กกต. ตั้งคณะกรรมการไต่สวน อดีตแกนนำ และผู้สมัคร พรรคไทยรักษาชาติ หลังพบรณรงค์โหวตโนที่จังหวัดแพร่ และประกาศเทคะแนนให้อนาคตใหม่ที่ฉะเชิงเทรา ระบุอาจเข้าข่ายครอบงำ ชี้นำ ชักจูง จูงใจ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ขณะกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย ลงพื้นที่วันแรกประเดิมที่ร้อยเอ็ด จาตุรนต์ บอก กกต. ลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่มีต่างชาติร่วมปราศรัย

ภาพแกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด วันที่ 13 มี.ค. 2562 ที่มาภาพจาก: ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย 

13 มี.ค. 2562 สำนักข่าวไทย รายงานว่า อิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ ถึงการเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ที่เดินสายจัดเวทีปราศัยทั่วประเทศ หลังถูกยุบพรรค ว่า ความจริงความเป็นพรรคการเมืองได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเลือกตั้ง คงไปบังคับใช้ไม่ได้มาก เพราะไม่ได้อยู่ในฐานะที่เป็นผู้สมัครหรือพรรคการเมืองแล้ว แต่ก็ยังมีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องและต้องปฎิบัติตาม ส่วนในประเด็นอื่นๆ และประเด็นความมั่นคงมีหน่วยงานอื่นๆ ดูแลอยู่แล้ว

ส่วนการประกาศเทคะแนนให้คนอื่น จะเป็นความผิดทางกฎหมายหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าเข้าลักษณะความปรากฏต่อ กกต. จึงให้เลขาธิการ กกต. หรือ สำนักงาน กกต. ตั้งคณะสืบสวนไต่สวนแล้ว รวมถึง เรื่องการรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งโหวตโน ซึ่งอาจจะเข้าข่ายความผิดด้วย เพราะการรณรงค์โหวตโน ขอคะแนน เทคะแนน ทำไม่ได้ กฎหมายห้ามไว้ชัดว่าจะต้องให้ผู้ใช้สิทธิตัดสินใจเลือกเอง ห้ามชักจูง ชี้นำ จะบอกให้ใครทำอย่างนั้นอย่างนี้ไมได้

“การกระทำใดครอบงำ ชี้นำ ชักจูง จูงใจ สิ่งที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย มีอยู่แน่ๆ ถือเป็นความผิด การทำที่ใดที่อาจเป็นความผิด เราต้องตรวจสอบและหากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินการ ส่วนจะเป็นความผิดของใคร ระหว่างผู้ขอและผู้สมัครที่ได้คะแนน ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน” อิทธิพร กล่าว

เมื่อถามว่า เมื่อเป็นการครอบงำ ชี้นำ เข้าข่ายความผิดนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ อิทธิพร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและการกระทำ แต่เราไมได้ตั้งเป้าที่จะไปทำถึงขนาดนั้น จะดูเนื้อหาเป็นหลัก กรณีนี้ไม่ต้องมีการร้อง เพราะเป็นความปรากฏต่อ กกต.แล้ว และก็ได้ให้สำนักงานตั้งคณะกรรมการสอบ หากในต่างจังหวัดพบว่ามีความผิดในลักษณะเป็นความปรากฎ กกต.ก็สามารถสั่งตั้งกรรรมการสอบได้เป็นรายจังหวัด

ผู้สื่อข่าวประขาไทรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษชาติ พร้อมตัดสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการบริหาร 10 ปี  พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองสามารถรณงค์ช่วยพรรคาการเมืองอื่นหาเสียงได้ แต่ต้องระวังไม่ให้เข้าข่ายครอบงำพรรคอื่น และจะขึ้นรูปในป้ายหาเสียงคู่กับผู้สมัครของพรรคอื่นไม่ได้ แต่หากไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นแล้ว สามารถขึ้นรูปในป้ายหาเสียงคู่กับผู้สมัครได้ ส่วนสมาชิกและผู้สมัครคนอื่นๆ เมื่อพรรคถูกยุบสามารถไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น และเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ เพราะยังมีสถานะเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งประเด็นผู้ช่วยหาเสียงจะถูกควบคุมด้วยจำนวนและค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด 

ต่อมาวันที่ 9 มี.ค. 9 อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ตั้งกลุ่มภารกิจ “ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย” ประกาศเตรียมลงพื้นที่ใน 4 ภูมิภาค จัดเวทีสื่อสารกับประชาชน เพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อให้ประชาชนพิจารณาเลือกเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช.

โดยแฟนเพจเฟสบุ๊ค ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย ได้เผยแพร่ตารางการลงพื้นที่ในวันที่ 13 มี.ค. ว่าจะมีการลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด 10.00 น.ข้างที่ทำการป่าไม้ฯ (อ.หนองพอก) 14.00 น. วัดป่าทรงธรรม (อ.ธวัชบุรี) 18.00 น. โรงเรียนหนองตากล้า (อ.เมืองฯ) พร้อมมีการถ่ายทอดสดการจัดเวทีสื่อสารกับประชาชนผ่านทางเพจด้วย

ด้านจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย แสดงความเห็นกรณีที่ กกต. ตั้งคณะกรรมการไต่สวน ผ่านทวิตเตอร์ว่า “กกต. จะสอบเรื่องอดีตผู้สมัคร ทษช. เรื่องเทคะแนน ไม่ทราบว่า เทคะแนนแปลว่าอะไร และผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างไร ถ้าไม่เทคะแนนจะผิดฐานมีคะแนนในครอบครองหรือเปล่าครับ ส่วนที่พวกผมไปปราศรัยกันอยู่นี่ ถ้าจะสอบสวนก็ขอชี้แจงว่าไม่มีชาวต่างชาติร่วมปราศรัย”