 1 หมื่นคน

บางเขตเคยมียอดผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าแค่ 5-7 พันคน แต่รอบนี้ตัวเลขการลงทะเบียนค่อนข้างมาก การกำหนดสถานที่จึงต้องมั่นใจว่าเพียงพอ การบริหารจัดการในสถานที่แคบจะอัดกันเพราะคนจะหลั่งไหลมาตลอดเวลา ขอให้ดูให้ดี เขตพระโขนงแนะนำให้ปิดถนนซอยข้างสำนักงานเขตมิเช่นนั้นจะไม่พอ อย่าให้พบปัญหาความแออัด และต้องเตรียมหน่วยพยาบาลเพราะอากาศร้อน คนเป็นลมมีแน่ ผังบริเวณ วัสดุอุปกรณ์ ต้องตรวจสอบให้เรียบร้อย การแต่งตั้งคณะกรรมการต้องครบและเพียงพอ อย่ารอให้ถึงวันสุดท้าย

กกต. ตั้ง E War Room ติดตามโพสต์ลักษณะผิดกฎหมายและใส่ร้าย

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 ว่านายแสวง บุญมี รองเลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยว่า กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้มีการแจ้งลบข้อความ และโพสต์ ที่ผิดกฎหมายและมีลักษณะต้องห้ามโดยออกคำสั่งไปแล้วหลายฉบับ เพื่อปกป้องผู้สมัครและพรรคการเมืองที่สุจริต ซึ่งมีจำนวนมากแต่ที่ยากคือการโยงไปถึงผู้กระทำผิด และการลบข้อความในทันทีเพราะต้องประสานไปยังหน่วยงานของรัฐและเจ้าของเว็ปไซด์ ซึ่งบางรายอยู่ในต่างประเทศ

สำหรับควบคุมการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทางโซเชียลมีเดีย จะมีเจ้าหน้าที่ประจำคอยตรวจสอบการโพสต์ข้อความ ในลักษณะผิดกฎหมายและ ผิดต่อระเบียบ กกต. ว่าด้วยการหาเสียง และลักษณะต้องห้ามในการหาเสียง เช่น ถ้อยคำรุนแรงก้าวร้าว ส่อเสียด ก่อให้เกิดความเกลียดชัง รวมถึงข้อมูลเก่าที่ค้างในระบบและมีการแชร์ต่อๆ กัน โดยขณะนี้มีการสั่งลบข้อมูลไปทาง Facebook Twitter และโซเชียลมีเดียต่างๆ ไปแล้วกว่า 40 โพสต์ ซึ่งเป็นการโพสต์ข้อความในลักษณะใส่ร้ายป้ายสี

สำหรับศูนย์  E War Room เป็นการทำงานระหว่าง สำนักกิจการสืบสวนสอบสวนของ กกต. ทำหน้าที่เป็นนักรบไซเบอร์ เข้าไปสอดส่องรวบรวมข้อเท็จจริง เช่น การวิจารณ์ทางโซเชียลมีเดีย การตัดต่อภาพในลักษณะใส่ร้ายป้ายสี  รวมทั้งการหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย เป็นต้น ก่อนส่งเรื่องมายัง ศูนย์ฯ ของสำนักกิจการพรรคการเมือง ซึ่งจะมีคณะกรรมการพิจารณาสั่งการให้ บริษัทซึ่งเป็นเจ้าของโซเชียลมีเดียนั้น ได้ลบการกระทำดังกล่าว