Skip to main content
sharethis

คสช. ลุยฟ้องอนาคตใหม่หมิ่นศาลหลังออกแถลงการณ์ กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบไทยรักษาชาติ ขณะที่เพื่อไทย โดนยื่นเรื่องยุบพรรคแล้ว ส่วนเรื่องไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัครไทยรักษาชาติ ระบุ แม้จะมี 100 เขตที่ไม่มีเพื่อไทย และไทยรักษาชาติอยู่ แต่ยังมีพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอย่าง อนาคตใหม่ และเสรีรวมไทย ให้ประชาชนเลือก

8 ก.พ. 2562 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช). ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.นเรศ ขีโรท หัวหน้าคณะทำงานด้านกฎหมาย ส่วนงานการรักษาความสงบเรียบร้อย สำนักเลขาธิการ คสช. เข้าแจ้งความเอาผิดกับผู้ดูแลเว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และประมวลกฎหมายอาญา ม.198 ฐานหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา

มาตรา 198  ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หลังตรวจพบว่าเว็บไซต์ของพรรคอนาคตใหม่ https://futureforwardparty.org ได้แชร์คลิปจากบัญชีผู้ใช้ยูทูปรายหนึ่ง โพสต์คลิปที่พรรคอนาคตใหม่จัดแถลงด่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)

อนาคตใหม่แถลง ยุบ ทษช. ไม่ดีต่อประชาธิปไตย ประชาชนเคลือบแคลงองค์กรอิสระ

ผู้สื่อข่าวประชาไทรายงานเพิ่มเติ่มว่า การดำเนินคดีที่เกิดขึ้นกับบุคคลในพรรคอนาคตใหม่ก่อนหน้านี้มีอย่างน้อย 2 กรณีด้วยกันคือ การดำเนินคดีฐานผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 (2) จากการจัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” ผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ในเพจอนาคตใหม่ - The Future We Want และเพจ Thanathorn Juangroongruangkit วิจารณ์กระแสข่าวกรณีพลังดูดของ คสช. เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2561 โดยผู้ถูกแจ้งความดำเนินคดีประกอบด้วย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไกลก้อง ไวทยการ นายทะเบียนพรรค และจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค ซึ่งผู้เข้าแจ้งความคือ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ คดีนี้ยังอยู่ในชั้นอัยการ มีนัดฟังความพิจารณาสั่งฟ้องในวันที่ 26 มี.ค.

ส่วนกรณีที่สองคือ การออกหมายเรียก พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 11 มี.ค. ฐานความผิด “นำเข้า เผยแพร่ หรือส่งต่อข้อมูลซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ตามมาตรา 14 (2) จากการแชร์ข่าวปลอม ซึ่งมีชื่อเว็บไชต์คล้ายสำนักช่องแห่งหนึ่ง โดยมีพาดหัวข่าวว่า “ป้อมแจง งบจิบกาแฟข้างทาง 82,000 โต้ของดีนำเข้าต้องแพง ลั่นคนจนหมดสิทธิ์ลอง”

นอกจากนี้ยังมีกรณี ที่มีผู้ไปยื่นเรื่องร้องเรียกต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ยุบพรรคการเมืองอีกอย่างน้อย 2 คดีคือ กรณีเว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่ ระบุประวัติธนาธร ผิดพลาด ผู้ร้องเรียนคือ ศรีสุวรรณ จรรยา และกรณีที่มีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต. โดยกล่าวหาว่า ธนาธร และปิยบุตร มีพฤติการณ์และทัศนคติล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผู้ร้องเรียนคือ บุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ โดยกรณีแรก กกต. ได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว และได้เรียกศรีสุวรรณเข้าให้ปากคำไปเมื่อวันที่ 6 มี.ค. เรื่องยังอยู่ในการพิจารณาของ กกต. ส่วนกรณีที่สอง กกต. ยังไม่มีมติรับเรื่องไว้พิจารณา

ทนายดังจังหวัดเลย ร้องเรียน กกต. สั่งยุบพรรคเพื่อไทย เหตุปราศัยให้คนเข้าใจผิดเพื่อจูงใจให้ผู้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้

ในวันเดียวกันมีรายงานด้วยว่า อาณัศ ช้างอินทร์ ทนายความชื่อดังในจังหวัดเลย ได้เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต. จังหวัดเลย เพื่อขอให้พิจารณาส่งเรื่องเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคเพื่อไทย โดยกล่าวหาว่า สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พูดหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรค เป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครของตน เป็นการผิดตามมาตรา 73 (5) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส พร้อมส่งหลักฐานเป็นคลิปเสียงการปราศัยของสุดารัตน์ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.

อาณัศ เผยว่า สุดารัตน์ ประกาศบนเวทีว่า ถ้าเลือกเพื่อไทยแล้วจะได้เบอร์ 4 เลิศศักดิ์ พัฒนกุล เป็นส.ส. และได้สุดารัตน์ไปบริหารบ้านเมือง ทั้งยังได้ศุกร์ไกล จันทร์สว่าง ซึ่งเป็น สจ. เขตอำเภอเมืองเลย ไปเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ แต่เมื่อตนได้ตรวจสอบผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย 97 คนพบว่า ไม่มีรายชื่อ ศุกร์ไกล จึงเห็นว่า สุดารัตน์ และพรรคเพื่อไทย แอบอ้างเอาชื่อเสียงเกียรติยศ เกียรติคุณ ของนางศุกร์ไกล ซึ่งเป็น ส.จ.เลยหลายสมัย ซึ่งชาว จ.เลย ให้การนับถือ เพื่อจูงใจให้เขามาลงคะแนนให้กับเบอร์ 4 และเพื่อไทย ถือเป็นการหลอกลวงหรือจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จ.เลย เข้าใจผิด เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 73(5) หลอกหลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรค ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

เรืองไกร เร่ง กกต. พิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไม่ให้เกิด 2 มาตรฐาน ย้ำแม้ 100 เขตจะไม่มีเพื่อไทย กับไทยรักษาชาติให้ปชช. เลือก แต่ยังมี อนาคตใหม่ กับเสรีรวมไทยอยู่

ด้าน เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติ เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า หลังจากนี้ก็พยายามเรียกร้อง และเร่งรัดให้ กกต. ดำเนินการพิจารณาคำร้องของตนเองที่ไปยื่นให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ และตรวจสอบคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐต่อไป เพื่อไม่ให้เกิด 2 มาตรฐานหลังจากที่มีการดำเนินการกับพรรคไทยรักษาชาติอย่างรวดเร็ว ก็ควรที่จะพิจารณาในลักษณะเดียวกันกับพรรคพลังประชารัฐด้วย ส่วนอนาคตทางการเมืองของตนเองนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าจะไปสังกัดพรรคไหน และคงไม่ไปเป็น ส.ว. ตามที่เคยถูกทาบทาม แต่ยืนยันจะทำงานให้กับประชาชนต่อไป

พร้อมกันนี้ เรืองไกร ยังแสดงความเชื่อมั่นว่า แม้ไทยรักษาชาติจะถูกยุบไป ก็จะไม่กระทบต่อคะแนนเสียงของฝ่ายประชาธิปไตยที่จะเสียเปรียบประมาณ 100 เขต เพราะไม่มีพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติให้เลือก แต่ยังมีพรรคอื่นๆ ทั้ง พรรคอนาคตใหม่, พรรคเสรีรวมไทย ที่ส่งครบทุกเขตให้เลือกแทนก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมองว่า จากการยุบพรรคไทยรักษาชาติจะทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้คะแนนความสงสาร ความเห็นใจมาด้วยและจะมีคะแนนเพิ่มมากขึ้นด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net