Skip to main content
sharethis

พรรคเพื่อไทยเปิดแคมเปญหาเสียงโค้งสุดท้าย 'เอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋าคืนมา' หากเป็นรัฐบาลขอใช้เวลา 6 เดือนพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ระบุราคาสินค้าเกษตรต้องปรับขึ้น เงินเดือนพนักงานต้องเพิ่มขึ้น

10 มี.ค. 2562 เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่าที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง คณะทำงานเศรษฐกิจพรรค

พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 22 เขต ร่วมแถลงนโยบายช่วง 2 อาทิตย์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ภายใต้แคมเปญ “เอาลุง*คืนไป เอาเงินในประเป๋าคืนมา” โดยคำว่า “ลุง” หมายถึงความคิดและสิ่งเก่าที่สิ้นหวัง โดยพรรคได้เปลี่ยนแบนเนอร์เวทีของพรรคด้วยข้อความดังกล่าวทั้งในห้องแถลงข่าว และจุดอื่นๆ ให้สอดคล้องกับแคมเปญโค้งสุดท้ายนี้ด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในสภาพลำบาก เศรษฐกิจแย่มาก ค้าขายลำบาก หนี้สินท่วมหัว ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้งบประมาณสูงถึง 11.43 ล้านล้านบาท และถ้ารวมงบประมาณปี 2562 ไปด้วยก็จะสูงถึง 14.32 ล้านล้านบาท ซึ่งได้ใช้ไปแล้วเกือบ 1.35 ล้านล้านบาทหรือ 45.2%

ดังนั้นเกือบ 5 ปี ตัวเลขที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ใช้งบประมาณไปแล้วรวม 12.78 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้เงินเกินรายได้ของรัฐบาลไปกว่า 2.38 ล้านล้านบาท ส่งผลให้หนี้ประเทศเพิ่มขึ้นสูงถึง 2.2 ล้านล้านบาท ใช้เงินไปมหาศาลขนาดนี้ ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ กับรายได้ลดลง ยากจนมากขึ้น และมีหนี้สินท่วมหัว​

นอกจากนี้ตามตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย 1.หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 2 ล้านล้าน 2.หนี้ธุรกิจยังเพิ่มจากการค้าขายที่ฝืดเคือง หนี้เสียเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น 9.5 หมื่นล้านล้านบาท 3.หนี้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านล้านบาท จนอดีตรัฐมนตรีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมาเป็นรองหัวหน้าพรรคการเมือง ออกมายอมรับว่าเองว่าคนจนจะอดตายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือเป็นความทุกข์ของประชาชนที่เกิดขึ้นนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์พยายามปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แต่ตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย สะท้อนความจริง

ฟ้องให้เห็นความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่รายได้คนไทยเพิ่มน้อยกว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจึงโตแต่หัว ทิ้งคนไทยส่วนใหญ่ให้ยากจนตัวลีบ เกิดภาวะ “รวยกระจุก จนกระจาย” คนรวยรวยมากขึ้นแต่คนส่วนใหญ่ของประเทศกลับยากจนลง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถเพิ่มรายได้ให้คนไทยอย่างแท้จริงในช่วงเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา จึงเลือกใช้วิธีง่ายๆ เฉพาะหน้าคือการแจกเงิน ซึ่งก็มาแจกตรงกับช่วงหาเสียงพอดี

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า พรรค พท.จะไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญกับความทุกข์ทางเศรษฐกิจโดยลำพังอีกต่อไป เราต้องเร่งทวงคืนเงินในกระเป๋าให้คนไทย เราจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจทั้งระบบด้วยการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ ใช้งบประมาณน้อย แต่ประชาชนได้ผลประโยชน์มาก เราจะไม่คิดอะไรง่ายๆสั้นๆ ที่ก่อหนี้มหาศาลให้ประเทศ เราจะรดน้ำที่ราก ให้ลำต้นและใบเติบโตได้อย่างแข็งแรงยั่งยืน โดยการเติมทุนให้คนตัวเล็ก ไม่ใช่แค่แจกเงินเพื่อหวังผลระยะสั้น หรือขึ้นภาษีผลักภาระให้ประชาชน เราจะแก้หนี้ด้วยรายได้

เราต้องรวมพลังคนไทยทั้งประเทศให้ “เมืองช่วยชนบท” และ “ชนบทช่วยเมือง” สร้างสมดุลทางเศรษฐกิจไม่ให้เหลื่อมล้ำอย่าง 4-5 ปีที่ผ่านมาด้วย “นโยบาย ปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี สร้างเศรษฐีใหม่” โดยการ 1.ปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ให้ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางเอสเอ็มอี รวมทั้งหนี้ของประชาชนตัวเล็ก ครูและนักศึกษา และพักหนี้เกษตรกร 3 ปี 2.เติมเงินเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ อาทิ ปรับเงินเดือน ป.ตรี ขึ้นเพราะเงินเดือนพนักงานไม่ได้ขึ้นมากว่า 7 ปีแล้ว ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

โดยขึ้นเป็นขั้นเป็นตอน และมีมาตรการที่ช่วยนายจ้างไม่ให้ได้รับผลกระทบ เพราะค่าแรงขณะนี้ต่ำกว่ารายจ่าย ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มทุกตัว ข้าว 12,000 บาท/เกวียน ยาง 60 บาท/ กิโลกรัม อ้อย 1,000 บาท/ตัน 3.ลดภาษี

อาทิ ลดภาษีน้ำมัน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพ ลดภาษีเงินได้ของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ให้สิทธิพิเศษนอกอีอีซีกับเอสเอ็มอีออนไลน์และสตาร์ทอัพ เพิ่มรายได้ให้ประชาชนตัวเล็ก เพื่อเพิ่มกำลังซื้อของประเทศ ยกเศรษฐกิจทั้งฐาน เมื่อคนตัวเล็กมีกำลังซื้อ ร้านขายสินค้าก็คึกคักขายดี เจ้าของโรงงานก็ไม่เจ๊ง

“ประสบการณ์ 17 ปีตั้งแต่ไทยรักไทย เราสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีได้ทุกครั้ง ที่มาบริหารประเทศไม่ว่าเศรษฐกิจจะวิกฤตขนาดไหน หลังต้มยำกุ้งเราฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด

วันนี้พรรคการเมืองหลายพรรคออกมาให้สัญญากับประชาชน ถือเป็นโอกาสดีของประชาชนที่จะตัดสินว่าใครไม่เคยทำได้ตามสัญญา ใครดีแต่พูด ใครให้คำสัญญาที่ทำได้จริง 24 มี.ค.พี่น้องคนไทยจะได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเองว่าจะอยู่กับลุงต่อไปอีก 4 ปี หรือจะเอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋ากลับคืนมา และหากให้ พท.เข้ามาทำงาน เราจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ใน 6 เดือน โดยราคาสินค้าเกษตรต้องปรับขึ้น เงินเดือนพนักงานต้องเพิ่มขึ้น” คุณหญิงสุดารัตน์

นายชัชชาติ กล่าวว่า เศรษฐกิจต้องดูในภาพรวมโดยเฉพาะการส่งออก และการท่องเที่ยว เสริมความมั่นใจ กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ และการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล นอกจากนี้เอสเอ็มอี เราต้องให้ทั้งทุน และปัญญาแก่ผู้ประกอบการ รวมถึงกฎระเบียบหรือกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบการก็ต้องมีการปรับแก้

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคพท.แสดงให้เห็นมาตลอดว่าเรามุ่งมั่น และดูแลสินค้าเกษตรได้ดีทุกตัว รวมถึงการปรับค่าแรงขั้นต่ำให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจของพรรคพท. เรามั่นใจว่าเราจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้ วันนี้ลงพื้นที่ประชาชนไม่ค่อยมาถามแล้วว่าเราจะให้ราคาพืชผลทางการเกษตรเท่าไร เพราะเขาเห็นผลงานที่เรามาตลอด ไม่ต้องสื่อสาร มองตาก็รู้ใจแล้ว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง เชื่อว่าประชาชนมีข้อมูลสำหรับการตัดสินใจแล้ว โดยจะพิจารณาจาก 4-5 ปีที่ผ่านมา ชีวิตของประชาชนดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งข้อมูลต่างๆ ชี้ว่า ชีวิตของประชาชนแย่ลง วันนี้ประชาชนจึงต้องเลือก 2 ทาง คือจะอยู่แบบเดิมหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อหลุดพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ ซึ่งมีทางเดียวคือการที่ประเทศมีประชาธิปไตยที่แท้จริง

เวลาที่เหลือก่อนการเลือกตั้ง เราจะชี้แจงตรงนี้ให้ประชาชนเห็น และผลงานที่ผ่านมาก็ยืนยันว่าสิ่งที่พรรค พท.พูดนั้น เราทำได้มากกว่าที่พูด ดังนั้นภายใน 6 เดือนเราจะยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเลือกฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนใครที่ยังกั๊ก รอจังหวะไปยืนข้างฝ่ายชนะนั้น ตนมองว่าไม่ใช่ทางออกของประเทศ เพราะทางออกของประเทศต้องกล้าประกาศให้ชัดว่าจะอยู่กับฝ่ายไหน ให้ประชาชนได้เลือก

เมื่อถามว่านโยบายข้าวที่หลายพรรคพยายามพูดถึงตัวเลข จะให้ชาวนาเท่านั้นเท่านี้ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เราไม่แข่งเรื่องตัวเลขหรือราคา หลายคนอาจมองรอบนี้พรรคเพื่อไทยมาแปลก ทำไมไม่แข่งตัวเลข แต่วันนี้คนอื่นมาเล่นในเกมเรา ที่เราเล่นในอดีต ในอดีตพรรคเคยเสนอเรื่องตัวเลข เพราะว่าเมื่อก่อนไม่มีใครคิด ไปมองเกษตรกร มองเงินเดือน ค่าแรงอย่างเป็นระบบ เมื่อมองรากฐานแล้วไปได้ ปัญหาประเทศวันนี้หนักกว่า 7 ปีที่แล้ว

เราต้องมาปรับโครงสร้าง ต้องทั้งซ่อมและสร้างไปพร้อมกัน เลยเกิดสิ่งที่เราเรียกว่า ชุดนโยบายในการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เช่น โครงสร้างนี้ รายได้โดยการเติมเงิน การจัดเก็บภาษี เพื่อมุ่งเป้าให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ มีเงินในกระเป๋า จึงต้องเติมเงินที่อยู่ในฐานพีระมิด ถ้าเราจะเป็นรัฐบาล เราจึงคิดแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรัฐบาลนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net