Skip to main content
sharethis

ทีมงานปกป้อง รธน. และสถาบันพระมหากษัตริย์ ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ อ้างธนาธร-ปิยบุตร มีพฤติการณ์และทัศนคติล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แนบหลักฐานบทสัมภาษณ์ของธนาธร เรื่องการสานต่อภารกิจคณะราษฎร และความเห็นทางวิชาการของปิยบุตร ประเด็นมาตรา 112 ในปี 2556

ทีมงานปกป้องรัฐธรรมนูญและสถาบันพระมหากษัตริย์ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่

28 ก.พ. 2562 เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) บุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ อาชีพทนายความ ในฐานะทีมงานประชาชนปกป้องรัฐธรรมนูญ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. ให้พิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ โอยอ้างบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 49 “บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมิได้” ประกอบบทบัญญัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 (2) “กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เอกสารที่บุญถาวร ได้ยื่นต่อ กกต. นั้น ระบุข้อกล่าวหาว่า ธนาธร และปิยบุตร มีพฤติการณ์ และทัศนคติล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และมีการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมแนบหลักฐานประกอบ อาทิ บทสัมภาษณ์ของธนาธร เรื่องการสานต่อภารกิจคณะราษฎร ความเห็นทางวิชาการของปิยบุตร ประเด็นมาตรา 112 ในปี 2556

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ศรีสุวรรณ เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ กกต. ตรวจสอบ กรณีเว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่ ลงประวัติอันเป็นเท็จของธนาธรโดยอ้างว่าเคยเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระหว่างปี 2551-2555 และข้อมูลดังกล่าวยังมีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของพรรคอนาคตใหม่มาต่อเนื่องอย่างยาวนานกว่า 5 เดือน พร้อมขอให้ตรวจสอบกรณีที่ปิยบุตร แสดงความเห็นส่วนตัวผ่านเฟสบุ๊คซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการใส่ร้ายรัฐและดูถูกคนอีสาน  โดยศรีสุวรรณ เห็นว่า การกระทำทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต จึงต้องการให้ กกต.พิจารณาว่าเข้าข่ายผิดตามมาตรา 132 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. หรือไม่ และหากพบว่ากระทำผิดจริงก็ขอให้ กกต.เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 พรรณิการ์  วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์ กับ PPTV ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการลงประวัติของธนาธรผิดว่า ยอมรับความผิดพลาดที่ลงประวัติของธนาธรผิด แต่เป็นเรื่องผิดพลาดเชิงเทคนิคและผู้ดูแลเว็บไซต์ก็เร่งแก้ไขทันทีภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากได้รับการแจ้ง ไม่ได้มีเจตนาหลอกลวง และตัวธนาธรเองก็ไม่เคยมีการพูดโฆษณาว่าตนเองเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ เชื่อว่ากระแสความนิยมในตัวธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ มาจากจุดยืนทางอุดมการณ์แนวนโยบาย และความมุ่งมั่นในการทำงานการเมือง ไม่ได้เป็นเพราะการที่ประชาชนถูกทำให้เข้าใจว่าธนาธรเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแต่อย่างใด

ส่วนการแสดงความเห็นของปิยบุตรผ่านเฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2562 ซึ่งเป็นข้อความที่ทำให้ปิยบุตรถูกวิจารณ์ว่าดูถูกคนอีสานนั้น มีข้อความเต็มที่ระบุว่า “อีสานถูกทำให้เชื่อว่าเป็นคนตลก เป็นแรงงาน ไม่มีความรู้ แต่แท้จริงแล้ว คนอีสานคือดินแดนกำแพงเหล็ก เป็นดินแดนแห่งนักประชาธิปไตย นักต่อสู้ความอยุติธรรม ขจัดความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้” โดยปิยบุตรได้ชี้แจงเรื่องนี้หลังเกิดความเข้าใจผิดว่า ภาคอีสานเป็นภาคที่ตนเองเดินทางไปมากที่สุดและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากที่สุด เมื่อตอนเป็นอาจารย์นิติศาสตร์ มธ. เดินทางไปบรรยาย ร่วมเสวนา รณรงค์ทำกิจกรรมประชาธิปไตย เมื่อมาตั้งพรรคอนาคตใหม่ก็เดินทางไปภาคอีสานมากที่สุด รับมอบหมายให้ไปรณรงค์หาสมาชิก เสวนา ปราศรัย และรับฟังประเด็นปัญหาต่างๆ คนอีสานที่ไปพบปะและที่เป็นสมาชิกพรรค คงเป็นประจักษ์พยานได้อย่างดีว่า ตนไม่เคยดูถูกคนอีสานแม้แต่ครั้งเดียว เวลาที่มีใครพูดดูถูกคนอีสาน จะเป็นคนแรกๆ ที่ออกไปอธิบายทำความเข้าใจให้ทุกครั้ง โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหาทางโครงสร้าง ปัญหาของการจัดการของรัฐไทยตั้งแต่อดีต

ส่วนเรื่องการให้สัมภาษณ์ของธนาธรเรื่องการสานต่อภารกิจคณะราษฎรนั้น เขาได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2561 ในงานเสวนาพิเศษ "WAKE UP THAILAND SPECIAL ตอน “86 ปีประชาธิปไตยไทย ก้าวต่ออย่างไรให้ยั่งยืน" ว่า อุปสรรคของระบอบประชาธิปไตยคือการทำรัฐประหาร เขาฝันว่าการทำรัฐประหารต้องจบในรุ่นของตน ไม่ส่งต่อไปถึงลูกหลานอีก ถือเป็นภารกิจของตน การเปลี่ยนแปลงการปกครองตั้งแต่ปี 2475 จนถึงปัจจุบัน เปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐ จากไพร่ที่ไม่มีปากเสียงมาสู่พลเมืองที่มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน

การรวบอำนาจไปอยู่ที่กลุ่มคนๆ เดียวหรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วเครื่องมือที่คนกลุ่มนี้มีก็คือการใช้กองทัพมาทำรัฐประหาร ดังนั้น ก็ต้องเรียนว่า ไม่ว่าวาทกรรมที่เราจะพูดกันว่า "คณะราษฎรชิงสุกก่อนห่าม" ก็ตาม ไม่ว่าเราจะพูดกันว่า "ปัญหาของการพัฒนาประชาธิปไตยไทยคือนักการเมือง" ก็ตาม

ประเด็นที่สำคัญที่สุดจริงๆ ก็คือ เรื่องที่ไม่มีใครกล้าพูด คือเรื่องการทำรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า เวลาเราบอกว่าชิงสุกก่อนห่าม หรือว่านักการเมืองที่เลวร้าย ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาก็ดี ในทางกลับกัน สิ่งที่เป็นอุปสรรคคือ ประชาธิปไตยไม่เคยได้รับโอกาสให้เติบโตต่างหาก ประชาชนไม่เคยได้รับโอกาสให้ได้ลิ้มลองประชาธิปไตย ได้ใช้อำนาจของตัวเองต่างหาก ตรงนี้ต่างหากที่เป็นอุปสรรคของการพัฒนาประชาธิปไตยในช่วงที่ผ่านมา

ดังนั้นสรุปความในรอบแรก ถ้าไม่มีใครลุกขึ้นมาสานต่อภารกิจประวัติศาสตร์ ที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนจากไพร่เป็นพลเมือง แล้วทำให้รัฐประหารครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ผมและผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่และสมาชิกพรรคที่จะร่วมกันสร้างพรรคอนาคตใหม่ขอรับภารกิจประวัติศาสตร์นี้ไปทำต่อเอง

ส่วนเรื่องความเห็นของปิยบุตร ต่อมาตรา 112 นั้น ปิยบุตร ได้ชี้แจงไว้เมื่อ วันที่ 21 มี.ค. 2561 ว่า ตนเองเคยรณรงค์แก้ ม.112 เป็นการกระทำส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับตั้งพรรคอนาคตใหม่

“เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจตรงกัน และเพื่อป้องกันมิให้กลุ่มบุคคลผู้ไม่ต้องการให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้ฉวยโอกาสนำเรื่องเหล่านี้มาปลุกระดมโฆษณาชวนเชื่อเพื่อขัดขวางการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ได้ ผมขอยืนยันว่า ผมจะไม่นำเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาเกี่ยวข้องกับพรรค และไม่นำไปผลักดันในพรรค” ปิยบุตร กล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net