Skip to main content
sharethis

ณัฏฐา 'โบว์' มหัทธนา วิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการ สกสส. และคณะ ยื่นหนังสือให้ กกต. ทวงถามการทำหน้าที่จัดเลือกตั้งให้เป็นธรรม ให้ตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐกรณีเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย นำหัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นแคนดิเดตนายกฯ อย่างทันท่วงทีเท่ากับพรรคฝ่ายตรงข้าม กระตือรือร้นกับเหตุบกพร่องที่พบตามสื่อโดยไม่ต้องรอคนมาแจ้ง

ซ้ายไปขวา: ณัฏฐา มหัทธนา วิญญัติ ชาติมนตรี 

15 มี.ค. 2562 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง วิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) และคณะ มายื่นหนังสือให้ กกต. ขอให้ กกต. ทำหน้าที่เพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม กรณีที่พรรคพลังประชารัฐอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ให้เสร็จสิ้นก่อนวันเลือกตั้ง และขอให้ไม่เพิกเฉยต่อข้อมูลการทุจริตและปัญหาการจัดการการเลือกตั้งต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในสื่อหลักและสื่อออนไลน์ โดยให้มีความกระตือรือร้นเท่ากับที่ได้ปฏิบัติต่อพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม คสช. โดยไม่ต้องมีผู้ร้องเรียน

ณัฏฐากล่าวว่า ในวันนี้กฎหมายอาจถูกทำให้ประชาชนฟังไม่รู้เรื่อง มีนักกฎหมายออกมาตีความกฎหมายมากมาย แต่อยากให้ประชาชนดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรือลงสมัครรับเลือกตั้ง  เพราะว่าเขาเหล่านั้นอาจใช้อำนาจที่มีในมือเพื่อก่อประโยชน์ให้กับการเลือกตั้ง เช่น ใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการหรืองบประมาณ แต่เหตุใด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ซึ่งสามารถจะเอื้อประโยชน์ต่อการเลือกตั้งและทำให้เกิดการขัดผลประโยชน์ได้มากกว่าใครในประเทศนี้ยังสามารถเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้

ณัฏฐายังกล่าวเสริมว่า “ขอให้ กกต.ไม่เพิกเฉยต่อข้อมูลความไม่ชอบมาพากลอื่นๆ ที่มีการเผยแพร่เป็นร้อยกรณี เช่นที่ปรากฎในเพจ CSI LA และกรณีปัญหาต่อผู้มีสิทธิลงคะแนนในต่างแดน ที่จะส่งผลต่อการเสียสิทธิจำนวนมหาศาล พวกเราจึงมายืนพูดถึงสำนักงานกกต. โดยขอให้คำบอกกล่าวของตนถือว่าได้เป็นการนำความให้ปรากฎต่อ กกต. แล้ว ขอให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ อย่าทำให้ประชาชนเจ็บปวดมากไปกว่านี้” ก่อนจะเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้รับเรื่องได้ให้ข้อมูลว่าการร้องเรียนครั้งนี้เป็นรายที่แปดแล้วเฉพาะตลอดทั้งวันนี้

วิญญัติกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (14 มี.ค. 2562) ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำงานเหนือหน้าที่ (ระบุตำแหน่งของประยุทธ์ว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ) ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ใช่องค์กรวินิจฉัย ชี้ขาดตามรัฐธรรมนูญ แต่เป็นศาลหรือ กกต. ต่างหาก แล้วทำไมถึงไม่มีการวินิจฉัยชี้ขาดสักที  จะปล่อยให้คนๆ หนึ่งอยากจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวันไหนได้ จะเป็นบุคคลทั่วไปวันไหนก็ได้หรือ

อีกประเด็นคือ ความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประยุทธ์นั้นทราบอยู่แล้วว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่อะไร  การเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องเสรี เป็นธรรมและสุจริต ถ้า กกต. ไม่สามารถมีข้อวินิจฉัยชี้แจงให้ชัดเจนก่อน 17 มี.ค. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า ก็จะถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตนพูดเช่นนี้ไม่ได้ข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ว่าเป็นการพูดตามหลักการ ส่วนที่ได้มายื่นหนังสือต่อ กกต. เมื่อ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่คัดค้านการประกาศชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมขอให้ไต่สวนยุบพรรคนั้นยังไม่ได้รับคำตอบ ถ้าหากไม่มีคำตอบภายในวันเลือกตั้งใหญ่ (24 มี.ค. 2562) ก็ถือว่า กกต. ก็ควรลาออก เพราะการเลือกตั้งจะส่อว่าไม่เป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม

เขียนที่ ประเทศที่ระบบนิติรัฐกำลังถูกทำลาย

วันที่ 15 มีนาคม 2562

เรื่อง (1) ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทำหน้าที่เพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม กรณีที่พรรคพลังประชารัฐอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ให้เสร็จสิ้นก่อนวันเลือกตั้ง และ

(2) ขอให้ไม่เพิกเฉยต่อข้อมูลการทุจริตและปัญหาการจัดการการเลือกตั้งต่างๆที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในสื่อหลักและสื่อออนไลน์ โดยให้มีความกระตือรือร้นเท่ากับที่ได้ปฏิบัติต่อพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม  คสช. โดยไม่ต้องมีผู้ร้องเรียน

เรียน ประธานกรรมการการเลือกตั้ง

ข้าพเจ้า น.ส. ณัฏฐา มหัทธนา ในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และผู้ที่เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความหมายยิ่งต่ออนาคตของประเทศ จนไม่อาจเพิกเฉยต่อการเลือกปฏิบัติของท่าน ที่ได้ทำให้สนามเลือกตั้งขาดความเป็นธรรมจนเป็นที่ประจักษ์ในสายตาประชาคมโลก ขอมีหนังสือฉบับนี้มาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ขจัดความรู้สึกของประชาชนที่ว่าเรื่องกฎหมายเป็นเพียงเรื่องของนักกฎหมายที่จะฟังเข้าใจกันเองเท่านั้น อันเป็นการเปิดช่องให้เนติบริกรใช้เล่ห์เหลี่ยมสร้างบรรทัดฐานว่าสามัญสำนึกไม่อาจทำงานได้เมื่อถกเถียงกันถึงถ้อยคำในกฎหมาย ทั้งที่กฎหมายเป็นเครื่องมือที่มีเจตนารมณ์เพื่ออำนวยความยุติธรรม และการตระหนักถึงความยุติธรรมคือสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน ซึ่งไม่เคยเบี่ยงเบนไปจากสามัญสำนึกของวิญญูชน ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด และในสถานะใดๆ

จึงมีหนังสือฉบับนี้มาเพื่อ
(1) ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทำหน้าที่เพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีที่พรรคพลังประชารัฐอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ให้เสร็จสิ้นก่อนวันเลือกตั้ง

และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการทำงานของท่าน ข้าพเจ้าได้ศึกษาคำวินิจฉัยของ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติมาแล้ว จึงขอเรียนว่าท่านสามารถใช้บรรทัดฐานเดียวกัน ในประเด็นความ ”อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย” กับการพิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐได้เลย โดยใช้เวลาเร็วกว่า เพราะกรณีของพรรคก่อนหน้า ท่านก็สามารถทำได้ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง โดยไม่ต้องมีคำร้องและไม่ต้องผ่านนายทะเบียนตามระเบียบ รวมถึงไม่ได้มีการไต่สวนให้ความเป็นธรรมใดๆต่อผู้ถูกกล่าวหา ในขณะที่คำร้องให้ยุบพรรคพลังประชารัฐจากบุคคลต่างๆถูกส่งให้ท่านเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีการเริ่มกระบวนการพิจารณา 

จึงขอเรียนให้ท่านพิจารณาในมาตรฐานเดียวกัน ประเด็นว่าพรรคพลังประชารัฐสมควรจะถูกยุบ เนื่องจากการเสนอชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ให้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยพรรคพลังประชารัฐนั้นเป็น “การอาศัยสิทธิเสรีภาพที่ได้มาจากรัฐธรรมนูญ ให้มีผลย้อนกลับมาทำลายหลักการพื้นฐาน บรรทัดฐาน คุณค่า และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเสียเอง" โดยนอกเหนือจากเหตุผลตามข้อร้องเรียนโดยละเอียดของบุคคลต่างๆที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ดังเป็นที่ทราบทั่วกันแล้ว  ข้าพเจ้าขอให้เหตุผลเพิ่มเติมโดยอิงบรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วางไว้ในกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ เพราะมีความพ้องกันในหลักการหลายประการ ดังนี้

  • หัวหน้า คสช. ได้อำนาจจากการรัฐประหาร เป็นบุคคลที่อาจถือว่าไม่มีความเลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ และยังคงใช้อำนาจที่อ้างว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์อันได้มาจากการยึดอำนาจและจะใช้ต่อไปจนมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ การเสนอชื่อบุคคลดังกล่าวให้เป็นนายกรัฐมนตรี ให้มีโอกาสสืบทอดอำนาจที่ได้มาด้วยวิธีการดังกล่าวซึ่งเป็นความผิดฐานกบฏก่อนจะตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์และออกกฎหมายนิรโทษกรรมตนเองนั้น จึงเป็นการ “เซาะกร่อนบ่อนทำลายและสร้างบรรทัดฐานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย”
  • พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. ยังสามารถใช้อำนาจรัฐในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจเต็ม และใช้อำนาจหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ออกคำสั่งใดๆให้เป็นกฎหมายได้ โยกย้ายข้าราชการได้ และใช้งบประมาณโดยปราศจากการตรวจสอบและอนุญาตโดย กกต.ได้ ซึ่งผิดไปจากหลักการใช้อำนาจของรัฐบาลที่พึงเป็นรัฐบาลรักษาการก่อนการเลือกตั้งที่มีอำนาจจำกัด จึงเป็นปัจจัยที่เชื่อได้ว่าจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบอันจะนำสู่การเลือกตั้งที่ไม่เสรีเป็นธรรม เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของกลุ่มตน เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายหลักการประชาธิปไตย และขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
  • หัวหน้า คสช.มีส่วนสำคัญในกระบวนการคัดเลือก ส.ว. 250 คน ที่จะมีส่วนร่วมในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกับ ส.ส.จากการเลือกตั้งโดยประชาชน 500 คน ตามที่ได้จัดการร่างไว้ในรัฐธรรมนูญ การเสนอชื่อหัวหน้า คสช.เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่ 1 ใน 3 ของรัฐสภาที่จะโหวตเลือกนายกเป็น ส.ว. จากการแต่งตั้งโดย คสช.ด้วยวิธีเช่นนั้น “จึงเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นได้ว่าจะส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรม” ขัดกับหลักการสิทธิทางการเมืองที่เท่าเทียมกันของพลเมืองตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รวมถึงขัดเจตนารมณ์ขององค์ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญ ตามที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ว่ามีพระราชประสงค์มอบอำนาจให้ประชาชน ไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด
  • พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ห้ามพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” มารับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นรัฐมนตรีตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แม้นักกฎหมายหรือองค์กรอิสระบางองค์กรจะพยายามปฏิเสธความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐของหัวหน้า คสช. โดยอ้างวิธีการได้มาซึ่งอำนาจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจตนารมณ์ของ พรป.เลือกตั้งที่มีการกำหนดลักษณะต้องห้ามที่รวมถึงเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐไว้ด้วยนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขัดผลประโยชน์ ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ หรืออำนวยให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนในการเลือกตั้ง เห็นได้ชัดว่าหัวหน้า คสช. ซึ่งสามารถออกคำสั่งเป็นกฎหมาย โยกย้ายข้าราชการ และใช้งบประมาณได้อย่างอิสระ น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ขาดคุณสมบัติมากกว่าเจ้าหน้าที่รัฐทั้งปวง บุคคลหรือองค์กรใดพยายามตีความเพื่อหลีกเลี่ยงหลักการดังกล่าว สมควรมีความละอายต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง
  • รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มุ่งลดเงื่อนไขความขัดแย้งเพื่อให้ประเทศมีความสงบสุขรู้รักสามัคคีปรองดองภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยและประเพณีการปกครองที่เหมาะสมของไทย อีกทั้งรัฐธรรมนูญได้รับรองบัญญัติคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของปวงชนอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามการใช้สิทธิเสรีภาพต้องไม่บั่นทอนรัฐธรรมนูญ หรือทำลายคติรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้เสื่อมโทรมไป

การเสนอชื่อหัวหน้า คสช. เป็นนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ จึงเป็นการกระทำที่ “อาจเป็นปฏิปักษ์” ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการ "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย” หลักการประชาธิปไตยพื้นฐานที่เป็นสากล บั่นทอนและขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขัดหลักธรรมมาภิบาล และเป็นการสร้างบรรทัดฐานกับพัฒนาการประชาธิปไตยในประเทศไทยให้ ”เสื่อมโทรม หยุดลง หรือถึงกับสูญสิ้นไป ซึ่งหาควรปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่  จึงขอให้ท่านได้ทำหน้าที่พิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐโดยด่วน เพื่อรักษาความเป็นธรรมในสนามเลือกตั้ง

(2) ขอให้ไม่เพิกเฉยต่อข้อมูลการทุจริตและปัญหาการจัดการการเลือกตั้งต่างๆที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในสื่อหลักและสื่อออนไลน์ โดยให้มีความกระตือรือร้นเท่ากับที่ได้ปฏิบัติต่อพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามคสช. โดยไม่ต้องมีผู้ร้องเรียน

ข้าพเจ้าได้ทราบจากข่าวในสื่อทั่วไปเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 ว่ามีหลายเรื่องที่กกต.ตั้งคณะกรรมการสอบ แม้ไม่มีผู้ร้องเรียน เช่นกรณีอดีตผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคการเมืองประกาศเทคะแนนให้ผู้สมัครอื่น หรือกรณีที่มีประชาชนรณรงค์โหวตโน โดยประธานกกต.ระบุว่าไม่ต้องมีการร้องก็ตั้งกรรมการสอบได้ เพราะเป็นความปรากฎต่อ กกต.แล้ว ข้าพเจ้าจึงขอให้ กกต.ไม่เพิกเฉยต่อข้อมูลความไม่ชอบมาพากลอื่นๆ ที่มีการเผยแพร่กันอย่างแพร่หลายเป็นร้อยกรณี เช่นที่ปรากฎในเพจ CSI LA และกรณีปัญหาต่อผู้มีสิทธิลงคะแนนในต่างแดน ที่จะส่งผลต่อการเสียสิทธิจำนวนมหาศาล โดยขอให้คำบอกกล่าวของข้าพเจ้าในหนังสือฉบับนี้ ถือว่าได้เป็นการนำความให้ปรากฎต่อ กกต. แล้ว

จึงเรียนมาเพื่อทราบและได้โปรดปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ

ขอแสดงความนับถือ

น.ส. ณัฏฐา มหัทธนา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net