เด็กนักเรียนฆ่าตัวตายเพราะผมยาว: จม.เปิดผนึกถึง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.กระทรวงศึกษาฯ

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

จม.เปิดผนึกถึง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ 
รมว.กระทรวงศึกษาฯ

 

  6 มีนาคม พ.ศ. 2562

เรื่อง เด็กนักเรียนฆ่าตัวตายเพราะผมยาว

เจริญพร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

                                                            

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมามีข่าวที่น่าสลดใจเกิดขึ้นกับเยาวชนของเรา นั่นคือเด็กชายอายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.มาบตาพุด จ.ระยอง ได้ผูกคอตายเพียงเพราะเขาคิดว่าเขาคงไม่ได้เข้าห้องสอบในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากผมของเขายาว

ในข่าวเพื่อนร่วมชั้นได้แสดงความคิดเห็นว่า “วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย ครูได้เตือนให้นักเรียนที่ผิดระเบียบทั้งเรื่องทรงผมและเครื่องแต่งกายให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนเพราะเป็นการสอบวันสุดท้ายก่อนปิดเทอมใหญ่”

ก่อนวันเกิดเหตุ เด็กชายได้ขอเงินแม่ไปตัดผมแต่เมื่อไปถึงร้านตัดผมพบว่าร้านปิด เด็กชายกลับมาบ้านพูดว่า “พรุ่งนี้คงไม่ได้ไปสอบ” ในที่สุดเด็กชายก็ฆ่าตัวตายในเช้าวันถัดมา

ผู้เป็นแม่ได้ให้สัมภาษณ์ว่าลูกชายคงรู้สึกเครียดเนื่องจากผมยาวเพราะก่อนตายลูกชายได้รบเร้าให้ตนพาไปตัดผมเพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องสอบแต่ตนเองติดธุระจึงไม่ได้พาไปตัดผม ตนไม่คิดว่าลูกชายจะตัดสินใจฆ่าตัวตายเช่นนี้

แม้เนื้อหาของข่าวจะบอกว่าเด็กมีอาการซึมเศร้าแต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากฎระเบียบทรงผมอันเคร่งครัดของโรงเรียนมีส่วนทำให้เด็กมีอาการซึมเศร้า ในทางกลับกันโรงเรียนควรเป็นสถานที่ที่ทำให้เด็กมีความสุข โรงเรียนไม่ควรมีส่วนสร้างเงื่อนไขให้เด็กมีอาการซึมเศร้าที่ย่ำแย่ลงไป โรงเรียนควรเป็นสถานที่ที่ทำให้เด็กมีสุขภาพจิตที่ดีมีความสุข โรงเรียนควรเป็นสถานที่บำบัดความทุกข์ มิใช่เป็นสถานที่ที่คอยซ้ำเติมความทุกข์ใจของเด็กให้อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายลงไป

ในกรณีนี้หากโรงเรียนมิได้เคร่งครัดเรื่องทรงผม ท่านคิดว่าเด็กจะฆ่าตัวตายหรือไม่ ?

ทำไมเด็กๆ ในหลายประเทศทั่วโลกต่างไปโรงเรียนด้วยทรงผมที่แตกต่างหลากหลาย แต่สำหรับประเทศไทยเราต้องไปโรงเรียนด้วยทรงผมที่เกรียนเหมือนกันหมด นักเรียนหญิงต้องไว้ผมทรงเดียวเหมือนกันหมดแม้แต่จะซอยก็ไม่ได้

การที่โรงเรียนมุ่งเน้นลงโทษเรื่องทรงผมและการแต่งกายของเด็กทำให้เด็กเกิดความเครียดและความทุกข์ใจ เมื่อเด็กเครียดและทุกข์ใจเด็กย่อมรู้สึกไม่มีความสุขเมื่อต้องไปโรงเรียน เมื่อเด็กมีภาวะเครียดและทุกข์ใจเด็กจะเอาจิตใจส่วนไหนไปเรียนรู้วิชาการเพราะในหัวสมองของเด็กมีแต่ความทุกข์ เรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการน่าจะทราบดีในเรื่องสุขภาวะทางจิต มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายและเป็นเรื่องทางจิตวิทยา เมื่อเรามีความทุกข์ใจเราจะเอาจิตใจส่วนไหนไปเรียนหนังสือ

ในทางตรงกันข้าม หากเรามีความสุขใจ มีความเบิกบานใจ เราก็สามารถเรียนรู้อะไรได้ไวและมีประสิทธิภาพ ข้อนี้เราสามารถเห็นได้ชัดจากกรณีเด็กชายผูกคอตาย เมื่อเขารู้สึกทุกข์ใจเขาจึงไม่มีกำลังใจที่จะไปสอบ ในเมื่อปราศจากกำลังใจที่จะไปสอบในที่สุดเขาจึงฆ่าตัวตาย

ถ้าหากโรงเรียนมิได้เคร่งครัดเรื่องผมยาว เด็กชายคนนี้ก็คงไม่ต้องทุกข์ใจ สามารถไปสอบได้ตามปกติ และไม่ต้องมีข่าวการฆ่าตัวตายให้รู้สึกสะเทือนใจ

มันเป็นข่าวที่น่าสลดใจที่เยาวชนของเราต้องมาเสียชีวิตเพียงเพราะกฎระเบียบเรื่องทรงผมซึ่งสถาบันการศึกษาในบ้านเราไม่เคยยืดหยุ่นให้กับเยาวชนของเราเลย

เด็กมีความคิดความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน บางครั้งผู้ใหญ่บังคับให้เขาทำอะไรเด็กก็ปฏิเสธไม่ได้ เด็กต้องทำไปทั้งๆ ที่จำใจ หากเด็กไม่พร้อมที่จะทำก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ผู้ใหญ่มักไม่เข้าใจความรู้สึกของเด็ก ทั้งๆ ที่ผู้ใหญ่ก็เคยเป็นเด็กมาก่อน แม้แต่เรื่องทรงผมก็เช่นเดียวกัน เด็กหลายคนไม่ได้รู้สึกพอใจกับทรงผมที่โรงเรียนบังคับให้ไว้แต่เด็กก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ถึงพูดออกมาผู้ใหญ่ก็ไม่รับฟัง หรือผู้ใหญ่ก็จะตอบว่าเป็นเด็กเป็นเล็กจะไว้ผมยาวทำไมโดยอ้างว่ามันไม่เรียบร้อย เด็กหลายคนจึงได้แต่เก็บความทุกข์นี้ไว้ในใจนานวันเข้าก็กลายเป็นเด็กซึมเศร้าอยู่ภายในมองภายนอกก็ไม่รู้

ทรงผมที่ผู้ใหญ่ออกแบบมาผู้ใหญ่ก็ไม่เคยไปถามเด็กว่าพอใจจะไว้ผมทรงนี้ไหม ถ้าลองบังคับให้ผู้ใหญ่ไว้ผมยาวแค่ติ่งหูและไว้เกรียนดูบ้างผู้ใหญ่ก็ไม่เอา ทำไมเด็กจึงไม่มีสิทธิ์ไว้ทรงผมเท่าที่ผู้ใหญ่ไว้ได้

หลายครั้งที่ภาพการถูกไถผม ภาพการกร้อนผมของเด็กให้เสียทรงได้แพร่กระจายไปในสื่อสังคมออนไลน์จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทั้งๆ ที่การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดเนื้อตัวร่างกายของเด็ก แต่ไม่มีใครสนใจ แม้แต่ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการต่างก็นิ่งเฉย รัฐบาลเองก็นิ่งเฉย หากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศที่เจริญแล้วรัฐบาลของเขาข้าราชการในวงการศึกษาบ้านเขาคงไม่นิ่งดูดาย ข้าราชการในประเทศของเขาย่อมหาทางออกของปัญหาคงไม่ปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำๆ กับเด็กของเขาและไม่ปล่อยปละละเลยเหมือนบ้านเรา

และแน่นอนเราคงไม่เห็นภาพการกร้อนผมไถผมของเด็กในประเทศที่เจริญแล้ว เพราะประเทศที่เจริญแล้วเขาไม่ยุ่งกับทรงผมหรือการแต่งกายของเด็ก

จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้จึงต้องการส่งตรงถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมี “อำนาจ” ท่านน่าจะทราบข่าวนี้ดีเพราะเป็นข่าวที่สร้างความสลดใจให้กับสังคมและผู้ได้รับข่าวสาร และเป็นข่าวที่เกิดขึ้นในวงการศึกษาบ้านเราอันเกี่ยวเนื่องกับการเคร่งครัดอันเกินเลยขอบเขตกฎระเบียบเรื่องทรงผมของเด็กนักเรียนตามกฎกระทรวงศึกษาธิการที่ได้ระบุไว้

ถึงแม้กระทรวงศึกษาธิการจะออกมาปลดระวางกฎระเบียบเรื่องทรงผมตั้งแต่ พ.ศ. 2556 เป็นต้นมา แต่ก็มีโรงเรียนจำนวนน้อยมากที่ทำตามกฎกระทรวงที่ได้ปลดระวางแล้ว ในขณะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ยังคงนิ่งเฉยและยังคงเคร่งครัดกับทรงผมของนักเรียนตามเดิม สร้างความรู้สึกเคร่งเครียดให้กับนักเรียนเช่นเดิม แทนที่เด็กมาโรงเรียนแล้วจะมีความสุขกลับมีความทุกข์ใจ

ประเทศของเราก่อนหน้านี้ก็มิได้เคร่งเครียดเรื่องทรงผม กระทรวงศึกษาธิการเพิ่งมาเคร่งเครียดเรื่องทรงผมเด็กเมื่อ พ.ศ. 2515 นี่เอง แล้วต่อมาก็มีการให้อิสระกับทรงผมในปี พ.ศ. 2518 แต่ไม่มีโรงเรียนไหนปฏิบัติตามจนกระทั่งกระทรวงศึกษาธิการต้องออกมาย้ำเตือนเรื่องอิสระในการไว้ผมของเด็กอีกครั้งในปี พ.ศ. 2556 แต่ก็อย่างที่ปรากฏ มีโรงเรียนน้อยมากที่ปฏิบัติตาม

จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้จึงเขียนมาเพื่อขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ปฏิบัติการดังต่อไปนี้

  1. เข้าตรวจสอบและควบคุมโรงเรียนต่างๆ ที่มีความเคร่งครัดเคร่งเครียดเรื่องทรงผมของนักเรียน กำหนดให้โรงเรียนยุติการเข้าไปเคร่งครัดเคร่งเครียดกับทรงผมของนักเรียน ให้เด็กมีอิสระในการไว้ทรงผม หรืออย่างน้อยเด็กชายสามารถไว้รองทรงได้ทุกระดับชั้น ส่วนเด็กหญิงสามารถซอยสั้นหรือไว้ยาวก็ได้ ในกรณีไว้สั้นก็ไม่มีการบังคับให้สั้นถึงติ่งหู สามารถให้นักเรียนหญิงซอยได้ กรณีไว้ยาวให้แล้วแต่ดุลวินิจของโรงเรียนว่าจะให้เกล้าผมหรือไม่เกล้าผม ทั้งนี้โรงเรียน ครู อาจารย์ ต้องไม่เข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการละเมิดเส้นผมของนักเรียนเพราะเส้นผมของเด็กเป็นสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของเด็กผู้ใดจะละเมิดมิได้
     
  2. กำหนดให้มีการตรวจสอบโรงเรียนทุกโรงเรียนว่าได้กระทำการใดๆ อันเป็นการละเมิดเส้นผมของนักเรียนหรือไม่ เช่น ไถผม กร้อนผม ตัดผมของนักเรียน หากมีโรงเรียนใดกระทำการละเมิดเส้นผมของนักเรียนให้กระทรวงศึกษาธิการเข้าไปดูแลควบคุมมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น หรือหากโรงเรียนใดยังไม่ปล่อยอิสระให้นักเรียนชายไว้รองทรง หรือไม่ปล่อยอิสระให้นักเรียนหญิงไว้ผมซอย ให้กระทรวงศึกษาธิการเข้าไปควบคุมมิให้โรงเรียนมีอำนาจเหนือเส้นผมของนักเรียน
  1. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ออกมาร้องเรียนเรื่องทรงผมในกรณีที่โรงเรียนไม่อนุญาตให้นักเรียนชายไว้รองทรง หรือไม่อนุญาตให้นักเรียนหญิงซอยผม หรือในกรณีนักเรียนถูกกร้อนผม ตัดผม ไถผมให้นักเรียนโทรมาร้องเรียนผ่าน สายด่วนการศึกษา 1579
  1. เมื่อพบว่ามีโรงเรียนที่ให้อิสระในการไว้ทรงผมของนักเรียน ให้กระทรวงศึกษาธิการชมเชยโรงเรียนที่ให้อิสรภาพกับทรงผมของนักเรียน อาจจะแสดงที่เว็บไซต์ของกระทรวงศึกษาธิการหรือด้วยวิธีการอื่นๆ ที่สาธารณชนจะทราบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดโอกาสให้นักเรียนชายไว้ผมยาวได้เทียบเท่านักเรียนหญิง

ทำไมนักเรียนชายจึงถูกกำหนดให้ไว้ผมสั้นเกรียนในขณะที่นักเรียนหญิงสามารถไว้ผมยาวได้ถึงหัวไหล่ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่เท่าเทียมกันเลย      

สำหรับเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่เข้าใจยาก แต่สำหรับเด็กบางคนที่มีภาวะ “ข้ามเพศ” เขาจะรู้สึกแตกต่างอย่างมาก เด็กชายที่ใจเป็นหญิงเขาต้องการไว้ผมยาว ในขณะที่เด็กหญิงที่ใจเป็นชายเขาต้องการไว้ผมซอยสั้นหรือรองทรง ทำไมเราจึงไม่เปิดอิสระให้พวกเขาได้ไว้ทรงผมที่เขาต้องการ                                                                                                  .        

ข้อนี้จึงเสนอไว้สำหรับโรงเรียนที่เข้าใจถึงอิสรภาพของเด็ก เราเชื่อว่ามีโรงเรียนที่กล้าให้อิสรภาพกับนักเรียน และเราก็เชื่อในอิสรภาพของมนุษย์ว่ามนุษย์มีอิสระในเส้นผมของตนเอง ดังนั้นหากมีโรงเรียนใดที่กล้าหาญก็ขอให้กระทรวงศึกษาธิการกล้าที่จะชมเชยโรงเรียนดังกล่าวเพื่อเป็นเป็นแบบอย่างให้กับโรงเรียนอื่นๆ ในเรื่องสิทธิและเสรีภาพของเยาวชน

  ทั้ง 4 ข้อนี้ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเลย เราเชื่อว่าทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสามารถปฏิบัติตามคำขอทั้ง 4 ข้อนี้ได้ในปีการศึกษา 2562 ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ลงมือต่อเรื่องนี้อย่างจริงจังเชื่อว่าภาวะความเคร่งเครียด ความทุกข์ใจ ของเด็กย่อมลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะซึมเศร้าภายในที่เราสังเกตได้ยากก็จะค่อยๆ หายไป หาไม่แล้วกรณีเด็กชายผูกคอตายในครั้งนี้อาจไม่ใช่รายแรก เมื่อนั้นประเทศชาติและสังคมของเราต้องตกอยู่ในตราบาปที่เรากระทำกับเด็กของเราทั้งๆ ที่เราก็ทราบสาเหตุและสามารถแก้ไขได้แต่เราไม่ทำ

มีการพูดกันมากว่าถ้าเราปล่อยให้เด็กไว้ผมยาวแล้วเด็กจะขาดวินัย โตไปแล้วเด็กจะไม่เคารพกฎของสังคม แท้จริงแล้ววินัยที่โรงเรียนสร้างขึ้นนี้มิใช่ “วินัยในการอยู่ร่วมกัน” แต่เป็นการไปสร้างวินัยที่ไปสร้างความเหมือนและละเมิดเนื้อตัวร่างกายของเด็กมากกว่า จึงกลายเป็นการสร้างวินัยที่ผิดที่ผิดทาง

เราไม่เคยสร้างวินัยของการอยู่ร่วมกันในโรงเรียนเลย เช่น การไม่ล้อเลียนปมด้อยของเพื่อน การไม่นำชื่อชื่อพ่อแม่มาล้อเลียนกัน การไม่ใช้คำหยาบคายกับเพื่อน การไม่ทำร้ายร่างกายเพื่อน การไม่ลักขโมยของเพื่อน จะเห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้ทางโรงเรียนไม่เคยสอนเลย ในห้องเรียนมีเด็กทำร้ายร่างกายกันเองแต่ครูไม่เคยรับรู้ มีการเอาชื่อพ่อแม่มาล้อกัน มีการเอาปมด้อยของเพื่อนมาล้อกัน มีการลักขโมยของเพื่อน มีการทำร้ายตบตีรังแกกัน แต่ครูไม่เคยเข้าไปแก้ไข สิ่งที่ครูทำคือการเข้าไปยุ่งกับเส้นผมเนื้อตัวร่างกายของนักเรียน กลายเป็นการซ้ำเติมเด็กให้ได้รับความรุนแรงยิ่งขึ้นไป

เราจึงควรหันมาสร้างวินัยของการอยู่ร่วมกันมากกว่าวินัยที่นำไปสู่การละเมิดเส้นผมและร่างกายของเด็ก

การเข้าไปยุ่งกับเส้นผมและร่างกายของเด็กยังนำไปสู่การการออกจากโรงเรียนก่อนกำหนด

มีข้อมูลจาก ป้ามล ทิชา ณ นคร แห่งบ้านกาญจนา เขียนให้สะกิดความคิดบ่อยๆ ว่า “เยาวชนที่ก่ออาชญากรรมจำนวนมากเป็นเป็นเยาวชนที่ออกจากโรงเรียนก่อนกำหนด”

ในฐานะที่อาตมาทำงานสอนนักเรียน อาตมาทราบได้ทันทีว่าสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้เด็กต้องออกจากระบบการศึกษาก่อนกำหนดคือกฎเกณฑ์ของโรงเรียนบีบคั้นเด็กทำให้เด็กรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เมื่อเด็กรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเด็กก็ต้องดีดตัวเองออกมาหาอิสรภาพนอกโรงเรียน นำไปสู่การก่ออาชญากรรม

คำถามก็คือทำไมเราไม่ทำโรงเรียนให้เป็นที่ๆ เด็กสามารถอยู่แล้วมีความสุข ทำไมเราทำโรงเรียนให้กลายเป็นที่ๆ เด็กมาแล้วมีความทุกข์ใจ กังวลใจ เศร้าใจ

 

อาตมาขออนุญาตทิ้งคำถามนี้ไว้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้รับไว้ใคร่ครวญและขอให้รับข้อเสนอ 4 ประการข้างต้นไว้ปฏิบัติตามตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของเด็กที่ผู้ใหญ่จะละเมิดมิได้

                                                           

เจริญพร

พระชาย วรธัมโม

พระธรรมทูต ประจำหน่วยปฏิบัติการอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

หมายเหตุ: ผู้เขียน พระชาย วรธัมโม มีกำหนด นำจดหมายไปยื่นให้กระทรวงศึกษาธิการ ในเช้าวันอังคารที่ 12 เวลาประมาณ 11 โมง

หากทางผู้สื่อข่าวสนใจจะรายงานข่าว สามารถติดต่อได้ที่ พระชาย วรธัมโม 083 496 7310 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท